ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข


พระธรรมจะเป็นเครื่องป้องกันผู้ที่นำหลักคำสอนไปปฏิบัติย่อมไม่ตกต่ำหรือ ไม่ตกอยู่ในอำนาจของความชั่ว

       

       การเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง ถึงแม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่ไม่สะดวกเหมือนกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ก็เป็นการเดินทางที่ผู้เขียนใช้เป็นประจำ เนื่องจากคำว่า "ประหยัด" เมื่อถึงสถานีขนส่งแล้วต่อด้วยรถสองแถว "บ้านกงไกรลาส - พิษณุโลก" ซึ่งเป็นรถตัวถังไม้หาดูได้ไม่ง่ายนัก เมื่อถึงแยกเข้าอำเภอพรหมพิรามจึงลงหาทางเข้าหมู่บ้านด้วยการโบกรถผู้มีจิตเมตตาเพื่อเดินทางอีก 3 กิโลเมตร จะถึงทางเข้าหมู่บ้าน และเดินเท้าเข้าบ้านอีก 1 กิโลเมตร แต่ถ้าครั้งใดโชคดีก็จะขึ้นรถเมล์สาย "พิชัย-พิษณุโลก"  แต่มีน้อยเที่ยว อีกทั้งชอบขึ้นรถตัวถังไม้ปลอดโปร่งโล่งสบาย

       เมื่อย่างเท้าเข้าสู่เขตหมู่บ้านนาขุม ซึ่งเป็นหมู่บ้านใหญ่มีอยู่ 2 หมู่คือหมู่ 7 และหมู่ 8  ตำบลท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก รอบหมู่บ้านจะพบทุ่งนา เนื่องจากเป็นเขตลุ่มน้ำนาน ได้รับน้ำชลประทานจากเขื่อนนเรศวร

       วัดนาขุมเป็นวัดที่ไม่ใหญ่โตมากนัก เนื่องจากจำกัดด้วยพื้นที่ที่มีจำกัดเพียง 10 ไร่ 124 ตารางวา จึงมีสิ่งก่อสร้างไม่มากนัก แต่สิ่งที่ผู้เขียนสนใจคือพุทธสุภาษิตที่ว่า "ผู้ประพฤติธรรม  ย่อมอยู่เป็นสุข" ซึ่งติดไว้บนต้นไม้  รอผู้เข้ามาหรือเดินทางผ่านไปมาได้อ่าน และสามารถเข้าใจได้ง่าย เพราะผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมอยู่เป็นสุขเพราะพระธรรมจะเป็นเครื่องป้องกันผู้ที่นำหลักคำสอนไปปฏิบัติย่อมไม่ตกต่ำหรือ ไม่ตกอยู่ในอำนาจของความชั่ว เพราะผลกรรม พระพุทธเจ้าทรงสอนในเรื่องของกรรม กรรมในที่นี้หมายถึงการกระทำ มนุษย์เรา จะดีหรือชั่วไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด แต่อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติ ผู้เข้าใจในธรรม สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

               เมื่อเก็บภาพจนเป็นที่พอใจแล้วจึงเข้ากราบ พระครู สุจิณวรธรรม เจ้าอาวาสวัดนาขุม และเจ้าคณะตำบลท่าช่าง ซึ่งผู้เขียนซึ่งเป็นลูกศิษย์จะเรียกว่า "พระอาจารย์คูณ" ซึ่งได้รับเมตตาเล่าให้ฝังว่า การเขียนพุทธสุภาษิตทิ้งไว้บนต้นไม้นั้นมีประโยชน์มาก เพราะสั้นและเข้าใจได้ง่าย  ซึ่งบางคนถ้ายึดคำสอนบางคำนำไปปฏิบัติก็สามารถพบกับความสุขและความสำเร็จได้บ้างเป็นบางส่วน

               อีกทั้งได้นำพาเที่ยวชมอาคาร " อาคารเรียนพระปริยัธติธรรม และพิพิธภัฑภ์ ภูมิปัญญาชาวบ้าน วิถีชีวิตของการดำรงค์ให้คงอยู่ เอคนรุ่นหลังที่ลืมหรืออาจจะไม่มีเหลือให้ไว้ได้ชมตามบ้านเรียน จะสามารถเข้าชมได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อีกทั้งจะได้เป็นอาคารสถานที่เรียนของพระที่สนใจเรียนพระปริยัธติธรรม อีกด้วยจากการเดินชมอาคารยังไม่เสร็จดี  คงเป็นเพราะในช่วงปัจจุบันเศรษฐกิจไม่ดีและราคาข้าวไม่ดีนัก รวมทั้งวัสดุของโบราณมีไม่มากนัก  แต่มิได้ยินคำขอเรียไรจากพระอาจารย์คูณเลย นี่แหละนะพระผู้ปฏิบัติรอผู้มีจิตศรัทธาเท่านั้น ถ้ามีก็สร้างต่อ ถ้าไม่มีก็หยุดพักก่อน  ผู้เขียนในฐานะเด็กบ้านนาขุม จึงขอเชิญชวนผู้อ่านได้เข้าไปเที่ยวชมบรรยากาศบ้านนา และวัดที่กำลังพัฒนา สนใจติดต่อสอบถามทางวัดได้ที่เบอร์โทร  089-7070655

หมายเลขบันทึก: 251608เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2009 23:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • สวัสดีครับ
  • น่าสนับสนุนพระคุณเจ้า เป็นความคิดที่ดี ถือว่าเป็พนะพัฒนาอีกรูปหนึ่ง
  • ขอบคุณ

ขอนมัสการท่านพระครูสุจิณวรธรรม เป็นอย่างสูงครับ ท่านเป็นพระที่ปฏิบัตืดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่งของอำเภอพรหมพิราม สมควรเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับบุคคลทั่วไป

ว้าว !!!! ได้อ่านแล้วรู้สึกภูมิใจจัง หนูเป็นเด็กนาขุม เด็กบ้านนอกที่เข้ามาศึกษาต่อในเมือง ขอบคุณ จขกท.ที่ได้นำวัฒนธรรมดีๆ คำสอนดีๆ ที่มีในชุมชนของหนูมาเผยแพร่นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท