มหาวิทยาลัยมหิดล หนุนให้ทีมสหสาขาจากหลายคณะและสถาบัน ทำวิจัยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน ร่วมกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นคณะและสถาบันทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ และได้นำร่องโดยใช้ชุมชนเป็นฐานปฏิบัติการวิจัย (Community-Based Program) การพัฒนากรอบดำเนินงานแบบผสมผสานหลายสาขา ทำให้ต้องเรียนรู้เพื่อจัดการกับปัญหาทางการปฏิบัติเป็นจำนวนมาก ยิ่งทำไปก็ยิ่งพบว่า การที่เราพัฒนาตนเองมาอย่างแยกส่วนนั้น ทำให้เราต้องใช้พลังงานในการที่จะเป็นทีมและเครือข่ายการทำงานเชิงพื้นที่ด้วยกัน ที่มากมายเป็นอย่างยิ่ง ตัวตนและพรมแดนทางวิชาชีพ ก่อให้เกิดช่องว่างเต็มไปหมด แม้แต่ความพยายามที่จะสื่อความเข้าใจกันในเรื่องที่เราเคยคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อคิดและตัดสินใจคนเดียว สาขาเดียว ทว่า พอเรียนรู้เป็นทีมสหสาขา กลับไม่ช่วยให้ยิ่งง่ายอย่างที่คิด การวางตัวเองลงก่อน ทั้งตัวตน ความรู้ ความเชี่ยวชาญ รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือที่ต่างก็เป็นความเชี่ยวชาญของตน อาจจะทำให้สามารถขึ้นกรอบการทำงานใหม่ๆ และสร้างบริบทจากการปฏิบัติ ให้ทีมมีพื้นฐานการทำงานในแนวทางใหม่ๆได้
เมื่อมีแนวคิดดังกล่าวร่วมกัน เครื่องมือที่นำเอามาใช้ก็คือ การเรียนรู้ชุมชนอย่างมีส่วนร่วม และเนื่องจากเป็นระยะแรกๆ ซึ่งสารัตถะของการทำงานยังไม่ลงลึกและไม่ยุ่งยากอะไรมากนัก ผมเลยขออาสาเป็นผู้ออกแบบและจัดกระบวนการให้ เครื่องมือการเรียนรู้ชุมชน ที่สามารถใช้ทักษะปัจเจกและการจัดการเรียนรู้เป็นกลุ่ม เป็นหลัก ถูกดึงออกมาใช้เยอะแยะ รวมทั้งดัดแปลงของท่านอื่นๆด้วย เช่น การทำแผนที่เดินดินและการสำรวจผังเครือญาติ ของคุณหมอโกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ แห่งสำนักวิจัยสังคมสุขภาพ สวรส การเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพบางด้าน ของ ดร.ลือชัย ศรีเงินยวง แห่งสังคมศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ฐานคิดของเราก็คือ การพากันหาประสบการณ์และการเรียนรู้เชิงประจักษ์ จากการเรียนรู้ชุมชนอย่างมีส่วนร่วมด้วยกัน จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับตัวตนของปัจเจกและตัวตนของทีม ที่เอื้อต่อการทำงานวิจัยแบบบูรณาการในระยะต่อไปได้ ความเข้าใจชุมชน จะช่วยให้เราได้ทัศนะที่คลายความติดยึดกับกรอบของแต่ละสาขา ได้จิตใจอย่างใหม่ อีกทั้งช่วยวางกรอบการคิดจากประสบการณ์ เพื่อระดมพลังสร้างสรรค์การทำงานด้วยกันบนเงื่อนไขอย่างใหม่ (Re-setting Context)
ส่วนหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ชุมชนดังกล่าว ผมได้ใช้การวาดรูป วาดแผนที่และแผนภาพต่างๆที่เกี่ยวกับชุมชน รวมทั้งเน้นให้ช่วยกันลดอุปสรรคในการสื่อความเข้าใจกัน (Communication Barriers) โดยใช้การวาดรูป ทำสื่อ และทำเครื่องมือการวิจัย ทั้งเพื่อการเก็บข้อมูล การสื่อสารและการนำเสนอต่างๆเกี่ยวกับการวิจัย ให้มีพลังในการเข้าถึงความรุ้สึกและก่อเกิดความเข้าอกเข้าใจกัน ทั้งในหมู่ทีมวิจัยและกับชาวบ้านหลากอาชีพ เหนือการใช้ถ้อยคำและภาษา
