นักเรียนสมัยนี้ ต้องเรียนพิเศษกันทุกคนหรือ


ทำไมไม่ทำให้การเรียนเป็นเรื่องธรรมดา หรือไม่ก็พิเศษตลอดเวลา

เป็นคำถามสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลายค่ะ จำได้ว่าตัวเองจะต่อต้านการเรียนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดๆมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ไม่เคยสนใจจะไปหาเรียนอะไรพิเศษ แต่มักจะชอบอ่านหนังสือเรียนเอง อ่านไปเรื่อยๆ อ่านทุกอย่างที่มีหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรียน ถึงแม้จะไม่ใช่นักเรียน นักศึกษาที่เรียนได้คะแนนยอดเยี่ยมอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าใครจนต้องไปหาที่เรียนพิเศษ

แต่สมัยนี้ เห็นเด็กๆเรียนพิเศษกันเป็นกิจวัตรประจำวัน ตั้งแต่รุ่นจิ๋วจนถึงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งตอนเปิดเทอมและปิดเทอมแล้ว แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เจ้าตัวโตซึ่งก็เรียนถือว่าใช้ได้ดี เป็นคนชอบอ่านเหมือนกัน หาความรู้เรื่องที่สงสัยได้จาก Internet เล่าว่าเพื่อนๆเขาเรียนพิเศษกันทั้งนั้น คนเก่งๆที่ลูกต้องไปขอให้ช่วยอธิบายสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ ไปลอกคำตอบการบ้านที่ตอบไม่ได้ ลูกบอกว่าเพื่อนๆรู้วิธีการ รู้คำตอบมาจากการเรียนพิเศษ แปลกใจว่าทำไมจึงไม่มีสอนในการเรียนธรรมดา เราสอนอะไรกันในโรงเรียน และอะไรที่เราจะเรียนได้เฉพาะจากการเรียนพิเศษเท่านั้น 

ตอนนี้ยังดีใจอยู่ที่เมื่อถามลูกว่า อยากไปเรียนบ้างไหม แล้วลูกตอบว่า "ไม่" แต่สงสัยว่าลูกจะทนกระแสนี้ได้อีกนานเท่าใด

เปรียบลูกหรือเด็กๆว่าเป็นเหมือนต้นไม้ ถ้าเราปลูกฝังเขามาให้รู้จักการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ก็คือมีดินที่ดีให้เขามาตลอด เราก็คงจะได้เห็นต้นไม้เติบโตตามที่เขาควรจะเป็น ไม่อยากให้ต้องปลูกต้นไม้ไป คิดถึงปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงกันอยู่ตลอดเวลาเลย เป็นไปได้ไหมหนอ

อยากทราบความคิดเห็นของท่านอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งคนเป็นคุณครูทั้งหลายด้วยค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 25266เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2006 01:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 13:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
เป็นคุณน้าแต่มีหลานอยู่ในการดูแล..ขอตอบค่ะ เท่าที่เห็นจากหลาน..หลังเลิกเรียนเค้าจะเรียนพิเศษเพื่อรอเวลาให้ไปรับ แต่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปนั่งรอและได้เห็นว่าเค้าไม่ได้เรียนอะไรที่จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นจากที่เรียนเลย นอกจากทำการบ้านที่ครูสั่งในชั้นเรียน เพื่อกลับบ้านแล้วจะได้ไม่ต้องมีการบ้าน เราก็งงว่าแล้วแบบนี้หลานจะได้อะไรเพิ่ม จึงไม่เห็นด้วยเลยที่จะให้หลานเรียนต่อไป ไม่ทราบว่าเรียนพิเศษที่อื่นจะเหมือนกันไหมค่ะ ลองแลกเปลี่ยนกันนะคะ
  • ตอบคำถามจากชื่อบันทึกเลยค่ะ ว่า "ไม่ทุกคน"..อย่างน้อยก็ลูกสาวสองคนของพี่เม่ยล่ะค่ะ ที่ปิดเทอมไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเลย...แต่ก็มีกิจกรรมเข้าค่ายจากการผ่านการคัดเลือกของโครงการต่างๆบ้าง...
  • เรียนพิเศษไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่จะได้ประโยชน์คุ้มหรือไม่นั้นขึ้นกับผู้เรียนค่ะ บางคนเรียนแล้วคุ้ม แต่ที่เรียนแล้วไม่คุ้มก็มากมาย (คำว่าคุ้มเนี่ย หมายถึงความรู้ที่ได้มาเมื่อเทียบกับโอกาสอื่นๆที่เสียไปกับเวลาเรียนพิเศษ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆด้วยค่ะ)
คนหนึ่งที่เคยเรียนพิเศษ

