วันนี้เด็กชายตัวน้อย อายุ 3 ขวบมารับยาARV ช่วงที่รอคิวตรวจกับคุณหมอรุจนี ดิฉันนำหนังสือรูปภาพสัตว์ต่างๆมาให้เขาดูเพื่อไม่ให้เด็กเบื่อ และลองให้เขาทาย นี่รูปอะไรเอ่ย?เด็กตอบจะเข้ (จรเข้) ดิฉันกล่าวชม"เก่งมาก"และปรบมือให้ นี่ล่ะ?เด็กตอบ แมวเหมียวๆๆ ดิฉันก็กล่าวชมและปรบมือให้อีก ถามต่ออีกครั้ง"แล้วตัวน่ารักๆนี้ล่ะเรียกว่าอะไรจ๊ะ?" เด็กตอบจะต่าย(กระต่าย)ดิฉันชมว่าเก่งมาก และกำลังจะถามต่อ แต่เด็กชายตัวน้อยผู้แสนฉลาดคนนี้ มองหน้าดิฉันแล้วพูดว่า ทำไมไม่ตบมือ(ปรบมือ)ด้วย ดิฉันรีบปรบมือให้ทันทีเด็กจึงยิ้มและหัวเราะอย่างชอบใจ ได้แง่คิดจากเด็กชายตัวน้อยคนนี้ คือ เรื่องของการให้กำลังใจ ผู้ใหญ่บางคนแค่ได้รับรอยยิ้มก็เกิดกำลังใจ บางคนต้องการทั้งรอยยิ้มและคำพูดที่ให้กำลังใจจึงเกิดกำลังใจ บางคนต้องการของรางวัลด้วยจึงจะพอใจหายเหนื่อย สรุป แล้วทุกคนไม่ว่าใครในโลกนี้ต้องการกำลังใจ ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้เด็กๆเอชไอวี และเจ้าหน้าที่ของสถาบันบำราศนราดูรทุกๆคนตลอดไปค่ะ
"ป้าหน่อย"
บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจจินตนาการของเด็กๆ แต่บ่อยครั้งที่ความไร้เดียงสาของพวกเขา ทำให้เราอดอมยิ้มไม่ได้
เป็นกำลังใจให้นะคะ
พออ่านแล้วเห็นภาพเลยรู้สึกดีค่ะ เป็นกำลังใจให้ทั้งเด็กและป้าหน่อยคะ
อยากได้กำลังใจแบบนี้จากเจ้านาย เพื่อน และเพื่อนร่วมงานบ้างไม่ค่อยมีคนนึกถึงนะคะ อับเฉาจัง :<(
ถ้าเราอยากเป็น ผู้ได้รับ รอยยิ้ม กำลังใจ เสียงปรบมือ จากผู้อื่น
เราเองลองมาสำรวจตัวเองดูบ้าง ว่าเคยได้เป็น ผู้ให้ บ้างรึเปล่า
อย่าหวังว่าเราจะได้สิ่งเหล่านั้นจากคนรอบตัว เพราะเราเองไม่เคยมอบใคร