สืบเนื่องจากคำขอของ คุณโอ๋-อโณ และ การลุ้นของ คุณชายขอบ จากบันทึกเรื่อง การทิ้งระยะห่างให้พอเหมาะพอควร ให้ผมเขียนต่อเรื่อง พรหมวิหาร ๔ ก็ขอรีบตอบสนอง ด้วยใจครับ แต่ขอยืนยันในเบื้องต้นว่าผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนะ บอกได้แค่ว่าเคยรู้และเข้าใจว่ามันคืออะไร และได้นำไปประยุกต์ใช้มาแล้วอย่างไรบ้างเท่านั้นเอง
จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ให้อรรถาธิบายไว้ดังนี้ ..
พรหมวิหาร ๔ คือ ธรรมเครื่องอยู่อย่างประเสริฐ, ธรรมประจำใจอันประเสริฐ, หลักความประพฤติที่ประเสริฐบริสุทธิ์, ธรรมที่ต้องมีไว้เป็นหลักใจและกำกับความประพฤติ จึงจะชื่อว่าดำเนินชีวิตหมดจด และปฏิบัติตนต่อมนุษย์สัตว์ทั้งหลายโดยชอบ
ประกอบด้วย
๑.
เมตตา (ใช้ในสถานการณ์ที่คนอื่นอยู่เป็นปกติ
) คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข
มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า
๒. กรุณา
(ใช้ในสถานการณ์ที่คนอื่นตกทุกข์เดือดร้อน ) คือ ความสงสาร
คิดช่วยให้พ้นทุกข์
ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์
๓. มุทิตา
(ใช้ในสถานการณ์ที่คนอื่นมีสุขสำเร็จหรือทำอะไรก้าวไปด้วยดี
) คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง
กอปรด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ
ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดีมีสุข
เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป
๔. อุเบกขา
(ในสถานการณ์รักษาธรรมตามความรับผิดชอบต่อกรรมที่เขาทำ ) คือ
ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา
คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง
พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว
สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรม
รวมทั้งรู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ
เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง
หรือเขาควรได้รับผลอันสมกับความรับผิดชอบของตน
แง่คิดโดยสรุปจากประสบการณ์จริง
- เมตตา กรุณา และ มุทิตา เกิดขึ้นได้ง่ายก็เพราะเรามี
ความเห็นที่ถูกต้องในเรื่องของโลกและชีวิต
เช่น ตระหนักและเห็นแจ่มชัดอยู่เสมอว่า ทุกชีวิต
ล้วนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น หรือ การตระหนักในความจริงที่ว่า
ชีวิตและสรรพสิ่ง ล้วนต้องพึ่งพิง อิงอาศัยกันอยู่
เป็นต้น
- เมื่อมีเมตตา กรุณา เราจะลงมือกระทำการช่วยเหลือผู้อื่นได้ง่ายด้วยความจริงใจ เต็มใจและไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน เพราะการตอบแทนเกิดขึ้นแล้วโดยอัตโนมัติ คือความสุขในใจของเรา ตั้งแต่เมื่อคิดจะทำ กำลังทำ และได้ทำไปแล้ว
- อุเบกขา ไม่ควรแปลว่า "การวางเฉย" เพราะอาจจะกลายเป็น การละเลย ไม่ใส่ใจ ไม่มีน้ำใจ หรือ "ทองไม่รู้ร้อน" ควรยึดถือความหมายที่ว่า "ความวางใจเป็นกลาง" จะดีที่สุด เพราะมันคือการทำใจให้นิ่ง ยอมรับความจริงตามที่มันเป็น ไม่กระสับกระส่าย หรือหวั่นไหวไปกับผลที่เกิดขึ้น ในเมื่อ เราได้กระทำดีที่สุดแล้วโดยใช้ เมตตาและกรุณา
