หน้าแรก
สมาชิก
ธเนศ ขำเกิด
สมุด
ธเนศ ขำเกิด
รูปแบบการนิเทศโรง...
ธเนศ ขำเกิด
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
รูปแบบการนิเทศโรงเรียนในฝันของ Roving Team เขตตรวจราชการที่ ๔
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
โครงการ
”หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน”
๙๒๑ โรงเรียน พ.ศ. ๒๕๔๗ สพฐ.ได้ตั้งผมเป็น
หัวหน้าคณะนิเทศ
โรงเรียนในโครงการนี้
ในเขตตรวจราชการที่ ๔ (นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง)
ซึ่งมี
อ.ชุมศรี บุญสิทธิ์ และ อ.ประสงค์ สังข์ดิษฐ์
เป็นทีมงาน ดูแลโรงเรียน ๓๖ โรงเรียน ๗ เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งเราเรียกคณะนี้ว่า Roving Team ซึ่งเหมือนกับคณะเคลื่อนที่เร็วไปช่วยโรงเรียนนั่นแหละ(แต่จริงๆก็เร็วยาก)
พ.ศ.๒๕๔๗-๒๕๔๘ ผมกับทีมงานได้กำหนดกลยุทธ์การนิเทศร่วมกับ ศน.สพท.ในเขตตรวจราชการที่ ๔ (๗ สพท.) และผู้บริหารโรงเรียนในโครงการ ว่าจะทำกิจกรรมร่วมกัน ๓ กิจกรรม โดยให้ผมและทีมงานเป็นแกนหลัก คือ
๑.
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และศึกษาดูงาน
ที่โรงเรียนในฝันด้วยกัน เดือนละ ๑ ครั้ง กำหนดประเด็นไปดูและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ครั้งละ ๑ วัน แต่ละโรงเรียนก็จะพาคนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนั้นๆขับรถไปกันเองไปเจอกันที่โรงเรียนนั้นๆ เราไม่มี/ไม่ใช้งบประมาณกัน เราต่างทำกันด้วยใจรัก มีพันธะสัญญาทางใจต่อกัน โรงเรียนเจ้าภาพก็ดูแลต้อนรับกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ไม่ติดระบบราชการ ๒ ปีผ่านไป เราทำได้ถึง ๑๕ ครั้ง(มีโรงเรียนนอกเขตบ้าง) และสิ้นปีเราพอจะได้รับงบประมาณบ้างเล็กน้อยที่จะพอช่วยโรงเรียนเจ้าภาพบ้าง เราก็ได้มีการจัดนิทรรศการเสนอผลงานเป็นการประชุมสรุปผลประจำปีกัน ๒ ปี โดยในเดือนกันยายน ปี ๒๕๔๗ จัดที่โรงเรียนนนทบุรีพิทยาคม (ผช.รมว.ศธ.ปิยะบุตร์ ชลวิจารณ์มาเป็นประธาน) ท่านปิยบุตร์ชื่นชมและให้ข่าวไปทั่วประเทศ ปี ๒๕๔๘ จัดที่โรงเรียนบางปะหัน เป็นการจัดนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่มาก (ท่านที่ปรึกษาฯนิวัตร นาคะเวช เป็นประธาน) ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่อง KM เลย แต่ทำได้ตามกระบวนการที่ใกล้เคียงอย่างประหลาด ผลการประเมินผู้เข้าร่วมต่างชื่นชอบกันมาก และสรุปกันว่า เป็นวิธีเรียนรู้ที่แท้จริง โดยแต่ละโรงเรียนก็มีบริบทของตนเอง ไปดู/ฟังคนอื่นแล้วก็เกิดแนวคิดเทียบเคียงมาปรับใช้ให้เหมาะกับบริบทของตนเอง ซึ่งเป็นผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้โรงเรียนในเขตตรวจราชการที่ ๔ ผ่านการประเมินเป็นต้นแบบในฝันแล้วถึง ๒๖ โรงเรียน (จาก ๓๖ โรงเรียน)และเป็นโรงเรียนได้รับรางวัลพระราชทานกันปีละหลายโรงเรียน(อาจดูทึกทักไปหน่อยก็ได้)
๒.การจัดทำ
”
สารสู่ฝัน
”
เผยแพร่ซึ่งกันและกันโดยแทบไม่ต้องใช้หนังสือราชการเดือนละ ๑ ฉบับ ผมลงมือเขียนเองติดต่อกันทุกเดือน โดยทีมงานช่วยดูแลประสานงานจัดส่งทั้งเอกสาร(ทำปกสวย) และลงในเว็บไซต์ สพท.นนทบุรี เขต ๑ ติดต่อกันไม่เว้น รวมทั้งสิ้น ๑๘ ฉบับ ปัจจุบันหลังจากที่อบรมเรื่อง KM แล้วผมก็ย้ายมาลงที่บล็อกนี้แล้ว ซึ่งมีหลายเรื่องที่ลงจึงอาจจะไม่เป็นสารสู่ฝันโดยตรง แต่ก็กว้างขวางขึ้น ถ้ามีเรื่องเกี่ยวข้องกับโรงเรียนในฝันผมก็จะลงในบล็อกนี้
๓.การเยี่ยมนิเทศโรงเรียนในฝัน
กำหนดเป้าหมายว่าอย่างน้อยโรงเรียนละ ๑ ครั้ง ก็สามารถทำได้ตามเป้าหมาย แต่ปีที่ ๒ ไม่สามารถไปได้ครบ ถือว่าไปเยี่ยมให้กำลังใจกัน เรื่องนี้ค่อนข้างทำได้ยาก งบประมาณก็มีน้อย ต้องขับรถไปกันเอง และงานประจำที่เขตพื้นที่การศึกษาตนเองก็มีมาก เราทำเพราะสนุกอยากจะทำกัน โดยผม อ.ชุมศรี และ อ.ประสงค์ (คู่ทุกข์คู่ยากกัน ๓ คน) ขับรถกันไปแต่ละโรงเรียน ไปสมทบกับ ศน.สพท.ที่ดูแลโรงเรียนในฝันแต่ละเขต ไปโรงเรียนไหนก็ให้การต้อนรับอย่างดี ต่างดีใจที่เราไปก็รู้สึกอบอุ่นเป็นพี่เป็นน้องกัน แต่ก็อยู่กับเขาได้ไม่นาน ถือว่ามาเยี่ยมกันมากกว่า
พอสิ้นปีที่ ๒ เราก็จัดทำรายงานสรุปการดำเนินงานกัน(ดูได้ที่เว็บไซต์ สพท.นนทบุรี เขต ๑) สาระก็คล้ายกับที่กล่าวข้างบนนี้แหละ พอมาถึง ปี ๒๕๔๙ เป็นปีแห่งการที่โรงเรียนรับการประเมินเป็นต้นแบบในฝันกัน เราก็เลยเปลี่ยนจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เป็นการไปช่วยซักซ้อมให้โรงเรียนที่พร้อมรับการประเมิน แต่ก็ทำได้ไม่กี่แห่ง ต้องขอบคุณ ศน.สพท.ทั้ง ๗ เขต ที่เป็นภาระดูแลซักซ้อมให้โรงเรียนอย่างดี โรงเรียนใดที่ผมและคณะไปได้ก็จะไปทุกแห่ง วันที่โรงเรียนรับการประเมินจริงเราก็จะเชิญโรงเรียนในฝันด้วยกันที่ยังไม่ผ่านการประเมินไปดูเป็นแนวทางเตรียมความพร้อมของตนเอง โรงเรียนใดผ่านแล้วก็จะไปเป็นกำลังใจและไปดูเพื่อจะได้ทำให้ดียิ่งขึ้น บางโรงก็ถูกเชิญร่วมเป็นกรรมการประเมินด้วย ผมและคณะก็ถูกเชิญเป็นกรรมการประเมินด้วย(ตามองค์ประกอบของกรรมการประเมิน)แต่ก็ไปไม่ได้ทุกโรงเหมือนกัน ก็ผ่านไป ๒๖ โรงเรียนแล้ว เหลืออีก ๑๐ โรงเรียนเท่านั้น
เมื่อเร็วๆนี้เราได้ประชุม ศน. ทั้งหมดทุกเขตพื้นที่มาทบทวนถึงกิจกรรมที่จะทำกันต่อเนื่อง(ทั้งๆที่ไม่มีงบประมาณและงานก็มากขึ้นกว่าทุกปี) ผมได้เล่าเรื่อง KM ให้พรรคพวกฟัง ต่างก็เห็นดีเห็นงามว่า เราจะทำเหมือนทุกปีคงไม่ได้แล้ว เลยตกลงกันว่าจะลองประชุมโดยใช้กระบวนการ KM ด้วยรูปแบบ Video Conferrence (ดังที่เคยเขียนไว้ในบล็อกที่ผ่านมา) ส่วนการช่วยเหลือก็จะให้โรงเรียนในฝันจับคู่ดูแลกัน โดยมี ศน.เป็นผู้ประสานงานช่วยเหลือ และถ้าโรงเรียนใดพร้อมรับการประเมินเราก็จะถือโอกาสไปดูงานกันที่โรงเรียนนั้น
ทั้งสนุกและก็เหนื่อยดี...
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ธเนศ ขำเกิด
ใน
ธเนศ ขำเกิด
คำสำคัญ (Tags):
#เทคนิคการนิเทศการศึกษา
หมายเลขบันทึก: 26182
เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2006 22:16 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 15:12 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ธเนศ ขำเกิด
สมุด
ธเนศ ขำเกิด
รูปแบบการนิเทศโรง...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท