- ปัญหาของชุมชนมีหลากหลายค่ะ
- เข้าใจปัญหาของคนในชุมชน
- ใช่ค่ะ คนอีสานจะห่วงลุกหลานมาก มีการเตรียมตัว เมื่อเสียชีวิต ต้องมีฌาปนกิจ เอาไว้ทำบุญ ไม่ให้ลูกหลานเดือดร้อน
ในวันหยุดที่หยุดติดต่อกันหลายวัน ได้มีโอกาสกลับบ้านและได้มีเวลาที่จะทำงานบ้านของตนเอง ในปีนี้ได้ปรึกษากับพี่สาวว่าเรามีที่ดินที่ว่างประมาณ 7 ไร่ และตกลงกันว่าจะปลูกอ้อย ซึ่ง ในวันเสาร์จึงได้หาคนงานจำนวน 10 คน ในการช่วยเตรียมดิน ไถพรวนดิน สำหรับปลูกอ้อย จ่ายค่าแรงงานวันละ 130 บาท แต่การทำปลูกอ้อยเป็นงานที่หนักต้องใช้พลังงานมาก ทั้งแบก ทั้งขน และปลูก และขอจ่ายค่าตอบแทนเป็นวัน 150 บาท/คน/วัน
ขั้นตอนการปลูกอ้อย เตรียมดิน หาพันธุ์อ้อย (ไร่ละ 12,000 บาท) เริ่มจากการตัดพันธุ์อ้อย และนำพันธุ์อ้อยไปปลุก วางตามจุด ที่จะลงดิน เมื่อลงดินแล้วจะต้องตัดให้เป็นท่อนๆ เพื่อง่ายต่อการไถกลบ การไถกลบเป็นอันว่าขั้นตอนสุดท้าย เสร็จเรียบร้อย กว่าจะปลูกเสร็จต้องใช้เวลา 2 วัน และช่วงที่ให้คนงานปลูกอยู่นั้น จึงอยากจะเรียนรู้และลงมือช่วยกันทำงาน ในท่ามกลางแดดที่ร้อนจัด หลังสู่ฟ้าหน้าสู้ดิน เข้าใจชีวิตของชาวเกษตรกรนี้ลำบาก ต้องใช้ความอดทนสูง
นับได้ว่าช่วงเดือนเมษายน ร้อนจริงๆเมื่อมองย้อนไปปีที่แล้วว่าวันนี้เราทำอะไร ก่อนๆไม่ได้ทำอะไรจะเตรียมตัวละเล่นเพราะใกล้วันสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย และในปีนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ตามชุมชนแถวบ้าน ชาวบ้านได้จัดเตรียมดิน ไร่ นาต่างๆ สำหรับจัดเตรียมปลูกมันสัมปะหลัง และปลูกอ้อย กันเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่เตรียมปลูกก็จะไม่ทันกับหนี้สินที่ชาวนาได้กู้มาลงทุนที่ผ่านมา
จากการที่สัมผัส การคลุกคลี และการลงมือทำงานเกษตรกรทำให้เข้าใจ ชีวิตความเป็นอยู่วิถีชีวิต การดำเนินชีวิตของคนอีสาน คนอีสานเป็นคนขยันมาก สังเกตได้ว่าการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ตื่นนอนตี 5 ออกไปทำงาน กลับเข้าบ้านก็มือค่ำแล้ว เข้านอนหัวค่ำ ในแต่ละวันก็ทำไร่กัน หรือเวลาว่างก็จะไปรับจ้าง เพื่อที่จะนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว และค่าภาษี สังคมในชุมชนก็มีมาก แต่ละกิจกรรมชาวบ้านก็จะต้องร่วมกันในการจัดกิจกรรมขึ้น แต่เงินที่หามาได้ก็จะนำมาใช้ในกิจกรรมของชุมชน มองดูก็มีความอบอุ่น ชาวบ้านให้ความร่วมมือกันดีในชุมชน เมื่อหมู่บ้านขยายใหญ่ขึ้น ประชากรก็มากขึ้น มีผู้นำหมู่บ้านจำนวน 6 หมู่บ้าน ก็ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่มาก และมีวัดเดียว เวลาจัดกิจกรรมก็จะได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชุมชน
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ในหมู่บ้านได้จัดตั้งชาวฌาปนกิจหมู่บ้านขึ้น เมื่อมีใครเสียชีวิต คณะกรรมการหมู่บ้านจะเก็บบ้านละ 200 บาท /ศพ รวบรวมเงินได้ยอด 80,000 บาท ในแต่ละเดือนพบว่ามีชาวบ้านเสียชีวิตเดือนละ 4-5 ราย ทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยเดือดร้อนในการที่จะจ่ายตรงนี้ แต่ด้วยความสมัครใจชองชาวบ้านส่วนใหญ่ ที่จะจ่ายจำนวนที่กำหนด ทำให้แต่ละครอบครัวจะต้องออกไปรับจ้างในการหาเงินมาจ่ายตรงนี้
สวัสดีค่ะคุณ
มาชื่นชมวิถีอันงาม เงียบ และเรียบง่ายค่ะ
แถวบ้านปูก็มีการเก็บเงินค่ะ แต่แค่รายละหนึ่งร้อยบาท ...
อันนี้น่าจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละกลุ่ม ..
... มีความสุขในวันหยุดที่มีคุณภาพกับครอบครัวนะคะ ...
สวัสดีค่ะน้อง poo
การใช้ชีวิตที่น้อมสู่ธรรมชาติ ให้ความเงียบ และเรียบง่ายค่ะ
ทำให้เกิดสุข และเข้าใจชีวิตของเกษตรกรมากขึ้น
การเก็บเงินขึ้นอยู่กับการตกลงของชุมชนค่ะ