จริงๆแล้วการเรียนพิเศษนั้นไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลย ถ้ามีองค์ประกอบครบสองอย่างครบถ้วน คือ
1. ครูมีความสามารถในการสอนและอธิบายให้นักเรียนเข้าใจในพื้นฐานต่างๆที่ควรจะรู้เพื่อให้นักเรียนนำไปเป็นหลักในการใช้
2. นักเรียนมีความสนใจใฝ่รู้เรื่องนั้นๆ ซึ่งจะทำให้นักเรียนกะตือรือร้นในการหาคำตอบหรือวิธีการต่างๆ

ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนเคยผ่านมาคือ มีครูของผู้เขียนสามคน คนหนึ่งสอนคณิตศาสตร์และอีกสองคนสอนฟิสิกส์ เป็นโชคดีของผู้เขียนที่มีครูสอนคณิตศาสตร์ที่ค่อนข้างสนใจนักเรียนและเป็นคนที่มีคุณสมบัติตามข้อ 1 ข้างต้น ประกอบกับผู้เขียนเป็นมีความสนใจในวิชานี้มาก ทุกครั้งที่มีปัญหาจึงสามารถถามครูคนนี้ได้อย่างกระจ่าง ผู้เขียนจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียนพิเศษวิชานี้ ในขณะที่ครูสอนฟิสิกส์ทั้งสองคนนั้นไม่สามารถอธิบายพื้นฐานให้นักเรียนเข้าใจได้ คนหนึ่งเป็นครูสอนพิเศษในสถาบันสอนพิเศษแห่งหนึ่งแต่สอนนักเรียนให้ท่องสูตรมากเกินความจำเป็น อีกคนหนึ่งต้องให้นักเรียนสอน ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะมีความสนใจวิชาฟิสิกส์เท่ากับวิชาคณิตศาสตร์อย่างไรผู้เขียนคงต้องใช้เวลานานมากในการทำความเข้าใจกับวิชานี้ ถ้าไม่มีผู้แนะนำ ทำให้ผู้เขียนต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมในวิชาฟิสิกส์ และไม่เป็นที่น่าแปลกใจเพื่อนของผู้เขียนเองหลายคนก็ไม่ได้เรียนพิเศษวิชาคณิตศาสตร์แต่เกือบทุกคนต้องเรียนวิชาฟิสิกส์ ถึงแม้จะเป็นคนเก่งของชั้นห้อง

ผู้เขียนก็เห็นด้วยกับคุณโอ๋-อโณ ในการปลูกฝังให้เค้าสามารถค้นคว้าและเรียนรู้ด้วยตนเอง

เพิ่มเติมจากคนหนึ่งที่เคยเรียนพิเศษ

ผู้เขียนได้เรียนพิเศษวิชาฟิสิกส์ซึ่งครูสอนผู้นี้ได้ปูพื้นฐานของหลักการต่างๆทางฟิสิกส์ทำให้ผู้เขียนไม่จำเป็นต้องท่องสูตรมากเกินความจำเป็น และยังสามารถทำให้ผู้เขียนเข้าใจที่มาและวิธีการใช้สูตรพื้นฐานอย่างถูกต้องรวมถึงเป็นพื้นฐานที่ดีในระดับมหาวิทยาลัยด้วย

(ถ้าในเวลานั้นผู้เขียนได้รับการปลูกฝังให้สามารถค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองได้และมีปัจจัยอื่นๆสนับสนุน ผู้เขียนอาจจะไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษ)

ตนเองเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ให้ลูกเรียนพิเศษ ยกเว้นภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่า เรียนที่รร.อย่างเดียวคงไม่พอแน่ เหตุผลที่ไม่ได้ให้เรียน เพราะอยากให้เขาได้อ่านหนังสือ ค้นคว้าเอง หรือทำกิจกรรมอื่นเสริมอื่นๆ ที่อยากทำหลังจากเรียนมาแล้วทั้งวัน อีกประการหนึ่งก็คือ ไม่อยากให้เขาเป็นคน dependent คือต้องมีคนคอยมาติว แล้วคะแนนจะดีขึ้น อันนี้กลัวจะติดเป็นนิสัย 

แต่ไม่แน่ใจว่าจะทนกับกระแสได้ขนาดไหน โดยเฉพาะเวลาที่ต้องแข่งขันเพื่อสอบเข้าโรงเรียนใหม่ ในเมื่อการคัดเลือก ยังขึ้นกับคะแนนสอบ  และเรายังไม่แน่ใจกับการทุ่มเทของครูในโรงเรียน