ผลของกระบวนการดังกล่าว ช่วยให้ทีมมีความคืบหน้าในการทำงานวิจัยเชิงพื้นที่ดีขึ้นมากทีเดียว การได้เหนื่อยยาก และการได้ปฏิบัติ ตลอดจนการได้สัมผัสกับชีวิตของชุมชนด้วยตนเองด้วยกัน ให้ได้ การรู้และประจักษ์แก่ตนเอง เกิดขึ้นในหมู่นักวิจัย ทำให้มีพื้นฐานในการฝ่าข้ามอุปสรรคที่คาดเดาไม่ได้ระหว่างการปฏิบัติ ได้พอสมควร
จะด้วยความสนใจเป็นทุนเดิมของนักวิจัยหรือเห็นผลดีจากการปฏิบัติงานในสนามด้วยกันหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ทีมได้ขอให้ผมจัดอบรม การวาดรูปและการทำ Mind Mapping เสริมศักยภาพให้แก่ทีมอย่างเป็นการเฉพาะ.... เพื่อเป็นเครื่องมือการวิจัยให้แก่ทีมวิจัยบูรณาการ ประมาณนั้น
เป็นเรื่องที่น่าท้าทายสำหรับทีมนักวิจัยมาก แต่ที่มากกว่าคือ จัดว่าเป็นความท้าทายสำหรับผมอย่างยิ่ง เพราะกลุ่มผู้ขอเรียนรู้เรื่องนี้ ล้วนเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยสาขาที่เรียกว่า Hard Sciences อีกทั้งบางส่วน ก็เป็นนักวิจัยอาวุโสที่สวมหมวกผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมหิดล อีกใบหนึ่ง กระบวนการต่างๆคงจะเกิดความยุ่งยากจากการสื่อสารข้ามสาขา (Cross-discipline Communication for Transform)เป็นอย่างยิ่ง เราไปจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ฝึกใช้เครื่องมือทางการวาด การพัฒนาการคิด และการถ่ายทอดสื่อสาร ด้วยการวาดรูปแบบต่างๆ หามรุ่งหามค่ำ 3 วัน 2 คืน ผลที่เกิดขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นการอบรม และต่อจากนั้น เมื่อกลับมาทำงานร่วมกันต่อไปอีก ก็พบว่า เรามีเครื่องมือช่วยการทำงานเป็นกลุ่มวิจัยแบบข้ามสาขา ได้ดีขึ้น ทีมวิจัย มีความเป็นบูรณาการอยู่ในตัวเอง และสามารถดำเนินการวิจัยแบบข้ามกรอบสาขาวิชา ได้ดีกว่าเดิม เป็นประสบการณ์ที่ดีมากจริงๆ
ผมเห็นจุดร่วมของทักษะปัจเจกที่กำกับด้วยสมองซีกซ้ายและซีกขวา ที่ลงตัวอยู่ในตัวเองของแต่ละคน เห็นการส่องทางให้กันของความเป็นวิทยาศาสตร์ในศิลปะ และองค์ประกอบศิลปะในความเป็นวิทยาศาสตร์ แม้แต่ละคนจะเข้าสู่สาระและความเป็นจริงต่างๆ ด้วยวิถีและวิธีที่แตกต่างกัน ทว่า ความเข้าใจ ความตระหนักรู้ ความปีติยินดี สันติและความงอกงามภายใน อาจเข้าถึงร่วมกันได้
จะด้วยความสนใจเป็นทุนเดิมของนักวิจัยหรือเห็นผลดีจากการปฏิบัติงานในสนามด้วยกันหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ทีมได้ขอให้ผมจัดอบรม การวาดรูปและการทำ Mind Mapping เสริมศักยภาพให้แก่ทีมอย่างเป็นการเฉพาะ.... เพื่อเป็นเครื่องมือการวิจัยให้แก่ทีมวิจัยบูรณาการ ประมาณนั้น
ศิลปะใครว่าไม่สำคํยเน๊าะท่านอาจารย์...
อ้าว แล้วใครล่ะว่าไม่สำคัญฮึครูอ้อยเล็ก สำหรับกิจกรรมกับกลุ่มที่ผมนำมาเล่านี้ เป็นเหมือนการพัฒนาการทำวิจัยสุขภาพชุมชนที่ผสมผสานมิติใหม่ๆเข้าด้วยกันน่ะครับ เป็นบทเรียนจากการได้เจอของจริงและจากกลุ่มคนที่อยู่แถวหน้าในศาสตร์ของเขา ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ดีของสังคมเลยอยากบันทึกและรายงานทิ้งๆไว้ครับ หากไม่สามารถดึงให้เข้ากับวิถีคตนเองได้อย่างสนิท คนอื่นก็จะได้มีแง่มุมได้ความคิดไปพัฒนาต่อครับ