AAR Micro Peer Assist
ดังได้เล่าแล้ว (link) ว่าวันนี้ (16 ส.ค.) สคส. จะไปทำหน้าที่ทีมเยือนทำ Peer Assist แก่ สสส. (ทีมเหย้า) เรื่องแนวทางส่งเสริมให้เกิด Knowledge Sharing ในองค์กร เดิมเรากำหนดไว้ 1 ชม. แต่เอาเข้าจริงใช้เวลาเกือบ 1.5 ชม. และผมต้องออกจากการประชุมมาก่อนเพื่อขับรถไปศาลายา เพื่อนำเสนอเรื่องโรงเรียนชาวนาถวายสมเด็จพระเทพฯ
ต่อไปนี้เป็น AAR กิจกรรม Micro Peer Assist ครั้งนี้ของผม
1. ผมคาดหวังว่าผู้เข้าร่วมจะได้รู้จัก PA ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญของ KM พร้อม ๆ ไปกับพอมองเห็นแนวทางว่าจะสร้างบรรยากาศ KS ในองค์กรได้อย่างไร
2. ไม่มีสิ่งที่ได้ผลเกินคาด
3. สิ่งที่พอจะได้ผลบ้างก็คือเป้าหมายทั้ง 2 ประเด็นตามข้อ 1 แต่คงจะไม่ได้ผลจนเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน สสส.
4. สิ่งที่ผมจะไม่ทำอีกคือ
· จะไม่จัด PA โดยใช้เวลาต่ำว่า 3 ชั่วโมง
· จะไม่จัด PA จนกว่าจะรู้ชัดว่ามีใครบ้างเป็น participants
· ในกรณีทำ PA โดยใช้เวลา 3 – 6 ชม. จะไม่จัด ถ้าไม่มีการให้ข้อมูลของฝ่ายขอเรียนรู้ในหัวข้อที่ต้องการแลกเปลี่ยนล่วงหน้า
5. สิ่งที่ผมในฐานะ “คุณอำนวย” ของการประชุมจะแก้ไข หากมีการประชุมอีกคือจะจัดให้มีผู้พูดทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่อ่อนอาวุโส และที่เป็นผู้บริหารกลุ่มละครึ่ง – ครึ่ง ในการทำ PA ครั้งนี้เราได้ความเห็นจากผู้บริหารน้อยเกินไป ซึ่งเป็นความบกพร่องของผม
ผมเอารูปบรรยากาศของการประชุมมาให้ดูกันด้วยครับ
บรรยากาศที่ประชุม ฝ่ายผู้ขอเรียนรู้
ผมกลับมาคิดในภายหลังว่าผู้แสดงบทบาททำให้เกิด KS ไม่ควรเป็นฝ่าย HRD อย่างคุณแน้ต แต่ควรเป็นฝ่ายทำงานหลักโดยตรง ซึ่งใน สสส. คือสำนักต่าง ๆ นั่นเอง และวิธีเริ่มปลูกฝัง KS Culture ในองค์กรที่ดีที่สุดคือผู้บริหารสูงสุด (หมายเลข 1) ทำเป็นตัวอย่าง หากุศโลบายใช้พฤติกรรมของตนเองเป็นแรงขับเคลื่อนแรงแรก ผมเข้าใจว่าผมทำเช่นนี้โดยสร้างบรรยากาศที่เปิดเผยระหว่างกัน ไปทำอะไรมาเล่าหมด เล่าให้เป็นบทเรียนแก่ทุกคน
วิจารณ์ พานิช
16 ส.ค.48
ไม่มีความเห็น