คุณโอ๋คะ

แต่สำหรับครูอ้อยแล้ว  สอนเต็มที่แล้ว  นักเรียนไม่จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษให้เหนื่อยและเสียเงินทองหรอกค่ะ

มีอาจารย์ที่สอนในห้องธรรมดาบางท่านมาเสนอ แกมบังคับให้มาเรียนพิเศษกับตัวเองด้วยนะคะ

 

บางท่านก็เสนอว่าถ้าเรียนจะให้คะแนนมากเป็นพิเศษด้วยค่ะ

นักเรียนก็เลยต้องเรียนเป็นส่วนมาก

เรื่องจริงมีอยู่ว่า นักเรียนที่ไปเรียนพิเศษทำข้อสอบผิดอาจารย์ท่านก็จะแนะนำเฉพาะคนที่ไปเรียนพิเศษกับอาจารย์

และมีอาจารย์บางท่านมีเข้าสอนแต่ไม่สอนเอาแต่เล่าเรื่องภายในครอบครัวให้นักเรียนฟังแล้วพอออกข้อสอบปรากฏว่านักเรียนทำไม่ได้ แล้วมาว่าเด็กหาว่าเด็กไม่ฟังเวลาสอน

บางทีท่านก็หาว่านักเรียนไม่ตั้งใจฟังแล้วก็บอกว่า"นี่ทำไมไม่ถาม?ห๊ะ!แสดงว่าพวกเธอไม่ตั้งใจเรียน" แล้วพอนักเรียนถามก็จะไม่ตอบจะเปลี่ยนเรื่องเฉย

บางอาจารย์รู้ไม่จริง เช่นคำว่า Reuter พอนักเรียนถามว่าทำไมถึงอ่านว่ารอยเตอร์ อาจารย์ท่านก็บอกว่า eu เป็นสระออยของภาษาอังกฤษ ทำให้อ่านว่ารอยเตอร์ แต่หนูคิดว่ามันเป็นคำตอบที่ไม่เข้าท่า หนูเลยเริ่มหมดศริทธาในครูสอนโรงเรียนรัฐบาลนี้เลย อันที่จริงน่าจะมีการสอบวัดผลของอาจารย์ที่มีคุณภาพกว่านี้นะคะ จะได้มีครูที่มีประสิทธิภาพมาสอนน่ะค่ะ!

ไม่ต้องดูเด็กสมัยนี้หรอกค่ะ ในสมัยของดิฉัน สมัยเรียนศิลป์ภาษาอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา มีอาจารย์สอนวิชาฝรั่งเศสอยู่ 3 คน นักเรียนเรียนพิเศษกับใครก็จะเป็นเด็กของคนนั้น ใกล้สอบอาจารย์ก็จะเอาข้อสอบมาติวให้เด็กของตน ใครไม่เรียน ก็ได้คะแนนน้อยหรือตกไปเลย ผลสรุปการเรียนพิเศษคือไม่ได้ความรู้เลยได้แต่คะแนนอย่างเดียว

นักเรียนสมัยนี้ไม่ได้เรียนพิเศษทุกคนค่ะ แต่คนที่เรียนมีมากกว่าไม่เรียน การที่นักเรียนเรียนพิเศษมีหลายสาเหตุด้วยกัน

1.ผู้ปกครองให้เรียน กรณีที่ปกครองให้เรียนจะเป็นนักเรียนประถม ผู้ปกครองจะวางแผนให้ทั้งหมดว่าเรียนกับอาจารย์ดังๆคนใดเพื่อให้ลูกตนเองเก่งกว่าใครๆและจะได้สอบได้ในโรงเรียนดังๆมีชื่อเสียงและยอดนิยม และแข่งขันได้เรียนโปรแกรมเรียนพิเศษของโรงเรียนนั้น

2.นักเรียนเรียนเอง ส่วนมากเป็นนักเรียนเรียนปานกลางถึงเก่งมาก เก่งแล้วก็อยากเก่งอีก เก่งกว่าเพื่อนๆ อยากได้เกรดดีๆ เป็นชื่อเสียงต่อตนเองและครอบครัว เด็กที่เรียนเก่งมากมากกลับเรียนพิเศษอีกทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องเรียน เรียนคณิตศาสตร์ก้เรียนหลายๆที่ แม้ครูที่โรงเรียนสอนดีก็ยังเรียนพิเศษอยู่ดี เป็นค่านิยมที่เด็กส่วนใหญ่เรียน นักเรียนบางกลุ่มก็อยากพัฒนาตัวเองเห็นโจทย์แปลกๆที่ที่เรียนพิเศษ แต่เด็กที่อ่อนๆมักจะไม่เรียนพิเศษ กลุ่มนี้ครูมักต้องสอนเสริมให้เองในโรงเรียน

