บางคนอาจจะรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อของหัวข้อนี้ เพราะชื่อนี้ข้าพเจ้าได้มาจากหนังสือ "เรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงของเครือข่ายวิถีชุมชน" โดยมี สวสส. ของคุณหมอโกมาตรเป็นแกนนำในการนำเสนอ
อ่านแล้วก็กลับมาเทียบเคียงกับอาชีพของตนเอง เพราะเท่าที่ฟังมา อาชีพหมอฟันนี่ ถ้าไปทำงานในคลินิกที่กรุงเทพคงจะมีรายได้ดี อย่างผ่าฟันคุดทีนึงคิดค่าบริการจากคนไข้ได้ตั้ง 2-3 พันบาทเป็นอย่างต่ำ ถ้าวันนึงทำซัก 10 เคส ก็รวยเห็นๆ แต่อยู่บ้านนอกผ่าฟันคุดให้คนไข้ ไม่ได้อะไรเลย (หมายถึงว่าได้แต่เงินเดือนของข้าราชการ) แถมเก็บแค่ 30 บาท ทำอะไรๆ ก็ได้ 30 บาท
แต่อยู่บ้านนอก เราทำฟันให้คนไข้แล้วเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ เพราะนอกจากจะได้ช่วยปัดเป่า บรรเทา รักษาความเจ็บไข้ให้เขาแล้ว คนไข้ก็มีความสุขกลับไป เพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงบริการที่ดีได้ง่าย แม้ว่าจะเป็นคนจน หรือคนชายขอบของสังคมก็ตาม แต่ในกรุงเทพ หมอฟันกลับแลดูเหมือนเป็นพ่อค้าที่ขายบริการให้คนที่มีกำลังในการซื้อ ใครไม่มีตังค์ อย่าแย๋มเข้ามาให้เห็นหน้าเชียว ทำแล้วคนไข้ก็เป็นทุกข์กลับไป เพราะเสียเงินมาก นี่ถ้าเป็นคนจนคงต้องไปไหว้พระ ขอพรว่า "จงอย่ามีฟันคุดเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย" เพราะเป็นแล้วนอกจากจะทุกข์เพราะความเจ็บปวดแล้ว ยังกระเทือนต่อเศรษฐกิจอันคลอนแคลนของตัวเองอีกด้วย
ตอนที่ปิดหนังสือ เลยถึงบางอ้อ หายสงสัยเลยว่า ทำไม เพื่อนพ้องร่วมวิชาชีพหลายคนที่ยอมทำงานอยู่ใน ตจว. หรือในชนบท ถึงไม่ยอมย้ายกลับเข้าไปทำงานในเมือง หรือกลับกรุงเทพซะที เพราะเห็นคนไข้ยิ้มได้คราใด ก็รู้สึกได้ทันทีว่า "งาน คือความดีที่หล่อเลี้ยงชีวิต" นั่นเอง *****
บางที เงิน ทอง ก็ไม่มช่สิ่งที่ต้องการที่สุดเสมอไป
การที่ได้ทำงานอยู่ในชนบท
ได้สัมผัส ได้เรียนรู้ ซึมซับ วิถีชีวิต
การได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นความสุขใจ
ที่คิดมูลค่าไม่ได้
ทำเมื่อไหร่ ก็ภูมิใจเมื่อนั้นครับ