Proceedings มหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๒ (๗๓)


นานาเรื่องราวการจัดการความรู้ (๒๙)

การจัดการความรู้แบบลูกทุ่ง
ของสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (พรพ.)

         สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาลผสมผสานนำกระบวนการ HA กับ KM ใช้ด้วยกันอย่างผสมกลมกลืน โดยมองว่ากระบวนการทั้งสองแยกกันไม่ได้ เนื่องจาก HA เป็นกระบวนการพัฒนาที่เน้นการ “เปลี่ยนแปลง”ในขณะที่ KM เป็นกระบวนการพัฒนาที่เน้น “ความรู้” ทั้งการเปลี่ยนแปลงและความรู้ล้วนเป็นปัจจัยที่โรงพยาบาลต้องการในการพัฒนาคุณภาพ แต่จะทำอย่างไรให้โรงพยาบาลที่ส่วนใหญ่มีงานประจำล้นมือดำเนินการจัดการความรู้ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล “การทำแบบลูกทุ่ง” ที่หมายถึงการค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในธรรมชาติของการทำงาน โดยไม่ได้ยึคติดกับคำว่า “การจัดการความรู้”

         สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (พรพ.) จัดตั้งขึ้นตามข้อเสนอแนะของภาคีพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล โดยปรับรูป การดำเนินงาน จากโครงการพัฒ นา และรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโครงการวิจัย และพัฒนาที่มีขอบเขต การดำเนินงาน ในโรงพยาบาลนำร่อง 35 แห่ง และได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงาน กองทุนสนับสนุน การวิจัย ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2540 - 31 กรกฎาคม 2543 คณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้ให้ความเห็นชอบกับการจัดตั้งสถาบัน พรพ. เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2542 ภายใต้แผนงาน พัฒนากลไกในการสร้างองค์ความรู้และใช้ประโยชน์งานวิจัย ซึ่งมีเป้าหมาย ให้มีการจัดการเครือข่าย เพื่อสร้างความรู้ และใช้ความรู้ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ
         สวรส.มีนโยบายที่จะให้สถาบันภายใต้แผนงานนี้มีความคล่องตัว และเป็นอิสระในการบริหารจัดการ แต่ยังคงมีความรับผิดชอบที่สามารถตรวจสอบได้ จึงให้สถาบัน พรพ.นี้ มีคณะกรรมการบริหารแยกออกไป ดำเนินงานโดยได้รับการสนับสนุนและชี้นำทิศทางการดำเนินงาน จากภาคีพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล
การจัดการความรู้ในกระบวนการ HA
         โดยทั่วไปมักมีความเข้าใจว่าการรับรองคุณภาพเป็นการตรวจสอบหรือการตัดสินดี หรือไม่ดี เท่านั้น แต่ที่ปรึกษาซึ่งมีประสบการณ์จากประเทศแคนาดาได้เน้นย้ำกับ พรพ. ตั้งแต่เริ่มต้นว่า HA (Hospital Accreditation) เป็นกระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่การตรวจสอบ และเป็นการเรียนรู้ซึ่งเกิดจากการประเมินและพัฒนาตนเองของโรงพยาบาล และเกิดจากการเยี่ยมสำรวจของ external peer ที่เข้าไปช่วยดูด้วยมุมมองที่กว้างขึ้น


พัฒนาการของการจัดการความรู้กับภารกิจของพรพ.
         เริ่มแรก พรพ.ดำเนินการในขณะที่แนวคิดเรื่อง Knowledge Management KM หรือการจัดการความรู้ยังไม่เป็นที่รู้จัด แต่ พรพ.ได้นำความคิดบางอย่างที่ไม่เคยมีการปฏิบัติมาก่อนในประเทศไทยมาทดลองทำ เช่น การเสนอให้มีองค์กรแพทย์ การทำงานแบบสหสาขาวิชาชีพ แนวทางการดูแลผู้ป่วย ซึ่งเมื่อประมาณ 8 ปีก่อนนั้นเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องปกติในโรงพยาบาล หลังจากที่ พรพ.นำเสนอความคิดตรงนี้ออกไป ทุกโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการก็ต้องเผชิญกับของใหม่และบรรยากาศใหม่ ดังนั้นโรงพยาบาลจึงเริ่มหาคำตอบว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้สามารถนำเอาข้อกำหนดตามมาตรฐานของ พรพ.ไปทำให้ได้ เกิดการลองผิดลองถูกได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง และก็นำในส่วนที่ได้ผลดีมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเพื่อขยายผล แล้วก็มาพัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆ
         ตัวอย่างเช่น เรื่องของการทำงานสหสาขาวิชาชีพที่มีหลายๆ วิชาชีพมาทำงานร่วมกัน ระยะเริ่มต้นมักจะเข้าใจนกันว่าการทำงานร่วมกันคงอยู่ในเวทีที่ประชุมเท่านั้น แต่พอประชุมกันระยะหนึ่ง ก็พบว่าผู้ร่วมประชุมเริ่มเบื่อเพราะไม่มีอะไรใหม่ที่จะคุยกัน มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งก็พยายายามที่จะออกไปจากบรรยากาศภายใต้ห้องประชุมด้วยการชวนผู้ร่วมประชุมในสหสาขาวิชาชีพไปดูคนไข้กันถึงข้างเตียง แล้วก็ให้หลายๆ วิชาชีพช่วยกันมองว่า เห็นอะไรเกี่ยวกับคนไข้คนนี้ นำไปสู่การเห็นโอกาสปรับปรุงวิธีการทำงาน ทำให้แต่ละวิชาชีพเห็นคุณค่าของตนเองมากขึ้น หลังจากที่มีการเล่าสู่กันฟัง ก็มีการถ่ายทอดและนำไปปฏิบัติอย่างกว้างขวางโดยที่เราไม่ต้องเรียกว่าการจัดการความรู้
         หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น มีคนไข้ได้รับบาดเจ็บเกิดขึ้น พรพ.คาดหวังว่าจะมีการทบทวนเพื่อค้นหาสาเหตุ และไปวางระบบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำอีก ฉะนั้น ในการที่โรงพยาบาลทบทวนหรือวางระบบเพื่อป้องกันก็ดี มันก็ต้องไปหาความรู้เข้ามาใส่เพิ่ม เมื่อได้แนวทางแล้วก็จะต้องกระจายแนวทางที่เขาได้ข้อสรุปไปให้กับหน่วยงานอื่นๆ ที่มีโอกาสจะพบปัญหาใกล้เคียงกัน ซึ่งนับว่าเป็นการจัดการความรู้อยู่ในกระบวนการของ HA อยู่แล้ว
โครงการสนับสนุนเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้
        นอกจากนี้ พรพ. ยังต้องการเห็นโรงพยาบาลได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและเป็นเลิศ จึงสนับสนุนให้มีการเดินทางลัดด้วยการสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในระดับจังหวัด โดยเล็งเห็นว่าหากโรงพยาบาลต่างก็พัฒนาตนเองเพียงลำพังก็จะใช้เวลานานในการลองผิดลองถูก ถ้าทุกโรงพยาบาลนำความรู้ดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ที่ตนมีอยู่มาแลกเปลี่ยนกัน ก็จะทำให้โรงพยาบาล

เรียนรู้จากประสบการณ์ของกันและกัน เป็นหนทางแห่งการพัฒนาแบบทางลัดทางหนึ่ง
         หลักการในการสนับสนุนให้โรงพยาบาลทำการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันทั้งจังหวัด ก็เพื่อให้เกิดการค้นหาของดีๆ ของกันและกัน นำมาเสริมเติมเต็มให้แก่กันและกัน ขณะเดียวกันมีการวัดเปรียบเทียบผลงานที่จะทำให้ทราบว่าแต่ละคนอยู่ตรงไหน ทำให้เกิดแรงผลักดันให้แต่ละโรงพยาบาลอยู่นิ่งไม่ได้ และเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
         พรพ.ได้กำหนดพื้นที่หลักของการพัฒนาคุณภาพในโรงพยาบาลเป็น 4 วง คือ หน่วยงาน ระบบงาน กลุ่มผู้ป่วย และรวมทั้งหมดเป็นโรงพยาบาล ในแต่ละวงอาจจะมีการทับซ้อนหรือคาบเกี่ยวกับบ้าง และแต่ละวงจะมีหลายเรื่องหลายประเด็น หากนำผู้รับผิดชอบในแต่ละหน่วยงาน แต่ละระบบงาน แต่ละกลุ่มผู้ป่วย ของโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดมารวมกันเป็นเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในจังหวัด ก็จะเกิดเครือข่ายเรียนรู้ของผู้ปฏิบัติงานหรือชุมชนนักปฏิบัติขึ้นมาจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมากถึง 30 เครือข่าย นับเป็นงานที่ท้าทายมากว่าจะขับเคลื่อนให้เกิดเครือข่ายที่มีการแลกเปลี่ยนกันอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร จะกระจายความรับผิดชอบกันอย่างไร จะแลกเปลี่ยนกันอย่างมีสติ ไม่เลียนแบบอย่างกันอย่างผิดๆ ได้อย่างไร หากทำได้จะทำให้โรงพยาบาลทั้งจังหวัดบรรลุเป้าหมาย

