สอนให้เด็กอนุบาลอ่านออกเขียนได้ ผิดหลักการสอนระดับปฐมวัยหรือไม่?


        ตามหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดับปฐมวัย  ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด  จะมุ่งเน้นให้โรงเรียนจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกาย  สติปัญญา  อารมณ์และสังคม ให้แก่เด็กนักเรียนระดับอนุบาลเป็นสำคัญ  โดยไม่ต้องการให้เร่งเด็กในการอ่านออกเขียนได้ในระดับนี้
       
        
แต่โดยสภาพความเป็นจริงยังมีโรงเรียนหลายแห่งโดยเฉพาะโรงเรียนเอกชน  ไม่ค่อยเห็นด้วยและยังคงฝึกเด็กให้อ่านออกเขียนได้ในระดับอนุบาลอยู่ โดยก็ไม่ได้ละเลยในด้านการเตรียมความพร้อม ซึ่งก็ได้รับความพึงพอใจจากผู้ปกครองด้วย
              พอดีไปเยี่ยมโรงเรียนวัดควนนิมิตศิลา  เห็น คุณครูจีรา  รองเดช  ครูผู้สอนระดับปฐมวัย  กำลังสอนนักเรียนชั้นอนุบาล 2  ให้อ่านหนังสือ  แล้วผู้บริหารโรงเรียนและคุณครูบอกให้นักเรียนชั้นอนุบาล 2 อ่านหนังสือให้พวกเราฟัง  ผมก็สุ่มนักเรียนมา 3 คน  ให้อ่านหนังสือเรียนที่เป็นเรื่องเป็นราวในบางหน้า  ปรากฎว่าทุกคนอ่านได้ถูกต้อง และคล่องแคล่วด้วย  นักเรียนอีกหลายคนต่างก็อาสาอยากอ่านให้ฟังกันทั้งห้อง
            คุณครูจีรา  ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีด้านปฐมวัย โดยตรง  ได้ให้เหตุผลในการสอนให้นักเรียนอ่านหนังสือในชั้นอนุบาล 2 ให้ฟังว่า
      
เด็กในชนบท เขามีความพร้อมด้านร่างกาย มาจากทางบ้านแล้ว  และสมองของเขาตอนวัยนี้กำลังเจริญเติบโตอย่างเต็มที่...  ทำไมเมื่อเราสร้างความพร้อมให้นักเรียนทุกด้านแล้ว จะสอนให้อ่านหนังสือด้วยไม่ได้  และเด็กก็ไม่ได้เครียดด้วย
        ผมเองก็เห็นเด็กลูกศิษย์ครูจีรา หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขกันทุกคนนะ
           จึงชักไม่แน่ใจแล้วว่า อะไรคือความถูกต้องเหมาะสม ? เพราะถ้าถามนักวิชาการด้านปฐมวัย ก็จะคัดค้านกันเสียงแข็ง...  ผมเองก็ไม่ได้เรียนด้านนี้มาด้วย  ใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ช่วยอธิบายให้ข้อแนะนำหน่อย...  


หมายเลขบันทึก: 245441เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2009 09:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (40)

เห็นด้วยค่ะ....สมองเด็กกำลังต้องการเรียนรู้อย่างเต็มที่

เราควรให้สิ่งดีๆ กับเด็กๆ.ค่ะ

  • สวัสดีค่ะ
  • เอากำลังใจมาฝากค่ะ

กำลังใจ

นั่นสิ อาจารย์ธเนศ ผมก็เคยสงสัยว่าที่ให้นักเรียนอนุบาลเขียนหนังสือนั้นเร็วไปหรือไม่

ถ้าไม่แล้วเมื่อไหร่จะเหมาะ

ที่ไม่เหมาะนั้น เพราะอะไร

ทำไมเด็กบางคนทำได้ อีกคนทำไม่ได้ (ดังเช่นตัวอย่างในบันทึกของอาจารย์)

เด็กที่ทำได้ น่าจะลองกำกรณีศึกษาดูว่า ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จนั้น คืออะไร

...

นั่นสินะ ชนบทกับเมือง เด็กเผชิญอะไรมา จึงทำให้แตกต่างกัน

    มีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าศึกษา คือ การสอนภาษาอังกฤษ เราจะพบว่าหลายแห่งสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล แต่ที่โรงเรียนอัมพรไพศาล ท่านผู้หญิงยศวดี ท่านยืนยันว่าต้องเริ่มสอนตั้งแต่ชั้น ป.5 ซึ่งท่านก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เด็กของท่านเก่งภาษาอังกฤษเช่นกัน

เห็นด้วยกับคุณครูครับ อนุบาล 2 ควรจะสอนอ่านสอนเขียนเมื่อเด็กมีความพร้อมจริงๆ ไม่ใช่เป็นความต้องการของครูหรือผู้ปกครอง

ภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าจุดมุ่งหมายการสอนน่าจะเน้นเพื่อการสื่อสาร ผมยังชอบเทคนิดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบเมียเช่าฝรั่ง ซึ่งไม่เน้นรูปแบบ โครงสร้าง ไวยกรณ์มากมาย แต่ก็สื่อสารกันได้ดี เทคนิดการสอน แบบ One Day - One Word ก็น่าสนใจครับอาจารย์

วิธีการสอนเด็กอนุบาลอ่านหนังสือ ควรจะสอนอ่านอย่างไรบ้าง เพื่อให้เด็กจำและสามารถอ่านให้ผู้ปกครองฟังได้หลังจากที่ผู้ปกครองสอนไปแล้ว บ้างค่ะ

นางณัฐวดี อิทธิสาร

อยากคุยกับครูจีรา เรืองเดช ติดต่ออย่างไร มีเบอร์โทรมั้ย

ติดต่อผ่านทาง สพท.ตรัง เขต 1 ครับ

นางกิ่งกานต์ บุญภักดี

วิธีการสอนเด็กอนุบาลให้รู้จักสีเนื่องจากผู้ปกครองได้สอนแล้วแต่เด็กไม่พยายามที่จะจำอยากทราบวิธีและเทคนิกในการสอนของครูจีรา

คงต้องสอนให้เขียน ให้อ่านด้วย แต่ต้องหลังการเตรียมความพร้อมของครูเองก่อน...ครูจะต้องรู้ว่านักเรียนพร้อมหรือยัง

ไม่งั้นเรียน ป.1 ไม่ทันแน่

ลูกผมอายุ 6 ขวบอยู่อนุบาล 2 ผมให้เขียนตัวอะไรก็เขียนได้หมด แต่เขียนไม่ค่อยสวย อยู่ที่โรงเรียนจะไม่ยอมเขียนเลย แต่ถ้าอยู่ที่บ้าน พ่อสอนทำการบ้านเขียนได้ทั้งหมด จนครูประจำชั้นบอกว่าแบบนี้จะขึ้นชั้นต่อไปได้ไหมเนี่ย อาจจะต้องซ้ำชั้น ซึ่งผู้เป็นพ่อฟังแล้วเครียดมาก ถามครูไปว่าผมจะทำยังไงดีครูช่วยได้ไหม ครูบอกว่าเด็กไม่มีความรับผิดชอบ เพื่อนเขียนกันเสร็จหมดแล้วแต่ลูกผมยังไม่ทำเลยนั่งดูเฉยๆ ผมเคยไปดู ครูก็ไม่สนใจ เด็กไม่ทำครูก็ไม่ว่าไง ผมอยากย้าย โรงเรียนใหม่ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าที่ใหม่จะดีกว่านี้ไหม ผมเคยย้ายลูกผมมาครั้งนึงแล้ว ไม่อยากย้ายบ่อยๆกลัวลูกจะเข้ากับเพื่อนใหม่ยาก ผมดูว่าลูกผมไม่ค่อยทันเพื่อน รบกวนคุณครูจิรา รองเดช หรือ ใครก้ได้ที่มีประสบการณ์คล้ายๆผมช่วยผมและลูกด้วย กลุ้มใจมาก ตอนนี้เหลือเวลาอีก 1 เทอม จะปิดแล้ว

รบกวนเมลล์มาได้ไหมครับ [email protected]

ตอนนี้ลูกสาวอยู่ อ. 2 ค่ะน้องเรียนแนวเร่งเรียน ตอนนี้เริ่มอ่านได้อ่านนิทานเองแล้วค่ะ คุณแม่คิดว่าทุกอย่างอยู่ที่ความพร้อมของน้องก่อนเข้าเรียนและช่วงพัฒนาการของเด็ก ต่างกัน3 ดือนก็แตกต่างแล้วค่ะทางรร.จะวางพื้นฐานให้ในเรื่องพยัญชนะ และสระ และการฝึกของน้อง แต่ทั้งหลายทั้งปวงคุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกให้ลูกรักการอ่านก่อนแล้วทุกอย่างจะเห็นผลแต่ไม่ควรใจร้อนแล้วน้องจะเรียนด้วยความสนุก คุณแม่อ่านหนังสือให้น้องฟังต้งแต่น้อง 3 เดือนหาหนังสือรูปภาพที่เหมาะกับวัย น้องจะได้ฟังนิทานทุกวัน พอหลังๆคุณแม่ชักขี้เกลียด (เป็นสิ่งไม่ดีนะคะ) ของเล่นของลูกคอหนังสือคะ ของเล่นที่ซื้อตามห้างน้องก็ไม่ค่อยเล่นคะ ตอนแรกกลุ้มใจคะกลัวลูกเคลียด แต่พี่สาวบอกว่าก็เห็นลูกมีความสุขดี เค้าชอบระบายสี และวาดรูป คุณแม่ไม่เคยดุน้องเมื่อน้องทำสีเลอะ น้องชอบเอามือจุ่มสีนำ แล้วแปะลงก็ดาษ ชักโม้มากไปแต่อยากจะบอกว่าที่สุดควรสอนให้ลูกรักการอ่านเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่จะได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าดีใจและชื่นใจ ช่วงสอบที่ผ่านมาลูกหยิบหนังสือภาษาอังกฤษมาท่องศัพธ์เองเพราะว่าจะสอบคุณพ่อภูมิใจลูกมากและลูกก็ทำได้ดี เป็นแนวเล็กน้อยที่เห็นผลกับลูกก็เลยอยากแนะนำให้ลองดูค่ะ

