จากหนังสือวิธีฝึกปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันอย่างง่าย ๆ เขียนโดย นพ.เอกชัย จุละจาลิตต์ ซึ่งกะ(พี่สาว)สุคนธ์ พยาบาลวิชาชีพ รพ.ปากพะยูน ซื้อมาฝากผมตอนไปประชุมวิชาการที่เกี่ยวกับงานคนพิการ และได้ฝากถึงผมเมื่อสองสัปดาห์ก่อน คืนนี้อยู่นิ่ง ๆ ในขณะที่ระบบ Internet ช้ามาก ก็เลยได้เปิดอ่านอย่างตั้งใจ ก็ได้พบประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือผู้เขียนบอกว่า เชื้อโรคในจิตใจ 3 ชนิดเท่านั้นเอง แต่ป้องกันรักษายากมาก ลองมาดูกันนะครับว่ามีอะไรบ้าง สำหรับส่วนขยายความผมต่อเติมเอง หากผิดพลาดก็ได้โปรดชี้แนะด้วย
1. ความโลภ คือความอยากซึ่งมีอยู่ตามธรรมชาติ แต่หากเมื่อไหร่มีน้อยหรือมากเกินไปจะไม่พอดี เกิดเป็นอสมดุล เลยเถิดไปถึงขั้นเบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่นได้ เมื่อมีความโลภเกิดขึ้น ก็จะเกิดเป็นความทะเยอทะยานอยากที่จะให้เป็นไปตามความโลภ เรียกว่า “ตัณหา” เมื่อเกิดเป็นความซ้ำ ๆ หากได้ยึดมั่นถือมั่นเข้าไปอีก ก็จะเรียกว่า “อุปาทาน”
2. ความโกรธ คือ ความไม่ชอบ ไม่ถูกใจ หรือไม่พอใจที่มากจนเกินควร เกินพอเหมาะ ไม่พอดี เกิดเป็นอสมดุล เลยเถิดไปถึงขั้นเบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่นได้ สาเหตุที่เกิดความโกรธเพราะการได้รับสิ่งสัมผัสทางอายตนะทั้ง 6 คือ หู ตา ลิ้น จมูก กาย และใจ หากมีมากถึงขั้นทะยานอยาก ก็จะเรียก “ตัณหา” เมื่อเกิดเป็นความซ้ำ ๆ หากได้ยึดมั่นถือมั่นเข้าไปอีก ก็จะเรียกว่า “อุปาทาน” เช่นกัน
3. ความหลง คือหัวหน้าใหญ่ของเชื้อโรคทั้ง 3 ประเภทนี้ หมายถึงความไม่รู้ในอริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) รวมทั้งการไม่มีความสามารถในการปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ 8 อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และต่อเนื่อง
การจัดการกับเชื้อโรคเหล่านี้ให้เริ่มต้นจัดการกับ “ความหลง” เสียก่อน เพราะเป็นหัวหน้าใหญ่ เครื่องมือที่ใช้คือการควบคุมสติเป็นสำคัญ ให้คิดไปในทางกุศล หรือคิดทางบวกนั่นเอง
อ่านเจอ...เลยทำให้ get และนึกอะไรได้บางอย่าง เลยไปต่อยอดเป็นบันทึกใหม่นะคะ "คำอำนวยพร ตอน ละวางความโกรธ"
คุณบัวใต้น้ำ
เพราะ "รัก" เป็นสิ่งที่ดีไงครับ จึงไม่พูดถึงในบันทึกนี้
Dr.Ka-poom
ตามไปอ่านหลายรอบแล้วครับ จะรอดูตัวอย่างจากการปฏิบัติครับ...ยิ้ม