ก่อนที่ตอบคำถามข้อที่ 2 ผู้วิจัยต้องขอขอบพระคุณทุกท่านนะคะที่อุตส่าห์อวยพรวันเกิดให้กับผู้วิจัย อายุมากขึ้น ผู้วิจัยก็ได้แต่หวังว่าความคิดความอ่านของตัวเองจะดีขึ้นเรื่อยๆ เอาล่ะค่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอตอบคำถามข้อที่ 2 เลยก็แล้วกันนะคะ
สำหรับคำถามข้อที่สอง
ก็ยังคงเป็นคำถามเกี่ยวกับหน่วยงานสนับสนุนอยู่
จากความพยายามในการจับประเด็นคำถาม
ผู้วิจัยเข้าใจว่าคุณภีมกำลังบอกว่า
บทบาทของหน่วยงานสนับสนุนซึ่งมีหน้าที่โดยตรงและมีอยู่อย่างต่อเนื่องก็คือ
พัฒนาชุมชนและหน่วยงานอื่นๆในพื้นที่
ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก
การสนับสนุนงบประมาณต่างๆก็คงจะเป็นในลักษณะของการให้การสนับสนุนเป็นรายกิจกรรมตามโครงการที่หน่วยงานมีในแต่ละปีตามความสามารถที่มีอยู่
และคงจะต่างหน่วยต่างทำต่อไปอีกนาน
หากเครือข่ายมีความเข้าใจในจุดนี้ก็คงจะพอใช้เป็นประโยชน์ได้บ้าง
คำถามก็คือ
ถ้าเรามีโอกาสทำตรงนี้อย่างเต็มที่เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับที่อื่นๆเราจะทำอย่างไร?
เกิดผลอย่างไร?
ผู้วิจัยขอตอบและแสดงความคิดเห็นดังนี้นะคะ
1.ผู้วิจัยเห็นด้วยที่บอกว่าพัฒนาชุมชนและหน่วยงานอื่นๆในพื้นที่มีบทบาทโดยตรงในการทำงานตรงนี้
แต่เฉพาะกองทุนหมู่บ้านและกลุ่มออมทรัพย์ (บางประเภท)
เท่านั้นนะคะ เพราะ เป็นนโยบายของรัฐบาล
รัฐบาลสั่งการลงมาที่หน่วยงานไหน หน่วยงานนั้นก็ต้องทำ
พูดง่ายๆ คือ มีเจ้าภาพชัดเจน
แต่สำหรับกรณีของเครือข่ายองค์กรออมทรัพย์ชุมชนจังหวัดลำปางนั้น
เป็นองค์กรภาคประชาชนที่จัดตั้งขึ้นโดยประชาชน
และลักษณะการดำเนินงาน
ตลอดจนวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานก็ไม่สอดคล้องกับภารกิจของพัฒนาชุมชนที่มุ่งส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตเท่านั้น
(ข้อมูลนี้มาจากการสัมภาษณ์พัฒนาชุมชนจังหวัดค่ะ)
ทำให้เครือข่ายฯไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร
ความจริงมีเจ้าหน้าที่ของพัฒนาชุมชนได้ชี้ช่องทางว่าหากเครือข่ายฯต้องการให้พัฒนาชุมชนทำงานร่วมกัน
ให้ไปติดต่อ.....(ขอโทษค่ะ จำชื่อไม่ได้
ไม่ได้เอาเอกสารมาด้วยค่ะ)
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่พัฒนาชุมชนตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจหลักของพัฒนาชุมชนโดยตรง
แต่เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่ม องค์กร
และประชาชน
แต่ก็มีอุปสรรคบางอย่างที่ทำให้เรายังไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
ในกรณีของเครือข่ายองค์กรออมทรัพย์ชุมชนจังหวัดลำปางนั้น
ทีมวิจัยของพวกเราได้เคยเข้าพบและพูดคุยกับท่านรองเจริญสุข
ชุมศรี แล้ว
ท่านให้คำแนะนำว่าในการที่เครือข่ายฯจะขออนุมัติงบประมาณนั้นสามารถทำได้
เพราะ ภารกิจ
รวมทั้งวัตถุประสงค์ของเครือข่ายฯสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
ยุทธศาสตร์ภาค ยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด
และยุทธศาสตร์จังหวัด
แต่การที่จังหวัดจะอนุมัติงบประมาณให้ได้นั้นจะต้องมีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ
ซึ่งท่านรองฯเห็นว่า
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำปาง (พมจ.)
เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่
ภารกิจที่สอดคล้องกับการทำงานของเครือข่ายฯ ดังนั้น
ควรที่จะไปคุยและประสานงานกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำปางเพื่อให้หน่วยงานนี้เป็นเจ้าภาพให้
หากเครือข่ายฯต้องการที่จะทำโครงการอะไรก็ให้เสนอขึ้นมาผ่านพัฒนาสังคมฯ
ถ้าทำอย่างนี้ก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้
เพราะว่ามีความถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดไว้
หากตั้งคำถามต่อไปว่าตอนนี้เครือข่ายฯดำเนินการไปถึงไหนแล้ว?
แล้วทำอย่างไร? เกิดผลอย่างไร?
ผู้วิจัยก็ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้มากนัก เพราะ
ช่วงหลังๆมุ่งไปที่ระดับกลุ่มมากกว่า แต่เท่าที่ทราบ
คิดว่าน่าจะอยู่ในระดับเบื้องต้น
ทำโดยการที่ประธานเครือข่ายฯเข้าไปพูดคุยและเจรจาให้พัฒนาสังคมฯเป็นเจ้าภาพร่วมในการพัฒนาระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับกลุ่มและเครือข่ายฯ
ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก พอช. โดยว่าจ้าง อ.ดิเรก
ให้เป็นผู้พัฒนาโปรแกรมให้ต่อ เจ้าหน้าที่ของ พมจ.
คนหนึ่งรับหน้าที่เป็นอาสาไอทีด้วย
สำหรับผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ยังไม่ทราบค่ะ
เพราะ เพิ่มเริ่มต้นโครงการ
ที่ผู้วิจัยยกตัวอย่างนี้ก็เพราะว่าเห็นว่าเป็นความร่วมมือที่ชัดเจนที่สุด
ส่วนกรณีตัวอย่างอื่นๆยังคิดไม่ออกค่ะ
สำหรับในระดับองค์กรนั้น ตอนนี้ใน 5
องค์กรที่เป็นเป้าหมายหลักของโครงการนี้ ผู้วิจัยเห็นว่ามีอยู่
2 องค์กรที่ค่อนข้างจะเห็นผลที่เป็นรูปธรรมก็เลยจะขอยกตัวอย่างสัก 2
องค์กรนะคะว่าเขาทำกันอย่างไร? เกิดผลอย่างไร?
องค์กรแรก คือ องค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านดอนไชย
ตำบลล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
ตอนนี้มีหน่วยงานที่เข้ามาสนับสนุนการทำงานอย่างชัดเจนอยู่ 2
หน่วยงาน คือ เทศบาลตำบลล้อมแรด และ
ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
(แต่ก็ยังคงมีลักษณะต่างคนต่างทำนั่นแหละค่ะ)
· เทศบาลตำบลล้อมแรด
จุดเริ่มต้นมาจากการที่องค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านดอนไชยเข้าไปพูดคุยกับทางเทศบาลว่าขณะนี้ทางกลุ่มทำอะไร
เพื่อเป็นการทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับทางเทศบาล
แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ
เทศบาลฯดูเหมือนว่าจะไม่ให้ความสนใจ
(ตามความรู้สึกของคณะกรรมการ)
ทำให้คณะกรรมการไม่คิดจะสนใจและง้อเทศบาลเหมือนกัน
องค์กรยังคงทำงานไปเรื่อยๆด้วยความแข็งขัน
สมาชิกก็เพิ่มมากขึ้นๆ
ในอีกด้านหนึ่งแม้ว่าองค์กรจะไม่สนใจเทศบาล
แต่องค์กรหันไปเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้นำชุมชนแทน
ซึ่งผู้นำชุมชนนี้เองเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับเทศบาล
กล่าวคือ
ผู้นำชุมชนได้ไปพูดคุยกับทางเทศบาลว่าต้องการของบประมาณมาพัฒนากลุ่มต่างๆที่อยู่ในชุมชน
โดยมีกลุ่มวันละบาทของบ้านดอนไชยรวมอยู่ด้วย
ซึ่งทางเทศบาลก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี
เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการของเทศบาลได้ติดต่อมาทางประธานฯ
คือ คุณกู้กิจ
ให้เขียนโครงการเข้ามาของบประมาณในการพัฒนาองค์กร
ผู้นำชุมชนก็มาแจ้งข่าวดีนี้เช่นกัน
โดยบอกให้องค์กรเขียนโครงการของบประมาณ 15,000 บาท
คุณกู้กิจจึงเขียนโครงการของบประมาณมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องอุปกรณ์สิ้นเปลืองของสำนักงาน
ขณะนี้ได้รับการอนุมัติโครงการและงบประมาณมาแล้ว
เรื่องต่อไปที่ทางองค์กรจะทำ คือ
การขอความอนุเคราะห์สถานที่ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลในการทำร้านค้าสวัสดิการชุมชน
คูณกู้กิจ และพี่นก ยุพิน บอกว่า
ตอนนี้ยังไม่ได้เขียนโครงการเข้าไป
แต่ได้คุยกันอย่างไม่เป็นทางการแล้ว
ได้รับคำแนะนำจากทางเทศบาลว่าขอให้ทางกลุ่มทำโครงการขึ้นมา
แต่ให้ระบุวัตถุประสงค์โครงการให้ครอบคลุมการทำประโยชน์ให้กับชุมชน
อย่าเขียนแบบว่าเมื่ออ่านแล้วเห็นว่าเป็นผลประโยชน์ขององค์กรเพียงกลุ่มเดียว
· ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเถิน
จังหวัดลำปาง ขณะนี้ได้รับอนุมัติโครงการและงบประมาณ (บางส่วน)
ให้มาดำเนินการในเรื่องส่งเสริมอาชีพทำดอกไม้ประดิษฐ์
โครงการนี้คณะกรรมการของกลุ่ม คือ พี่นิด
เป็นคนเขียนโครงการ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอาชีพให้กับสมาชิก
(บางส่วน) ของกลุ่มวันละบาทบ้านดอนไชย
เมื่อกลุ่มอื่นๆเห็นอย่างนี้ก็มาขอให้คณะกรรมการกลุ่มวันละบาทบ้านดอนไชยช่วยเขียนโครงการเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณไปยังหน่วยงานต่างๆให้
ซึ่งคณะกรรมการกำลังพิจารณาและให้ความช่วยเหลือกลุ่มอื่นๆอยู่ค่ะ
องค์กรที่สอง คือ องค์กรออมทรัพย์ชุมชนแม่ทะ-ป่าตัน
ตำบลแม่ทะ-ป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง
ขณะนี้เทศบาลตำบลแม่ทะ-ป่าตันให้ความสนใจและมีแนวโน้มว่าจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องงบประมาณในการจัดสร้างที่ทำการขององค์กร
จุดเริ่มต้นมาจากการที่เทศบาลเข้ามาพบว่ากลุ่มมีการดำเนินการเรื่องการออมเพื่อจัดสวัสดิการชุมชน
ตอนแรกก็มีความไม่เข้าใจกันบ้าง เพราะ
เทศบาลคิดว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มเถื่อน
แต่เมื่อทางเทศบาลได้เชิญคณะกรรมการกลุ่มนี้ไปพูดคุย
ประธานกลุ่ม คือ คุณอุทัย ใจเชื้อ
ก็อธิบายให้ทางเทศบาลเข้าใจ
เมื่อเทศบาลเข้าใจก็มีความสนใจที่จะสนับสนุน
โดยขอให้ทางกลุ่มปรับชื่อกลุ่มให้มีชื่อของเทศบาลพ่วงท้ายเข้าไปด้วย
(จะได้ถือว่าเป็นกลุ่มที่ทางเทศบาลให้การสนับสนุน)
ซึ่งกลุ่มก็ทำตามที่ได้รับการร้องขอ ไม่มีปัญหาอะไร
เวลาที่มีคนตาย
ทางกลุ่มก็จะเชิญเทศบาลให้ไปมอบเงินสวัสดิการให้
เมื่อถึงวันออม ทางกลุ่มก็จะประกาศเสียงตามสาย
เหล่านี้ล้วนส่งผลให้เทศบาลเกิดความเชื่อใจและมั่นใจในการทำงานของกลุ่ม
ต่อมาทางกลุ่มได้กู้เงินจากเครือข่ายฯไปซื้อที่ดินเปล่าเพื่อสร้างเป็นที่ทำการถาวร
ในส่วนของอาคารสำนักงานนั้น
ทางกลุ่มได้ให้คนรู้จักเขียนแบบให้
หลังจากนั้นก็นำไปเสนอกับทางเทศบาลเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้าง
ซึ่งทางเทศบาลบอกว่ายินดีให้การสนับสนุน
แต่ก็คงจะให้เป็นเงินไม่ได้ เพราะ ผิดระเบียบ
แต่สามารถให้เป็นวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างได้ (บางส่วน)
ถ้าหากว่ากลุ่มต้องการเงินก็พอจะมีหนทาง เช่น
ถ้าทางเทศบาลต้องการซื้อต้นไม้มาใช้ในการตกแต่งถนนหนทาง
สถานที่ต่างๆ
ก็ขอให้ทางกลุ่มเพาะกล้าไม้มาขายให้กับทางเทศบาล
ถ้าทำอย่างนี้ไม่ผิดระเบียบ
เทศบาลสามารถซื้อต้นไม้จากทางกลุ่มได้ เป็นต้น
ตอนนี้คิดออกแค่นี้ค่ะ ขอจบการตอบคำถามและความคิดเห็นในข้อ 2
แต่เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ
ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะเข้ามาเขียนใหม่ค่ะ