คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรโดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานไทยขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่จ้องฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของเราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษาค้นคว้าและคิดค้นตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป
สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไร
1. ปวดหัวกินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล
ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัวกินพร้อม ๆ กับขิง
จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง
2.
แพ้ละอองเป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ให้กินโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว
3. โรคหัวใจดื่มชาเขียว เป็นประจำ
สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด
4.
โรคนอนไม่หลับดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำสารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี
5. โรคหืดหอบกินหอม ต้นหอม
หรือหัวหอมก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง
6. โรคไขข้ออักเสบกินปลาเท่านั้น
แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ปลาแซลมอนปลาทูน่า( ปลาโอ )
ปลาแมคเคอเรลปลาซาดีนส์(ปลากระป๋อง)น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง
7. ท้องผูกท้องอืด ให้กินกล้วย หรือขิง
กล้วยทำให้ไม่ท้องผูกและขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป
8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะให้
กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี(ไม้เมืองหนาว)กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้
9..
โรคหงุดหงิดฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วยให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียดวิตกกังวล
และความคิดสับสนได้
10.โรคกระดูกพรุนทั้งกระดูกเปราะและแตกง่ายแก้ไขได้โดยให้กินสับปะรดซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มากช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้
11. ความจำเสื่อมแก้ไขโดย กินหอยนางรม
หอยแครงหรือหอยอื่นๆซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี
12. เป็นหวัดกินกระเทียม
ทำให้จมูกโปร่งสมองโล่งกระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย
13. ไอจาม กินพริกแดง
สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง
14. มะเร็งเต้านมกินข้าวสาลี
รำข้าวและกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี
โดยเฉพาะรำข้าวกะหล่ำปลีช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม
ข้อสำคัญอย่ากินไก่มากเพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต
15. มะเร็งปอดกินส้ม และ
ผักใบเขียวมีวิตามินเออยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน
16
แผลในกระเพาะอาหารกินกะหล่ำปลีซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กหายขาดได้
17.
โรคท้องร่วงกินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือกช่วยให้อาการปั่นป่วนในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง
18. เส้นเลือดตีบกินผลอโวคาโด
แก้ได้เพราะไขมันดีโมโรอันแซตเทอเรต
ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทำลายไขมันเลว "คลอเลสเตอรอล" ได้
19.
ความดันโลหิตสูงกินผลโอลีฟและผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมีทำให้ระดับความดันเลือดลดลง
20.
น้ำตาลในเลือดไม่สมดุลกินผักบร็อกโรลี่และถั่วลิสงซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้
พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้นนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังมีสรรพคุณช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกายช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง
คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรโดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานไทยขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่จ้องฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของเราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง
ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษาค้นคว้าและคิดค้นตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป
อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
1. มะเร็งปากมดลูก
อาการมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ
อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์
หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นการตรวจโดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้
2. มะเร็งในมดลูก
อาการมีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง
3. มะเร็งรังไข่
อาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อยน้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง
4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย )
อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียวหรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่างๆทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง
5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย
ๆมีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบเจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง
เบื่ออาหารน้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ
มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน
ๆและมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็นตาพร่าและเห็นแสงเขียวๆ
แดง ๆลอยไปมาเวลาปวดศีรษะิอ่อนเพลียไม่มีแรงหรือการเป็นลมโดยกะทันหัน
อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว
ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคย
มีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
9. มะเร็งในช่องปาก อาการ
มีก้อนบวมอยู่ในปากหรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษาหรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน
10. มะเร็งในลำคอ อาการ
เสียงแหบพร่าไปทันทีมีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบากหรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอ
ที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้
11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร
อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยบ่อย
รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อแม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ
12. มะเร็งทรวงอก
อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง9
ใน 10
คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่
13. มะเร็งลำไส้
อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติมีเลือดออกปนมากับอุจจาระซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคือ
อาการของริดสีดวงทวาร แต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ
อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย
15. มะเร็งผิวหนัง
อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝหรือหดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่างขนาดนอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าเมลาโนมา
(Melanoma) คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่เช่น
กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50
เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