3.การสอนในโรงเรียนไม่สนองความต้องการของนักเรียนและผู้ปกครอง ในโรงเรียนครูต้องสอนตามหลักสูตร ได้ฝึกฝนทักษะได้ไม่มากตามเวลาที่มีจำกัด เทคนิคต่างๆไม่สามารถใส่ให้นักเรียนได้ทั้งหมดและไม่สนุกสนานเหมือนที่เรียนพิเศษ ที่เป็นอิสระ ไม่ถูกดุเหมือนเรียนในชั้นเรียนที่ แอบกินขนม พูดหยาบ และครูเห็น นักเรียนสมัยนี้จึงอยู่บ้านไม่ติด ส่วนครูที่ไม่สอนก็มี แต่อย่าว่าคลุมไปทั้งหมด ทุกวงการมีทั้งคนดีและไม่ดี ครูดีเขาทำงานหนักมาก ถ้านักเรียนเชื่อมั่นในตนเองก็ไม่ต้องเรียนพิเศษเลย รัฐต้องประกาศให้ทั่วประเทศไม่ต้องสอนพิเศษดูซิคะ เด็กที่เรียนพิเศษมาแล้ว พอเรียนในห้องก็ไม่ได้เก่งกว่าคนไม่เรียนเลย สิ่งที่เรียนพิเศษเช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ภาษาก็พอแล้ว ครูส่วนใหญ่เขาไม่ต้องการให้นักเรียนเรียนพิเศษหรอก เพราะนักเรียนมักจะถือว่าเรียนแล้วจึงไม่สนใจเรียนในชั้นเรียน และที่สำคัญคือมหาวิทยาลัยอย่าออกให้ยากเกินหลักสูตร

ผู้ปกครองไม่ให้เรียนก้ดีแล้ว ขอปรบมือให้ อย่าให้กระแสพาไป ทนให้ได้ เพราะขณะนี้ที่เด็กเรียนมากๆเพราะกระแสพัดพาไปทั้งนักเรียนและผู้ปกครองนั่นเอง ไม่เข้าใจก็ถามครูนั่นแหละ ครูคนนี้สอนไม่ค่อยเข้าใจก็ถามครูคนอื่นอีก โรงเรียนหนึ่งมีครูวิชาเดียวกันหลายคนโดยไม่ต้องเสียเงินอีก(บางโรงเรียน)

การเรียนพิเศษของเด็กสมัยนี้เป็นการแข่งขัน และค่านิยม ที่เห็นชัดๆ ก็ห้องของลูกสาว เพื่อนทุกคนเรียนคุมอง ยกเว้นลูกสาวคนเดียว ตั้งแต่ป.1 ลูกสาวไม่ได้เรียนพิเศษหลังเลิกเรียน หรือวันหยุด แต่เราใช้วิธีซื้อหนังสือแบบฝึกหัดมาให้เขาทำบ่อยๆ แต่เขาก็สามารถสอบได้ที่ 1 ทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนพิเศษใดๆเลย ส่วนเพื่อนๆ เรียนกันจนไม่มีเวลาเล่น แถมการบ้านของคุมอง เพื่อนมาวานให้ลูกสาวทำให้อีก ก็ไม่เข้าใจว่าผู้ปกครองไม่ใส่ใจเด็ก หรือไปเรียนเพื่อไปเจอเพื่อนใหม่แค่นั้นหรือ

ความจรืงเเล้วเด็กที่เรียนพิเศษก็ไม่ได้เรียเก่งทุกคน แต่เป็นคนที่สมัครใจเข้าไปเรียนจริงๆ พวกนั้นเเหละจะเป็นหัวกะทิสอบ น้องที่บ้านของเราก็อยากไปเรียนพิเศษเอง ว่างจากกลับมาก็อ่านหนังสือเอง ซึ่งทริกบางอย่างก็ต้องมี ผู้ช่วยเเนะนำถึงจะได้เร็วในระยะเวลาที่เท่ากัน มันมีข้อเเตกต่างอยู่เหมือนกันเเล้วเเต่นิสัยคนเรียนด้วย ส่วนใหญ่เด็กติดมหาลัยที่มีการเเข่งขันสูงจะอ่านเอง+เรียนพิเศษ ซะส่วนใหญ่ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท