นิราศเพชรบุรี : จากเพชรบุรี - ชุมพร : สารัตถะ


ลาแล้วจะกลับมาใหม่

การขึ้นรถไฟในวันนี้ ผมทำใจไว้แล้วว่า ผมน่าจะได้ยืนทั้งคืน ประมาณ ๔ ทุ่ม รถไฟที่ผมจองตั๋วไว้ก็มาถึง ผมกับพ่อขึ้นไปบนรถ คนเยอะมาก นี่คือเรื่องปกติในช่วงเทศกาล ผมเดินนำพ่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่นั่งซึ่งเราจองไว้ แต่มีคนนั่งเบียดกันอยู่แล้ว ๓ คน ผมจึงเดินไปเรื่อยๆ เห็นที่ว่างแต่มีการกันที่ไว้ จึงถามผู้กันที่นั้นว่า “ขอนั่งได้ไหม” ไม่มีคำตอบว่า นั่งได้หรือไม่ได้ แต่มีคำพูดว่า “มีคนนั่งแล้ว” ผมไม่ละความพยายาม จริงๆ แล้วถ้าผมมาคนเดียว ผมจะไม่ขอความช่วยเหลือใครแน่นอน ผมยอมที่จะยืน แต่วันนี้พ่อมาด้วย เกรงว่าท่านจะเหนื่อย จึงต้องทำหน้าที่ผู้ประสานงาน “ขอนั่งก่อนได้ไหม หากเจ้าของที่มาแล้วผมจะลุกจากที่นี้” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนอย่างไร้เดียงสาประสาซื่อๆ เด็กหนุ่มผู้กันที่ ยินยอมให้เรานั่ง แต่ผมไม่นั่งแม้จะมีที่ว่างก็ตาม ผมให้พ่อนั่งไปก่อน ในใจผมคิดว่า ทราบมาว่าเดี๋ยวนี้ในรถไฟเขามีที่นั่งประจำเลขในตั๋วอยู่ คงต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าที่รถไฟเพื่อความถูกต้องต่อไป เมื่อเจ้าหน้าที่รถไฟมา ผมจึงบอกเรื่องราวนั้น เจ้าหน้ารถไฟจึงไปจัดการที่ซึ่งมีคนนั่งสามคนนั้น และให้พ่อผมนั่งประจำที่ตามตั๋ว ผมอยากจะนั่งเหมือนกัน เพราะเราต้องเดินทางไกล แต่พอมองเห็นตาปริบๆ ของเด็กสาวสองคน ทำให้รู้สึกว่า หากผมนั่งลง ผมต้องผิดแน่ แต่ถ้าผมไม่นั่ง ผมก็จะไม่มีที่นั่ง ผมตัดสินใจเชื้อเชิญให้เธอทั้ง ๒ นั่ง แล้วผมก็เดินไปที่ประตูตู้รถไฟยืนขวางทางเดิน มองดูบรรยากาศในรถไฟให้นึกสลดใจ รัฐบาลคงไม่ใส่ใจกับความสะอาดในรถไฟเท่าไรนัก อีกอย่าง ทำความสะอาดไม่นานก็คงต้องเลอะเทอะ ยืนไปคิดไป หาเหตุผลไป จวบจนเที่ยงคืน แต่ละคนนั่งหลับใหล ขาดพาดไปมา บางคนเอาหนังสือพิมพ์ปูใต้ที่นั่งและนอนหลับไปโดยมิได้รังเกียจความไม่สะอาดใดๆ ในรถไฟนั้น บางคนนั่งขวางทางประตูทางขึ้นของตู้ มีลุงคนหนึ่งนั่งสมาธิ บรรยากาศยามนี้ หากเทวดาไม่ตกลงจากสวรรค์ เทวดาไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ได้เลย ว่าชั้น ๓ ของรถไฟช่วงเทศกาล เหมือนกับคืนที่เจ้าชายสิทธัตถะตัดสินพระทัยออกจากพระราชวังทรงผนวชฉะนั้น “ชีวิตจะต้องเหนื่อยไปถึงไหนกัน”
                ผมยืนไปคิดไป ดูสถานีรถไฟที่ผ่านไปแต่ละสถานี จวบจนเกือบตี ๒ ผมจึงได้ที่นั่ง เนื่องจากมีคนลง ผมจำไม่ได้ว่าสถานีอะไร แต่ในใจผมคิดว่า ผมคงได้หลับบ้างแล้ว ประมาณ ตีสี่ครึ่ง รถไฟจึงถึงสถานีชุมพร ผมสะพายเป้ เดินนำหน้าพ่อลงจากรถไฟ ขึ้นรถสองแถว มาลงหน้าทางเข้าบ้าน แต่ต้องเดินจากถนนใหญ่ไปประมาณ ๕๐๐ เมตร กว่าจะถึงบ้าน โชคดีที่โทรศัพท์ผมมีไฟฉาย จึงเปิดแสงสว่างเดินคลำทางจนถึงบ้าน จริงๆ แล้วแถบบ้านมีงูเยอะอยู่ อันตรายนักหากเดินไปโดยไม่พิจารณาภายใต้ความมืด
                พ่อขึ้นไปนอนบนบ้านผุพังของพ่อ ส่วนผมหลังจากส่งพ่อแล้วจึงไปนอนที่บ้านหลานสาวที่ไปเพชรบุรีนั้น

                ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งคืน………………
สารัตถะ
๑.       ดี – ชั่ว เราแหละสมมติขึ้น
๒.     ยอมที่จะมีชีวิตอยู่อย่างเหน็ดเหนื่อยดีกว่าสุขสบายกายแต่ไม่สุขสบายใจ

๓.     ชีวิตเจ้ากรรม จะเดินทางไปถึงไหนกัน

คำสำคัญ (Tags): #ศาสนาและปรัชญา
หมายเลขบันทึก: 24601เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2006 11:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท