วันนี้ (20 เมษายน ) เราได้นัดประชุมผู้บริหารและทีมงาน KM ของโรงเรียนในฝัน สพท.นบ.ข.1 จำนวน 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนี) นนทบุรี และ โรงเรียนนนทบุรีพิทยาคม จำนวน 10 กว่าคน มาคุยกันเรื่องการส่งเสริม KM ในโรงเรียน ซึ่งทั้ง 2 โรงเรียน ได้ผ่านการประเมินเป็นต้นแบบโรงเรียนในฝันเรียบร้อยแล้ว จึงคิดหาวิธีรักษาคุณภาพและเพิ่มคุณภาพให้เป็นต้นแบบแก่โรงเรียนอื่นอย่างยั่งยืน
ทั้งสองโรงเรียนเห็นตรงกันว่ากระบวนการ KM น่าจะช่วยยกระดับคุณภาพของโรงเรียนให้สูงขึ้นได้ ผมได้นำให้ทุกคนได้ทำ AAR พูดทบทวนกระบวนการ KM ว่าหลังจากเราอบรม KM ไปแล้ว 2 เดือนได้กลับไปทำอะไรต่อที่โรงเรียนของตนบ้าง ก็พบว่าแต่ละโรงเรียนผู้บริหารและแกนนำต่างคิดหาวิธีส่งเสริมโดยพยายามใช้ KM แทรกไปในงานที่ทำประจำโดยไม่อยากประกาศให้ดำเนินการโดยตรงเพราะเกรงว่าบุคลากรจะรู้สึกว่าเอา KM ไปเพิ่มภาระอีกจึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดคำว่า KM กัน
เราได้ร่วมกันคิดหาวิธีการสอดแทรก KM ลงไปในการปฎิบัติงานที่จะไม่ให้บุคลากรต่อต้านโดยเสนอกันว่าน่าจะเชิญหัวหน้ากลุ่มสาระ หัวหน้างานต่าง ๆ มาคุยกันก่อนเหมือนกับวันนี้ โดยยังไม่พูดถึงเรื่อง KM แต่จะให้แต่ละคนเล่าเรื่องที่เขาปฎิบัติแล้วประสบผลสำเร็จ เมื่อทุกคนสนใจและรู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ดีก็จึงหารือเชิงเชิญชวนว่าสิงที่เรากำลังทำอยู่นี้น่าจะขยายผลไปในหมวดวิชาของตนเอง หรืองานที่ตนเองรับผิดชอบหรือไม่ ซึ่งหวังว่าทุกคนคงจะเห็นด้วยและคงอยากรู้ว่ากระบวนการนี้คืออะไร มีเทคนิคอย่างไรในการดำเนินงาน จากนั้นจึงจะเริ่มคุยกันเรื่อง KM เมื่อทุกคนยอมรับในกระบวนการนี้แล้ว จึงให้แกนนำเหล่านี้เป็นคุณอำนวยไปลองพูดคุยกับบุคลากรในกลุ่ม/งานของตน
เมื่อทุกกลุ่มเริ่มสนใจ KM และอยากรู้กระบวนการนี้ โรงเรียนจึงจะจัดให้มีการอบรมเรื่อง KM ให้แก่ทุกคน แล้วจึงร่วมกันทบทวนวิสัยทัศน์ กำหนด CoP ของแต่ละกลุ่ม/งาน พร้อมทั้งให้วางแผนดำเนินงาน มีกิจกรรมกระตุ้นกันอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีทำ AAR กันตลอดเพื่อทบทวนปรับปรุงกันไปจนเกิดวัฒนธรรมการทำงานที่ดีร่วมกัน...นี่คือสิ่งที่คุยกันในวันนี้
เพื่อเพิ่มพลังพวกเรา ตอนพักรับประทานอาหารกลางวัน เราได้ฉายภาพยนตร์เรื่อง "เสียงกู่จากครูใหญ่"ให้ดูกันอีกครั้ง
ผมเห็นด้วยกับวิธีการของอาจารย์ที่คิดจะถ่ายทอด km โดยผู้รับเต็มใจรับ ไม่คิดว่าเป็นการเพิ่มภาระงาน
ผมมีความคิดอยากจะทำโครงการสัมนาครูโดยใช้กระบวนการ km ประมาณเดือนพฤษภาคม นี้ เพื่อเผยแพร่ให้กลุ่มโรงเรียนวังเจ้า จังหวัดตากซึ่งมีโรงเรียนอยู่ด้วยกัน 16 โรงส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก โดยมีจุดประสงค์คืออยากให้โรงเรียนทุกโรง และกลุ่มทุกกลุ่มเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ผมขอเรียนถามว่าอาจารย์พอจะมีเวลาว่างเป็นวิทยากรให้กับกลุ่มโรงเรียนวังเจ้าได้บ้างหรือเปล่าครับ และควรจะวางแผนการจัดสัมนาอย่างไรดี ผมขอความกรุณาอนุเคราะห์อาจารย์ได้ส่งคู่มือการจัดโปรแกรมสัมนาkm ที่เคยจัดมาแล้ว ให้ผมได้ศึกษาบ้างจักขอบพระคุณยิ่งครับ
ประถม ปิ่นพาน
20 เม.ย.49
เป็นความคิดริเริ่มที่ดีครับ...ถ้าอาจารย์มีเป้าหมายว่า อยากให้ทุกกลุ่มเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการ KM เป็นเครื่องมือขับเคลื่อน และเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการคิด การทำงานร่วมกัน ก็เป็นแนวคิดที่ดี แต่ ศ.นพ.วิจารณ์ เคยติงเสมอว่า เราจะทำ KM แท้หรือ KM เทียม เพราะเดี๋ยวนี้หน่วยงานหลายแห่งทำกันตามกระแส(โดยเฉพาะราชการ) เพราะเห็นว่าถ้าใครทำ KM แล้วเท่ห์ สามารถคุยอวดใครได้ ดร.ประพนธ์บอกว่า เหมือนการสร้างบ้าน ส่วนใหญ่จะแค่ปูพื้นบ้าน เมื่อเจออุปสรรค(โดยเฉพาะคุณอำนาจ) ก็ไม่สร้างต่อปล่อยให้ร้างไป แล้วไปสร้างบ้านหลังอื่นๆต่อในลักษณะเดียวกัน
ผมเองก็อยู่ในระหว่างสร้างบ้านเหมือนกัน เจอปัญหาเยอะเหมือนกัน แต่ก็พยายามกระตุ้น หาวิธีการ สร้างบรรยากาศหลายๆรูปแบบ และไม่คิดว่าจะสำเร็จวันนี้พรุ่งนี้ คงต้องใช้เวลา แต่จะไม่ยอมปล่อยให้บ้านร้างง่ายๆ คงยังไม่อาจเป็นตัวแบบได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของทฤษฎี หรือการเหมาโหลแต่เป็นการปฏิบัติจริง และต้องไม่ใจร้อน เพราะเรากำลังทำงานกับคน ซึ่งมีชีวิตจิตใจ และถูกหล่อหลอมกันมาด้วยวิธีที่หลากหลายมาเป็นเวลานาน
อาจารย์อยู่ที่จังหวัดตาก มีของดีอยู่ใกล้ตัว ที่เขาทำสำเร็จแล้ว สคส.ไปถ่ายทำวีดีโอเผยแพร่ทั่วประเทศ คือโรงพยาบาลบ้านตาก อยากให้อาจารย์ไปเก็บเกี่ยวที่นั่น ผมเองจะเป็นเพื่อนร่วมทางกับอาจารย์ทำแล้วได้ผลอย่างไรก็แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะ
คุณหมอพิเชษฐ์ ผอ.รพ.บ้านตาก บอกว่า KM คือ "การจัดการความสัมพันธ์" ครับ ขอให้อาจารย์โชคดีครับ