สื่อสร้างสรรค์สำหรับเด็กทำไมถึงไม่สนุก สื่อทีวี สื่ออะไร...


เรามีบทบาทอะไรได้อีกบ้าง

Website สอนภาษาอังกฤษให้เด็กนั้น ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ดูแล้วคิดว่าเด็กน่าจะชอบ ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่ จากที่เห็นก็คือส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของฝรั่งซึ่งเด็กๆอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าจะคลิกอะไรที่ไหน ดังนั้นผู้ปกครองจึงต้องเป็นคนแนะนำ ชี้ชวนให้เด็กเรียนเสียมากกว่า และหากเมื่อใดไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ก็เป็นอันจบ เด็กๆก็จะกลับไปเล่นเกมส์เดิมๆที่ไม่ประเทืองปัญญาแต่เขาเข้าใจวิธีเล่น

น่าแปลกใจที่สิ่งนี้เกิดเป็นสากล เพราะเมื่อตัวเองจะหัดให้ลูกเรียนภาษาไทยในยามอยู่ต่างประเทศ โดยใช้โปรแกรมสำหรับเด็ก ลูกก็จะสนใจอ่านเฉพาะเมื่อเราอยู่ด้วย ช่วยอ่านเท่านั้น  เมื่อใดไม่มีเรา เขาก็จะกลับไปสนใจเกมส์เดิมๆ

น่าแปลกที่เกมส์ที่เด็กๆสนใจเล่นก็ช่างไม่มีเกมส์สร้างสรรค์สักเท่าไหร่เลย เคยนั่งดูลูกๆเล่นเกมส์ on-liine ที่เขาชอบ เป็นเกมส์ที่เข้าไปต่อสู้กันในสมรภูมิ เราดูแล้วก็ไม่เข้าใจว่ามันสนุกตรงไหน จะใช้วิธีไม่ห้ามแต่ถามเขาว่า เกมส์นี้มันสร้างสรรค์ไหม เจ้าตัวโต เคยตอบว่า ก็สร้างสรรค์นะแม่ ต้องคิดว่าจะหาวิธียังไงถึงจะยิงคนอื่นๆได้ แล้วก็ทำหน้ายิ้มๆที่ทำให้เรารู้ว่า เขาก็เห็นด้วยว่ามันไม่สร้างสรรค์หรอก แต่มันสนุกนี่นา

ที่บ้านเราโชคดีที่มีกัน 3 หนุ่มดังนั้นเราจึงต้องมีกฎกติกาในการใช้คอมพิวเตอร์ เรากำหนดกันว่าทุกคนต้องไม่เล่นติดต่อกันนานเกินครึ่งชั่วโมง ในหนึ่งวันต้องมีการสลับระหว่างเกมส์ที่ไม่สร้างสรรค์ และอะไรที่สร้างสรรค์บ้าง (เช่น การเขียนบล็อก) ซึ่งเราพ่อแม่เชื่อว่าลูกๆรู้ว่าอะไรสร้างสรรค์อะไรไม่ใช่

เช่นเดียวกับการดูทีวี เราจะไม่ห้ามดูสิ่งที่ไม่เหมาะกับเด็กแบบเด็ดขาด แต่จะใช้วิธีดูด้วยช่วยกันคิด ชวนคุยว่าเขาคิดอย่างไรกับสิ่งนั้นๆ อันนี้ทำให้นึกถึงคำปรารภของหนุ่มน้อยสองคนโตที่ว่า ทำไมที่เมืองไทยต้องมีเบลอๆที่บุหรี่ ที่เหล้า ที่อาวุธ แต่ในสังคมจริงๆหาได้ เห็นได้เยอะแยะกว่ามาก ไม่เห็นมีใครทำอะไร

ยกขึ้นมาเพราะนึกไม่ออกว่าเราจะมีบทบาทอย่างไรได้บ้าง นอกเหนือจากพยายามส่งผ่านการรู้จักคิดตัดสินใจให้ลูกของเรา เพื่อให้เขามีภูมิต้านทานต่อสิ่งที่ไม่ดีด้วยตัวเอง แล้วเด็กอื่นๆที่ไม่มีใครคอยช่วยชี้แนะเล่า เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง

หมายเลขบันทึก: 25474เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2006 00:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สิ่งที่คุณแม่ทำนั้นล่ะครับเป็นวิธีหนึ่งในกลดการติดเกมและรับสื่อที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก อย่างน้อยการที่เห็นทีวีเบลอก็ลดการเห็นลงได้บ้าง เมื่อเห็นก็บอกเขานะครับว่าเบลอๆคืออะไรทำไมเขาต้องทำเบลอ ๆ ก็แนะนำตามประสบการณ์อันน้อยนิดนะครับถึงไม่มีลูกก็มีหลาน เป็นกำลังใจให้คุณแม่เสมอ มีอะไรแนะนำอีกนะครับ 

    มันจะเช้าอยู่แล้วเลยไม่น่าจะ comment อะไรต่อได้มาก  แต่ยอมรับว่าสิ่งที่นำเสนอน่าสนใจครับ  เท่าที่นึกได้

  • เด็กควรได้เห็นและสัมผัสโลกตามที่มันเป็นจริง  ไม่ควรปิดกั้นการรับรู้ 
  • พ่อแม่ ครู หรือผู้ดูแลเด็กมีหน้าที่ช่วยเหลือ แนะนำ โดยการให้เกียรติเด็กและเคารพความคิดของเด็กด้วย
  • บรรยากาศแห่งความรัก ความอบอุ่น เป็นตัวยาสำคัญที่จะป้องกันการเดินหลงทางของเด็ก
  • ที่สำคัญที่สุด คือ การจัดสภาพแวดล้อม  การวางเงื่อนไข  และ การแสวงหาโอกาส ให้เด็กได้สัมผัส ได้กระทำในสิ่งที่มีผลออกมา เป็น ความสำเร็จ  เป็น ความอิ่มใจพอใจ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น มีผลให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ได้ 
  • แล้วคอยส่งเสริมให้เขาได้มีโอกาสเป็น "คนสำคัญ" ในความหมายใหม่นี้บ่อยๆ  ความเห็นแก่สนุก  เห็นแก่ตัว  หรือวนเวียนอยู่แต่เรื่องตื้นๆก็จะค่อยๆลดลง  เพราะการได้เป็น "คนสำคัญ" มีเสน่ห์และแรงจูงใจสูงกว่ากันเยอะเลย

                ต้อง ... ฯลฯ แล้วครับ

-ขจิต ฝอยทอง( khajit's blog)
คุณขจิต (จะเรียกว่า ลูกอ๊อด ก็ดูจะทำให้คิดถึงลูกกบยังไงไม่ทราบ แถมรู้สึกตัวเองแก่อีกต่างหาก เลยลงท้ายเป็นคำนี้แหละค่ะ) ...ได้ลองทดสอบกับเด็กอายุ 9 ขวบที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษเป็นประจำ พบว่าอาการเดิมค่ะ คือถ้าเราอยู่ด้วยช่วยอ่านและแปลจะเล่น แต่พอเราเลิกช่วย เขาก็เลิกเล่น...แสดงว่า...ยังไม่ "โดน" ค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท