ชื่นชมแนวคิดในการจัด"โครงการโรงเรียน 3D"
( Democracy – Decency – Drug
)
โดยเป็นแนวคิดที่จะให้สถานศึกษาระดับขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา
ทั้งรัฐและเอกชน ทำโครงการส่งเสริมประชาธิปไตย
ปลูกฝังคุณภาพสำนึกรักชาติ และป้องกันปัญหายาเสพติด
โดยร.ร.ต้องปลูกฝังให้นร.รังเกียจการซื้อเสียง
เพื่อกำจัดมะเร็งร้ายทำลายระบอบประชาธิบไตย
ส่วนการรณรงค์แก้ปัญหายาเสพติดนั้น ให้เน้นรณรงค์เลิกสูบ
ดึงครูผู้บริหาร เลิกสูบเป็นตัวอย่างให้นักเรียนด้วย
แนวคิดดังกล่าว
เป็นแนวนโยบายที่สำคัญของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.)
ซึ่งเปิดเผยระหว่างให้นโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ
ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
จะให้สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษาทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน
จัดกิจกรรม 3 D คือ กิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตย (Democracy )
กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ความภาคภูมิในความเป็นไทย(Decency)
และกิจกรรมป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด (Drug )
ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องคิด
โดยเฉพาะโครงการจัดกิจกรรมรณรงค์เรื่องประชาธิปไตยอย่างจริงจัง
เพื่อให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญ
ต้องปลูกฝังให้นักเรียนรังเกียจและต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียงซึ่งเปรียบเทียบมะเร็งร้ายของระบอบประชาธิปไตย
เป็นปัญหาใหญ่ซึ่งทำให้เกิดปัญหาทุกอย่างตามมา
เมื่อมีการการซื้อเสียงก็ต้องมีการถอนทุน การคอรัปชั่น
นำมาซึ่งความล้มเหลวของระบบประชาธิปไตยในบ้านเรา
เป็นปัญหาคาราคาซังมาจนทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม
ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำเพื่อนักการเมือง หรือพรรคการเมืองใด แต่
ศธ.ต้องการปลูกฝังจริยธรรมของระบอบประชาธิปไตยอันบริสุทธิ์
ในส่วนกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมนั้น
ปัจจุบันสถานศึกษาจัดกิจกรรมดังกล่าวอยู่แล้ว
แต่ต้องการให้เพิ่มความเข้มข้นขึ้น
และให้รายงานผลการการดำเนินการมายังต้นสังกัดและ
ร.ร.จะต้องมีแผนแก้ปัญหายาเสพติดอย่างครบวงจร ทั้งป้องกัน
ปราบปรามและบำบัดรักษาผู้เสพไม่พยายามเสพติดอย่างครบวงจร ที่สำคัญ
การรณรงค์แก้ไขปัญหายาเสพติดของสถานศึกษานั้น
จะให้เน้นหนักการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ด้วย ที่ผ่านมา สถานศึกษา
ตีความยาเสพติดแค่ยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีน แต่จริง ๆ แล้ว
บุหรี่ก็เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งและมีงานวิจัยว่า
บุหรี่เป็นจุดเริ่มต้นเดินไปสู่การเสพยาเสพติดที่รุนแรงขึ้น
เพราะฉะนั้น
ต้องสกัดกั้นตั้งแต่ต้นทางจึงจะป้องกันเยาวชนจากยาเสพติดได้ผล
ทั้งนี้“จะต้องให้สถานศึกษาเป็นเขตปลอดบุหรี่ โดยครู ผู้บริหาร
จะต้องไม่สูบบุหรี่เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็ก อย่างไรก็ตาม
การแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษานั้น
จะต้องเริ่มจากการยอมรับความจริง
ผู้บริหารสถานศึกษาต้องกล้าเปิดเผยตัวเองนักเรียนเสพยาที่แท้จริง
และไม่ต้องกลัวว่า จะมีความผิด
ผมจะไม่เอาโทษทางวินัยกับสถานศึกษาที่มีเด็กติดยาเสพติด
เพราะต้องการให้สถานศึกษากล้าเปิดเผยความจริงออกเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา
“
สิ่งที่จะดำเนินการให้เกิดรูปธรรม ก็จะกำหนดให้
สพท.ติดตามการจัดกิจกรรม 3D
ของทุกสถานศึกษาและรายงานผลต่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) และเดียวกัน สพฐ.เองก็จะมีรูปแบบการจัดกิจกรรมสำเร็จรูป
โครงการต้นแบบ เพื่อให้ร.ร.นำไปปรับใช้ได้
หรือร.ร.ใดจะคิดโครงการขึ้นมาเป็นนวตกรรมใหม่ ๆ ก็ได้
แต่ทุกร.ร.จะต้องมีกิจกรรม 3 อย่างนี้
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งทั้งรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ
(ศธ.)กำลังดำเนินการอยู่ จึงต้องการให้สถานศึกษาจัดกิจกรรม 3 D
ขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
นับเป็นนโยบายที่ได้กำหนดขึ้น
และเป็นผลดีต่อเยาวชนและการศึกษาของชาติ
และผลของโครงการนี้จะทำให้สถานศึกษาเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาคน สังคม
และประเทศชาติ ที่แท้จริง
อ้างอิง
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 20 พฤษภาคม
2552