- เมื่อแสดงความเมตตา กรุณาอยู่ก็ ต้องใช้อุเบกขาคอยกำกับด้วย เพราะความใกล้ชิด หรือความรัก ความผูกพันที่มากเกินไป จะทำให้ใช้เมตตาและกรุณาจนเกินขอบเขตได้ง่าย มีผลเสียได้มาก เช่น ลูกหลานที่เป็นเด็กเล็กเดินไปแล้วหกล้ม ถ้าไม่ระวัง พลังแห่งความรักความห่วงใยจะทำให้เราเมตตา กรุณามากจนต้องวิ่งไปอุ้มหรือช่วยประคองให้เขาลุกขึ้นทันที แต่ถ้ามีอุเบกขากำกับ ก็จะเห็นว่า การหกล้ม ควรจะเป็นโอกาสให้เขาได้เรียนรู้ การลุกขึ้น ด้วยตัวเองให้ได้ แต่ใจก็ไม่ได้นิ่งดูดาย พร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือเมื่อจำเป็น การโอ๋ เอาใจเด็กจนเสียคนก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะมีอุเบกขาธรรมดังกล่าวเป็นเครื่องกำกับ เมตตา และ กรุณา
* * ชีวิตผมเป็นตัวอย่างได้ชัดด้าน
"ความผิดพลาดในเรื่องการใช้พรหมวิหาร ๔"
มีเหตุการณ์หลายอย่างที่นำความทุกข์ยากลำบากมาสู่ชีวิต
ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่
ขอยกตัวอย่างเรื่องสำคัญเพียงเรื่องเดียวดังนี้
เห็นคนที่รู้จักสนิทสนมกันเสมือนเป็นพี่น้องเดือดร้อน มีปัญหาไม่สามารถผ่อนบ้านกับ Bank A ได้ จึงยินดีช่วยเหลือ (ด้วยเมตตา กรุณาอย่างเต็มที่ ทั้งต่อตัวเขาเอง ต่อภรรยาและลูกน้อยของเขา)ใช้หลักประกันที่พอมี ทำเรื่องกู้เงินจาก Bank B เป็นเงิน 3 ล้านกว่าบาท ซื้อบ้าน(แต่เพียงในนาม) และให้เขาผ่อนต่อกับ Bank B ผ่านไปหลายปีเขาแทบไม่ได้ผ่อนส่งค่าบ้านเลย จนบ้านถูกยึดขายทอดตลาดไปด้วยราคาต่ำๆ ไม่ถึง 2 ล้านบาท ผลสรุปผมยังเป็นหนี้ Bank B อยู่ราว 6-7 ล้านบาท ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย โดยไม่ได้รับประโยชน์จากงานนี้เลยแม้แต่บาทเดียว .. เห็นหรือยังครับ ผลร้ายของการใช้ เมตตา และ กรุณา โดยไม่มีอุเบกขาเป็นเครื่องกำกับ ผมเรียกมันว่า ทุกข์จากการใช้ธรรมะ ไม่ครบหมวดครับ .
ต้องใช้คำว่า "กราบขอบพระคุณ" คุณ Handy เป็นอย่างสูงสำหรับบันทึกนี้ค่ะ จะขอเอาไปเผยแพร่ต่อทั้งกับคนใกล้และไกลตัว ได้แง่คิดทั้งเรื่อง พรหมวิหารสี่เอง และ วิธีการนำไปปฏิบัติ
สำหรับเรื่องที่คุณ Handy ยกตัวอย่างมา ทำให้อยากทราบว่า ใช้ธรรมหรือความคิด อะไรในการ"ทำใจ" ให้ยอมรับสภาพที่ต้องตกเป็นหนี้มากมายเช่นนี้ โดยไม่ได้เป็นผู้ก่อ ตัวเองอ่านแล้วคิดอะไรด้วย แต่ขอทราบจากอาจารย์ก่อนแล้วจะมาต่อยอดค่ะ ถ้ายังไงอาจารย์เขียนเป็นบันทึกใหม่เลยก็ดีนะคะ (มีความรู้สึกว่า บันทึกใหม่จะไปสู่คนได้จำนวนมากกว่าเวลาเป็นข้อคิดเห็นน่ะค่ะ เท็จจริงยังไม่ได้เก็บสถิติ)
สุดท้ายก็ทนเรียกคุณ Handy ได้บ้างไม่ได้บ้างนะคะ อาจารย์ ขอทำตามสบายแบบไรรูปแบบ แต่เปี่ยมไปด้วยความเคารพอย่างจริงใจค่ะ
ขอบคุณครับอาจารย์ ท่เขียนเรื่องท่มีความรู้ให้อ่านอย่างจุใจ
แวะเข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้จากอาจารย์ครับ และขอเสนอ พรหมวินาศ 4 ไว้เป็นเครื่องเตือนใจอีกนะครับ
1. บ้าอำนาจ
2. ฉ้อราษฎร์บังหลวง
3. หลอกลวงลูกน้อง
4. ยกย่องคนเลว
ขอบคุณ ผอ.บวร มากครับ
ผมเชื่อมั่นว่า พรหมวินาศ 4 หากถือปฏิบัติกันมากๆแล้ว ความวินาศ จะมาเยือนในไม่ช้า และ โลกาวินาศ ก็จะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม
ขอบคุณนะคะ ทำให้เข้าใจ พรหมวิหาร 4 ได้ลึกซึ้งขึ้นค่ะ
คุณหมอ ซันซัน ... ขอบคุณครับที่แวะมาอ่าน ทั้งที่บันทึกไว้นานเกิน 1 ปีแล้ว