วันนี้ผู้วิจัยจะเล่าให้ฟังต่อว่าในวาระที่ 3 ของการประชุมเครือข่ายฯสัญจรฯ ครั้งที่ 3/2549 ของเครือข่ายฯองค์กรออมทรัพย์ชุมชนจังหวัดลำปางจะเป็นอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง
วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง (ต่อ)
หลังจากหามติและข้อสรุปในเรื่องกองทุนกลางแล้ว ประธานเริ่มต้นประเด็นที่สองในวาระนี้ คือ เรื่องกองทุนร่วม โดยกล่าวว่า เรื่องระเบียบ ข้อบังคับ กติกา กองทุนร่วม ซึ่งมีกติกาอยู่แล้วว่ามีไว้เพื่อเป็นกองทุนเฉลี่ยเรื่องการตาย ทีนี้ปรากฎว่าที่ผ่านมามีคนหัวใส (ถือเป็นความรู้อย่างหนึ่ง) เอาคนเข้ามาเป็นสมาชิกของเครือข่าย โดยที่ระเบียบเก่าเราไม่ได้วางมาตรการไว้ว่าผู้รับผลประโยชน์จะต้องเป็นสมาชิกด้วย ดังนั้น จึงมีคนแก่ คนใกล้จะตายมาเข้าเป็นสมาชิกมาก ที่ผ่านมาเราอลุ่มอล่วยมาตลอด เพราะ ถือว่าเป็นเรื่องของสวัสดิการชุมชน แต่ไปๆมาๆคนในชุมชนไม่ได้คิดว่าเป็นกองทุนของตนเอง คิดเป็นเรื่องของผลประโยชน์ไป ไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ชุมชนเป็นชุมชนสวัสดิการ เราจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เอาลูก เอาพ่อ เอาแม่ มาสร้างความสัมพันธ์กัน ไม่มีใครคิดอย่างนั้น คิดแต่ว่าตายแล้วจะได้เท่าไหร่ จึงเอาแต่คนแก่ คนเฒ่า คนป่วย มาเข้าเป็นสมาชิก ลงทุนแค่วันละ 1 บาท พอเป็นสมชิกครบ 2 ปี หากตายก็จะได้เงิน 20,000 บาท มองเป็นเรื่องผลประโยชน์ ตอนแรกพวกเราไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เราคิดว่าคนในชุมชนทุกคนจิตใจเป็นเหมือนพวกเราทั้งหมด ปรากฎว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น ดังนั้น คณะกรรมการบริหารจึงมานั่งปรึกษาหารือกันอยากจะขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงระเบียบเกี่ยวกับผู้รับผลประโยชน์ว่าจะต้องเข้าเป็นสมาชิกด้วย หมายความว่า ตัวตายมีตัวแทน คนที่ตายก็จะมีคนที่เข้ามาแทน ถ้าอย่างนี้สมาชิกก็จะไม่ลดน้อยถอยลงไป ทุกคนเห็นด้วยหรือไม่ครับ? ถ้าทุกคนเห็นด้วยผมจะนำเข้าเป็นเรื่องพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป แล้วประกาศใช้ในวันครบรอบเครือข่ายฯ คือ วันที่ 10 เมษายน
ในประเด็นนี้ อ.ชวนพิศ ได้ยกมือขอแย้งว่า เมื่อกี้นี้ประธานบอกว่าผู้รับผลประโยชน์ต้องเป็นสมาชิกด้วย กับ บอกว่าตัวตายมีตัวแทนนั้น มันเป็นคนละเรื่องกัน
น้องอุรุพร ตัวแทนจากกลุ่มแม่พริกเสริมในประเด็นนี้ว่า เมื่อตะกี้นี้ประธานพูดผิด ประธานน่าจะพูดว่า สมมติว่ามีคนตาย 1 คนต้องรับสมาชิกเพิ่มใหม่ 1 คน หรือ 10 คน เพราะ ปกติสมาชิกมันต้องพันยอดกันอยู่แล้ว เนื่องจากคนที่เข้ามาเป็นสมาชิก เขาก็ต้องระบุผู้รับผลประโยชน์ว่าเป็นลูก เป็นหลาน หรือบางครั้งเขาก็เข้ากันทั้งครอบครัวอยู่แล้ว
มีผู้แย้งขึ้นมาอีกว่าประเด็นในตอนนี้ก็คือ สมาชิกเขาไม่ได้เข้ามาทั้งครอบครัว มันจึงทำให้เกิดปัญหา
ประธาน สรุปว่า ในเมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้ ผมจึงอยากเอามาหารือในที่ประชุมว่าทุกคนเห็นด้วยไหมครับที่จะแก้ไขระเบียบข้อบังคับในเรื่องนี้ ถ้าหากเห็นด้วยผมจะได้เอาเข้าที่ประชุมในครั้งหน้า
ปรากฎว่าในที่ประชุมบอกว่าเห็นด้วย ดังนั้น ประธานจึงบอกว่าจะนำเรื่องนี้ยกร่างเป็นระเบียบแล้วนำเข้าที่ประชุมครั้งต่อไป
จบโดยสมบูรณ์ค่ะสำหรับวาระที่ 3 จากเนื้อหาของการประชุมในวาระนี้ทั้งหมดเป็นอีก ปรากฎการณ์หนึ่งที่เราคงต้องติดตามต่อไปว่าเครือข่ายฯและกลุ่มต่างๆที่เป็นสมาชิกจะเป็นอย่างไรเมื่อนำกฎ ระเบียบ ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงใหม่เข้ามาปรับใช้
ไม่มีความเห็น