นานาเรื่องราวการจัดการความรู้
บทส่งท้าย
KM ประเทศไทย : เคลื่อนไหวไร้รูปแบบ
ปัจจุบันการจัดการความรู้ได้กลายเป็นกระแสที่สร้างความตื่นตัวต่อการนำไปใช้ในหน่วยงาน/องค์กร/ชุมชน
โดยเห็นว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้การพัฒนาคน พัฒนางาน
พัฒนาองค์กร มีประสิทธิภาพและคุณภาพเพิ่มขึ้น
จากการติดตามการใช้การจัดการความรู้ของสังคมไทยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาก
จึงพบการนำการจัดการความรู้ไปใช้ในรูปแบบ วิธีการ
และระดับที่แตกต่างกัน โดยในภาคเอกชนยังคงก้าวนำภาคส่วนอื่น
ๆ เพราะ KM ( Knowledge Management)เป็นกระแสโลก
บริษัทเอกชนขนาดใหญ่จึงมักทำเรื่องการจัดการความรู้อยู่แล้ว
โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ผลทางธุรกิจ
จึงมักเป็นเรื่องที่รู้กันภายในองค์กร
แต่ปัจจุบันการจัดการความรู้ในภาคเอกชนมีการเปิดตัวและเผยแพร่กระบวนการและวิธีการออกมาแลกเปลี่ยนกันเรียนรู้กันมากขึ้น
เช่น บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น
จำกัด บริษัทสแปนชั่น ไทยแลนด์ จำกัด ฯลฯ
ในภาคราชการก็กำลังมีการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักแม้จะเริ่มอย่างสับสนกับการตีความ
และหาวิธีที่จะบูรณาการการจัดการความรู้ไปไว้ในการทำงาน
เพื่อจะได้ร่วมขบวนการปฎิรูปการทำงานแนวใหม่ที่มีการจัดการความรู้เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญประการหนึ่ง
แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดเราก็ได้เห็นความพยายามของภาคราชการที่จะนำการจัดการความรู้ไปใช้และปัจจุบันก็เกิดตัวอย่างดี
ๆ
ที่สามารถนำไปจุดประกายให้เกิดขบวนปฏิบัติการจัดการความรู้ในองค์กรราชการคึกคักและหลากหลาย
เช่น โรงพยาบาลบ้านตาก
ซึ่งตัวอย่างการจัดการความรู้ในองค์กรที่สามารถบูรณาการการจัดการให้เข้าไปอยู่ในกระบวนการบริหารจัดการและในเนื้องานประจำ
ขณะที่จังหวัดนครศรีธรรมราชก็ใช้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือเกิดความร่วมมือของหน่วยราชการในจังหวัดในการแก้ปัญหาชุมชน
ขณะที่ในภาคประชาสังคม คำว่า “การจัดการความรู้”
ชาวบ้านอาจไม่รู้จักแต่เมื่อดูจากผลสำเร็จที่ทำจะพบว่ามีกิจกรรมของการจัดการความรู้อยู่
แม้จะเป็นการจัดการความรู้แบบไม่เต็มรูปแบบ
แต่ก็เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบริบท โดยในส่วนนี้
สคส.ได้เข้าไปเติมเต็มกิจกรรมการจัดการความรู้ของชุมชนและประชาสังคม
โดยเข้าไปดำเนินการในหลายลักษณะ ทั้งการให้ทุนสนับสนุนทำโครงการ
และการกระตุ้นผ่านเครือข่ายความร่วมมือ ทำให้กิจกรรมต่าง ๆ
ของชุมชนเกิดผลสำเร็จและมีพลังในการขับเคลื่อนมากขึ้น อาทิ
โครงการฟ้าสู่ดิน โรงเรียนชาวนาจังหวัดสุพรรณบุรี
เครือข่ายโรงพยาบาล
หรือแม้แต่การทำเองอยู่แล้วของชุมชนไม้เรียง
ซึ่งเป็นตัวอย่างของอีกหลาย ๆ
ชุมชนที่ทำเรื่องการจัดการความรู้อยู่แล้วแต่เป็นการทำไปตามธรรมชาติ
ซึ่งการจัดการความรู้ลักษณะนี้ต้องการการกระตุ้นให้เกิดความต่อเนื่อง
ก้าวต่อไปของการจัดการความรู้ในสังคมไทย
จึงต้องดูผลจากการการนำการจัดการความรู้ไปใช้
ซึ่งจะก่อให้เกิดรูปแบบการจัดการความรู้ที่หลากหลาย
และเกิดความเข้าใจอย่างแท้จริงว่าการจัดการความรู้เป็นเรื่องเฉพาะของกลุ่ม/องค์กร/ชุมชน/หน่วยงาน/
ที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้
แต่เป็นวิธีการและกระบวนการที่ผู้ใช้ต้องสร้างขึ้นเอง
ซึ่งตัวอย่างเล็ก ๆ
ในหนังสือเล่มนี้อาจช่วยจุดประกายให้เกิดการจัดการความรู้ที่แพร่หลายมากขึ้น
และหวังว่าในที่สุดจะช่วยทำให้สังคมไทยเคลื่อนต่อไปได้อย่างมั่นคง
“เพราะการจัดการความรู้ไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหา
แต่การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือที่จะนำไปใช้ตามแต่เนื้องาน
ทำให้เห็นช่องทางและคาดหวังผลสำเร็จที่ดีกว่าได้
ด้วยการปฎิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง”
โครงการเคลื่อนกระแสการจัดการความรู้เพื่อสังคม
สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
โทร. 0-2619-9701
ไม่มีความเห็น