คุณภาพที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
         นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ผอ.พรพ.กล่าวว่า แม้ว่าจะเกิดเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขึ้น แต่หากโรงพยาบาลเน้นแค่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และมีความสุขอยู่กับการได้แลกเปลี่ยนความรู้กันโดยไม่มีเป้าหมาย ก็ไม่อาจเกิดประโยชน์ได้ หากผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ไม่รู้ว่าความรู้ที่ต้องการคือความรู้อะไร แล้วขุมความรู้ที่ได้จะเอาไปตอบคำถามของตนเองอย่างไร และตรงกับคำถามที่ตนอยากรู้หรือไม่ หรือว่าการที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแต่ละคนได้ตั้งเป้าหมายไว้อย่างไรหรือไม่ว่าผู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้อยากได้ความรู้อะไร และมีความอยากรู้มากไปกว่าเรื่องเล่าลึกลงไปหรือไม่ ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือคนที่รู้น้อยก็ต้องรู้จักตั้งคำถาม ส่วนคนที่รู้มากก็จะต้องไม่เล่าแค่หลักการที่มีอยู่แล้วในตำรา แต่จะต้องเล่าลงลึกถึงขั้นตอนการปฏิบัติบางเรื่องที่เป็นปัญหาอย่างลึกซึ้ง


ฟอรั่มเพื่อพัฒนาความรู้โรงพยาบาล
         การประชุมฟอรั่มใหญ่ประจำปีเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ พรพ.ดำเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล โดยใช้กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นทุกปี เป็นการส่งเสริมให้มีการรวมตัวกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้เรื่องโรคที่สำคัญหรือกำลังเป็นเรื่องที่โรงพยาบาลให้ความสนใจ เป็นการนำแนวคิดใหม่ๆ มาเสนอเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น ความเรียบง่ายในระบบที่ซับซ้อน ความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย การจัดการความรู้ เป็นต้น


การผสมผสาน Explicit Knowledge กับ Tacit Knowledge
         พรพ.ส่งเสริมให้โรงพยาบาลนำข้อมูลวิชาการซึ่งเป็น explicit knowledge มาสู่การปฏิบัติเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วย แต่การจะนำข้อมูลดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างได้ผล จะต้องมีศิลปะของการเลือกและประยุกต์ใช้ความรู้ ซึ่งการประยุกต์ใช้ความรู้นั้นเป็นเรื่องของ tacit knowledge เป็นความรู้ที่อยู่นอกตำรา เป็นความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจริง พรพ.จึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในแต่ละโรงพยาบาลมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในเรื่องที่เป็นปัญหาสำคัญที่โรงพยาบาลส่วนมากประสบปัญหาอยู่ รวบรวมแนวทางการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไป เยี่ยมเยียนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อค้นหาศิลปะในการทำงานรวมทั้งการจัดการที่จำเป็นเพื่อบรรลุเป้าหมาย กำหนดตัวชี้วัดและทดลองเก็บข้อมูลเพื่อให้สามารถสร้างฐานข้อมูลตัวชี้วัดเปรียบเทียบกันได้ เรียกกลุ่มที่มารวมตัวกันนี้ว่า TCEN (Toward Clinical Excellence Network) และนำเสนอความรู้ที่เกิดขึ้นเพื่อให้โรงพยาบาลต่างๆ ได้นำไปทดลองปฏิบัติและสร้างความรู้เพิ่มเติมเข้ามาอีก ขณะนี้ได้เริ่มแล้วในเรื่อง โรคไข้เลือดออก โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน


การนำกระบวนการ HA และ KM ลงไปใน รพ.
         เนื่องจาก พรพ. เล็งเห็นความสำคัญของการจัดการความรู้ จึงได้มีการพยายามปรับสิ่งที่เข้ากันได้ระหว่าง HA กับ KM มาผสมผสานกัน โดยจะเน้นมองในหลักการของการจัดการความรู้มากกว่าตัวรายละเอียด ซึ่งจะทำให้เกิดอิสรภาพสำหรับผู้ใช้อย่างบูรณาการ ประกอบกับโรงพยาบาลมีภารกิจมากมาย และไม่มีเวลาดำเนินรูปแบบการจัดการความรู้ทุกขั้นตอน จึงจำเป็นต้องเลือกบางขั้นตอนที่เหมาะสมกับบริบทของโรงพยาบาล และวิธีการที่จะทำให้เกิดการจัดการความรู้ในโรงพยาบาลก็คือการทำแบบลูกทุ่ง โดยค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในธรรมชาติของการทำงาน โดยไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องเป็นการจัดการความรู้ ที่มีรูปแบบชัดเจนทุกขั้นตอน แต่ พรพ.พยายามจะแนะนำรูปการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศไว้อย่างกว้างๆ ให้โรงพยาบาลฟังหากโรงพยาบาลเกิดความสนใจ และเล็งเห็นความสำคัญก็จะต้องไปศึกษา แล้วนำไปปฏิบัติในรูปแบบของโรงพยาบาลนั้นๆ เอง รูปแบบกิจกรรมที่ว่า เช่น กิจกรรมหัวหน้าพาทำคุณภาพ กิจกรรมหัวหน้าพาทบทวนคุณภาพ การใช้ clinical tracer เป็นต้น


ขุมความรู้และแนวทาง KM กับรพ.ในอนาคต
         เมื่อรูปแบบการสอดแทรกเรื่องการจัดการความรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป ให้เกิดขึ้นในงานประจำทำให้ผลลัพธ์ของการเรียนรู้ถูกฝังเข้าไปในกระบวนการ HA อย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการลงมือปฏิบัติของโรงพยาบาล อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความพยายามของ พรพ.ในการช่วยโรงพยาบาลแก้ปัญหา ซึ่งความรู้ที่เกิดขึ้นนี้ พรพ.มีแผนที่จะทำ Good Practice ในเรื่องที่เป็นปัญหาสำคัญ โดยเน้นศิลปะการประยุกต์ใช้ความรู้ในบริบทต่างๆ และสร้างระบบการวัดผลงานที่สามารถบอกได้ว่าองค์กรใดมีผลงานที่ดี เพื่อให้สามารถเจาะลึกต่อได้ว่าองค์กรนั้นๆ มีการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งพรพ.คาดหวังว่าการพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลจะลงไปถึงคนไข้อย่างชัดเจน 
         พรพ.มีเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเรียนรู้ของกระบวนการ HA ในหลายรูปแบบ เช่น การทบทวนปัญหาในการทำงานของทั้งส่วนของโรงพยาบาลและในส่วนของที่ปรึกษา/ผู้เยี่ยมสำรวจ, การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างที่ปรึกษา/ผู้เยี่ยมสำรวจ ในลักษณะ F2F, การตั้งคำถามผ่านสื่อทางไกล เช่น Web boardและ การใช้คำถามจากผู้ปฏิบัติงานเพื่อกระตุ้นการหาคำตอบใหม่ๆ

เน้นการเชื่อมต่อระหว่างความรู้และการเปลี่ยนแปลง
         อีกทั้งยังมีนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในกระบวนการ HA ซึ่งเป็นผลมาจากการเรียนรู้ อยู่ในการทำงานในลักษณะสหสาขาวิชาชีพ ,วิธีการเยี่ยมให้คำปรึกษาเพื่อกระตุ้นการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล , วิธีการประเมินคุณภาพและความปลอดภัยในโรงพยาบาล,การพัฒนาเครื่องมือเพื่อการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล เช่นแบบประเมินตนเอง, Unit Profile, Clinical Tracer, บันไดสามขั้นสู่ HA, การบูรณาการมาตรฐาน HA เข้ากับการสร้างเสริมสุขภาพ และการพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ นับได้ว่าพรพ.เป็นอีกองค์กรหนึ่งมีนำ “การจัดการความรู้” ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับภารกิจอย่างผสมกลมกลืนกระทั่งเป็นเอกลักษณ์ของ พรพ.เอง

นายแพทย์อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล
ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล
ชั้น 2 อาคารกรมการแพทย์ 6 ถ. ติวานนท์ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000 
โทรศัพท์ (02) 951-0102-3,951-0237,589-0023-4,589-9125,591,8617โทรสาร (02) 951-0238
E-mail:[email protected]

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 25623เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2006 16:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท