๔. วิตกจริต
ลักษณะ
พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ความคิดพวยพุ่ง ฟุ้งซ่าน อยู่ในโลกความคิด ไม่ใช่โลกความจริง มองโลกในแง่ร้ายว่าคนอื่นจะเอาเปรียบ กลั่นแกล้งเรา หน้าจะบึ้ง ไม่ค่อยยิ้ม เจ้ากี้เจ้าการ อัตตาสูง คิดว่าตัวเองเก่ง อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง ผัดวันประกันพรุ่ง
จุดแข็ง
เป็นนักคิดระดับเยี่ยมยอด มองอะไรทะลุปรุโปร่งหลายชั้น เป็นนักพูดที่เก่ง จูงใจคน เป็นผู้นำในหลายวงการ ละเอียดรอบคอบ เจาะลึกในรายละเอียด เห็นความผิดเล็กความผิดน้อยที่คนอื่นไม่เห็น
จุดอ่อน
มองจุดเล็ก ลืมภาพใหญ่ เปลี่ยนแปลงความคิดตลอดเวลา จุดยืนกลับไปกลับมา ไม่รักษาสัญญา มีแต่ความคิด ไม่มีความรู้สึก ไม่มีวิจารณญาณ ลังเล มักตัดสินใจผิพลาด มักทะเลาะวะวาท ทำร้ายจิตใจ เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น มีความทุกข์ เพราะเห็นแต่ปัญหา แต่หาทางแก้ไม่ได้
วิธีแก้ไข
เลือกความคิด อย่าให้ความคิดลากไป ฝึกสมาธิแบบอานาปานัสสติ เพื่อสงบสติอารมณ์ เลิกอกุศลจิต คลายจากความฟุ้งซ่าน สร้างวินัย ต้องสร้างกรอบเวลา ฝึกมองภาพรวม คิดให้ครบวงจร หัดมองโลกในแง่ดี พัฒนาสมองด้านขวา
จากหนังสือ จริต ๖ ศาสตร์ในการอ่านใจคน
คราวหน้าจะต่อเรื่อง ศรัทธาจริต นะค่ะ สวัสดีค่ะ
เยี่ยมเลยครับ รออ่านศรัทธาขจิต เอ้ย ศรัทธาจริตนะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ
สวัสดีครับน้าตุ๊ก น้าตุ๊กครับ ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับ
แต่ละจริตก็มีทั้งจุดอ่อน และจุดแข็ง
ต้องเลือกเอาจุดแข็งของแต่ละจริตมาใช้ ถ้าเป็นไปได้
จริงอยู่ คนเราอาจมีได้มากกว่า ๑ จริตในคนคนเดียวกัน แต่ว่าคนเราจะมีครบทั้ง ๖ จริตรึเปล่าล่ะครับ
ดังนั้น ต้องหาจริตของตัวเองให้เจอ แล้วดึงจุดแข็งของตริตนั้นๆ มาใช้
จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองอย่างยิ่งทีเดียว
จริงมั้ยครับน้าตุ๊กครับ
ขอบคุณค่ะ คุณศรัทธาขจิต เอ้ยไม่ใช่ คุณขจิตที่น่าศรัทธา ที่แวะมาเม้นท์กัน
ขอบคุณค่ะ คุณแสงแห่งความดี ที่แวะมาให้กำลังใจกันค่ะ
ขอบคุณค่ะ คุณ bob ถ้าคนหนึ่งมีตั้ง ๖ จริต น้าตุ๊กว่าจะเป็นจิตแปรปรวนมากกว่าน้า.. ไม่น่าจะเกิน ๓ จริตนะ
ojkiydfu
น่ารักดี
ค่ะ จำได้ว่าเคยอ่านหนังสือเล่นนี้แล้ว ยอมรับว่าจิตของตัวเองก้อไม่ปกติ แต่ว่าการปรับตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้เจอข้อความนี้อีก ดิฉันก้อเกือบลืมมันไปแล้ว ขอบคุณค่ะ