ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการฟัง – พูดภาษาอังกฤษ โดยวิธีการสอนแบบตอบสนองด้วย
ท่าทาง ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านพอกหนองแข้
อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ
ผู้ศึกษาค้นคว้า นางพรสวรรค์ ขาวแร่
ที่ปรึกษาการวิจัย นายวิบูลย์ศักดิ์ เจตนา
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านพอกหนองแข้ อำเภอห้วยทับทัน
ปีที่พิมพ์ 2552
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าฉบับนี้มีความมุ่งหมายดังนี้ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะการฟัง-พูด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการด้วยวิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง และ 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ทักษะการฟัง - พูดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายหลักที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านพอกหนองแข้ อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 จำนวน 18 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ซึ่งมีวงจรปฏิบัติการศึกษาค้นคว้า 2 วงจร ดังนี้ วงจรที่ 1 ประกอบไปด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1-3 และวงจรที่ 2 ประกอบไปด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4-6 เพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะฟัง-พูด ซึ่งเป็นพื้นฐานในการเรียนภาษาอังกฤษ การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีผู้ร่วมศึกษาค้นคว้าได้แก่ ครูผู้สอนภาษาอังกฤษจำนวน 1 คนและนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 จำนวน18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 6 แผน 2) แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียนการสอนแบบไม่มีโครงสร้าง 3) แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง และ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 15 ข้อ เทคนิคที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าพัฒนาขึ้น การตรวจผลงานจากการทำใบงานของนักเรียนในแต่ละแผน นำข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากแหล่งข้อมูลของผู้ศึกษาและผู้ร่วมศึกษาค้นคว้าดังกล่าวมาวิเคราะห์ โดยใช้เทคนิคสามเส้าแล้วรายงานผล โดยใช้การบรรยายตามรูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏ ดังนี้
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะการฟัง-พูด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลัง
เรียนโดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการด้วยวิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง คะแนนทดสอบก่อนเรียนมีค่าเท่ากับร้อยละ 48.15 และคะแนนทดสอบหลังเรียนมีค่าเท่ากับร้อยละ 81.85 แสดงว่า คะแนน
เฉลี่ยการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. พฤติกรรมการเรียนรู้ทักษะการฟัง-พูด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การวิจัย
เชิงปฏิบัติการด้วยวิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง ตามแผนการเรียนรู้ทั้ง 6 แผน จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนพบว่า
วงจรที่ 1 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในขั้นปฏิบัติ พบว่า ด้านทักษะฟัง-พูด ของนักเรียน 11 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 18 คน ที่สามารถฟังและปฏิบัติหรือตอบคำถามได้บ้างแต่ต้องใช้เวลาในการคิด และทบทวนคำถามของครูก่อนที่จะตอบหรือปฏิบัติในสิ่งที่ครูพูด ส่วนด้านพฤติกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ นักเรียนส่วนใหญ่ไม่กล้าแสดงออกและไม่กล้าขอเป็นอาสาสมัครในการปฏิบัติกิจกรรมเพราะไม่มั่นใจและกลัวผิด เนื่องจากออกเสียงและจำคำศัพท์ไม่ได้ นักเรียนถนัดในกิจกรรมที่ร่วมกันทำเป็นกลุ่มมากกว่าการปฏิบัติกิจกรรมคนเดียว และมีบางส่วนที่หยอกล้อกันบ้าง
วงจรที่ 2 ผู้ศึกษาค้นคว้าจัดกิจกรรม เพื่อให้นักเรียนออกเสียงและจำคำศัพท์ได้โดยใช้กิจกรรมเกม เพลงและการวาดภาพระบายสีในการออกเสียงและสอนคำศัพท์ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สร้างความสนุกสนาน และดึงดูดใจของนักเรียนในการร่วมกิจกรรม พบว่า จากการทำกิจกรรมดังกล่าวนักเรียนสามารถจดจำคำศัพท์ได้รวดเร็วและนานขึ้น รวมทั้งการออกเสียงคำศัพท์ได้ถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น ปัญหาที่นักเรียนไม่กล้าแสดงออกนั้น ผู้ศึกษาค้นคว้าได้ดำเนินการแก้ไขโดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมมากขึ้น ฝึกและปฏิบัติให้บ่อยครั้งขึ้น เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้การเสริมแรงขณะปฏิบัติกิจกรรม ให้คำแนะนำและแก้ไขข้อบกพร่องอย่างเป็นกันเอง พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีความมั่นใจและอาสาในการปฏิบัติกิจกรรมมากขึ้น
ผลจากการตรวจใบงาน พบว่า นักเรียนมีพัฒนาการด้านทักษะการฟังดีขึ้น เห็นได้จากจำนวนนักเรียน 18 คน มีนักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน 14 คน ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน 4 คน และจากแบบสังเกตพฤติกรรมและทักษะฟัง-พูด พบว่า มีนักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน 15 คน และไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน 3 คน
วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทางเป็นวิธีการสอนที่เหมาะสมกับนักเรียนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ อีกทั้งวิธีการสอนนี้เน้นพัฒนาทักษะการฟัง-พูด เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน ซึ่งเป็นการสอนที่ไม่ฝืนหลักธรรมชาติของการสอนภาษา ให้นักเรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามตัวอย่างจากครูและอาสาสมัครหลาย ๆ ครั้ง ช่วยให้นักเรียนเกิดความมั่นใจในการพูดออกเสียงคำศัพท์ รูปประโยคและไม่อายที่จะแสดงออกในการร่วมกิจกรรมก่อให้เกิดความสนุกสนานซึ่งเป็นแรงจูงใจในการเรียนและมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษ
เป็นนวัตกรรมที่แปลกใหม่ น่าสนใจดี
เหมาะสำหรับชั้นประถมต้นจริง ๆ
น่าจะสร้างเจตคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษให้กับนร.ได้ดี
เลือก TPRเป็นหัวข้อสาระนิพนธ์ค่ะแต่หาเอกสารอ่านยากจัง มีเอกสารอะไรจะแนะนำให้อ่านไหมค่ะ กำลังหาหนังสือ learning Another Language Through Actionsของ James Asherอ่านแต่หาไม่ได้ มีคำแนะนำดีๆบ้างไหมค่ะ
คุณครูเก่งมากเลยครับ มีการพัฒนาการสอนมาต่อเนื่อง ลูกศิษย์ครูคนนี้มีทุกวันนี้ได้เพราะมีครูที่เป็นครูจริงๆ ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าคนหนึ่ง อยากบอกว่ารักและคิดถึงครูมากๆ ขอให้ครูมีสุขภาพกายและใจที่ดีตลอดไปนะครับ(จาก...นักศึกษานิด้า)