ขอบคุรครับ

ตอนนี้อนุบาล1ที่โรงเรียนเริ่มเรียน วิชา Computer แล้ว อยากทราบว่ามีโรงเรียนไหนอีกที่อนุบาลเรื่มเรียนคอมฯ

ตอนนี้สอนเพียงการจับเม้าส์ กับโปรแกรม Paint และเกมส์ระบายสีต่าง ๆ มีอะไรที่พอจะแนะนำให้สอนเพิ่มเติมได้บ้างคะ

อนุบาล1เรียนวิชา Computerแล้วนะ

แม่ของน้องลูกแก้วและน้องพลอย

ลูกสาวจะสอบเข้าอนุบาลแต่ยังเขียนพยัญชนะภาษาไทยโดยที่ไม่มีเส้นประยังไม่ได้เลยค่ะ

เลขก็แยกไม่ออกว่าเลขไทยหรือเลขอารบิก แต่ลูกสาวจะเก่งทางด้านทักษะแยกแยะออกค่ะ

แต่คุณแม่กลุ้มใจว่าจะทำอย่างไรให้ลูกเขียนโดยไม่มีเส้นประได้และแยกแยะเลขออก

ลูกสาววัย 4ขวบ 7 เดือนแล้วค่ะ

แม่น้องลูกแก้วและน้องพลอย

ลูกสาวชอบกัดเล็บ(พฤติกรรมเปลี่ยนตั้งแต่คุณแม่เปิดร้านอาหารไม่มีเวลาอยู่กับลูก)

ช่วงนี้ว่างก็เลยอยากจะเปลี่ยนพฤติกรรมลูกให้ดีขึ้น ชีวิตนี้เพื่อลูกค่ะ

มีใครทราบไหมคะว่าถ้าเราต้องการอยากได้ลูกเพศชาย

โดยที่เอาแบบ 100% ค่าใช้จ่ายไม่แพงมีบ้างไหมคะ

ลูกชายหายากมากตอนนี้มีลูกสาวน่ารักๆ 2 คนแล้วค่ะ

ลูกชายอายุ 5 ขวบ อยู่อนุบาล 2 ค่ะ คือการเขียนสามารถเขียนได้ แต่ไม่สวย รู้จักพยัญชนะทุกตัว แต่ติดตรงที่เวลาอ่าน

การผสมสระ สะกดคำ ยังไม่สามารถอ่านได้ดี คือได้บ้างแต่ไม่ทุกคำ และจะกลัวคุณพ่อดุเมื่ออ่านผิดเพราะคุณพ่อดุบ่อยมาก

ทำให้เค๊าไม่มั่นใจว่าตัวเองอ่านถูกหรือเปล่าและมีอาการเกร็ง ส่วนวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ ดูเค๊าจะชอบ และสนุก

มากว่าวิชาภาษาไทย ถึงขนาดเลือกที่จะไม่ออกไปเล่นสนามเด็กเล่นที่เค๊าชอบมาก แลกกับไม่ขออ่านหนังสือก็ได้ อย่างนี้

แสดงว่าส่วนของการสอนอยู่ที่คุณพ่อ กับคุณแม่ ด้วยใช่ไห๊มค่ะ เพราะคุณพ่อจะให้อารมณ์ในการสอนมากกว่าสอนเค๊า หลาย

ครั้งที่ลูกร้องไห้เวลาอ่านหนังสือเหมือนกลัวผิด กลัวพ่อดุ สงสารลูกค่ะ แต่ทว่าว่าไปก็ทะเลาะกันทุกที

รบกวนปรึกษาอาจารย์ด้วยค่ะ ... ขอบพระคุณค่ะ

เด็กอนุบาล สอนให้อ่านออกเขียนได้ ผู้ปกครองต้องระวังมาก สังเกตุว่าลูกของท่าน

มีความสุขกับการเรียนหรือเปล่า เด็กจะมีอยู่ ๒ ประเภท เด็กที่ทำได้ กับเด็กที่ทำไม่ได้

ส่วนเด็กที่ทำไม่ได้ คือเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ต่อต้านการเขียนหนังสือ ความคิด

อยู่ในระดับหัวกระทิ จะชอบวิทยาศาสตร์ ให้ย้ายโรงเรียนทันที โรงเรียนเช่นนี้ไม่เหมาะกับ

เด็กเก่ง สรุปคือ ลูกของท่านเก่งมากๆต้องสอนให้ถูกทาง สวนเด็กที่ทำได้ก็เรียนไปจะเป็นเด็ก

ระดับปานกลางทั่วไปครับ

ลูกชายอายุ3ขวบครึ่งค่ะ อยู่อนุบาล2 แผนก EP น้องเขียนได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ตัวพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก อ่านหนังสือได้ท้ง2 ภาษาค่ะ เด็กวัยนี้เป็นวันเรียนรู้ เราสอนน้องโดยใช้วิธี เรียนและเล่นไปด้วยกัน น้องมีความสุขที่ได้อ่านหนังสือเป็นกองๆเลยค่ะ เรียนรู้ประโยค และศัพท์ใหม่ๆ พูดได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ บวกเลขได้หลักหน่วย คิดว่าไม่ได้ไป เร่งให้ลูกเรียนมากมายอะไร เพียงแต่เรามีเวลาอยู่กับลูก เรียนและเล่นไปด้วยกัน ลูกมีความสุข

ได้อ่านหลากหลายลูก คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายเคยคิดบ้างไหมว่า ลูกชอบอะไร ลูกชอบแบบไหน ตอนนี้ดิฉันมีลูก 3 ขวบครึ่ง เคยถามตัวเองว่าอยากให้ลูกเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง ถ้าลูกเก่งแต่ไม่ดี จะเอาไหมอยากให้กำลังใจว่า ถ้าลูกยังไม่ถึง 7 ขวบ ยังอ่านออกเขียนได้ คุณจะเร่งให้เขาจากคุณไปทำไม เลี้ยงเขาแทบตายสุดท้ายเขาก็ไปจากเรา เวลาที่ต้องการมีคือเวลาอยู่กับลูกไม่ใช่หรือ เห็นพัฒนาการของลูกแล้วเราภูมิใจนั่นต่างหากที่เราต้องการ แต่บางคนหวังมาก อยากแนะนำว่าอย่าเอาลูกเราไปเทียบกับคนอื่น ใจเย็นๆ เราทะนุถนอมเลี้ยงเขามาตั้งแต่อยู่ในท้อง อย่าเร่งรัดอะไรเขาดีกว่าทั้งคุณพ่อน้องเอ๊กซ์ ขอแค่ลูกเป็นคนดีของเราก็น่าจะพอใจแล้ว ส่วนอย่างอื่นก็ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะ ถ้าเขาโตอีกหน่อยระวังจะเบื่อการเรียนเสียก่อน แต่ถ้าเขาไปได้ก็ส่งเสริมและสนับสนุน แต่ถ้าไม่ได้ก็อย่ารีบร้อนเลยนะ

สวัสดีค่ะ ดิฉันมีน้องสาว(ลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ) ตอนนี้อยู่ อ.2 เขียน ก-ฮ ได้ตามเส้นปะ แต่ให้เขียนแบบไม่มีเส้นปะจะเขียนไม่ได้ แล้วก็เวลาเขียนก็จะนอกเรื่องไปนานมากกว่าจะกลับมาเขียนอีกตัวหนึ่ง แล้วเขียนหัวของพยัญชนะไม่ถูกด้วย พอให้เขียนให้ถูกก็จะพูดว่าเขียนแบบเขาแหละถูกแล้ว พอจะจับมือให้เขียนว่าเขียนแบบไหนถึงจะถูกก็จะไม่ให้จับมือเขียน คุณแม่น้องเขาเป็นห่วงมาก เพราะไม่มีเวลาอยู่กับเขาเลย หยุดวันอาทิตย์วันเดียว ส่วนปกติเขาจะอยู่ย่าซึ่งไม่ได้สอนให้เขียนหรืออ่านเลย เลยอยากจะทราบว่าถ้ามีเวลาวันอาทิตย์วันเดียวในการสอนน้องเขียนหนังสือ (เพราะดิฉันก็ทำงานจันทร์-เสาร์ค่ะ) น้องเขาจะเขียนได้มั้ยค่ะ แล้วจะมีวิธียังไงให้ฝึกน้องเขาให้รักการเขียนและอ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ

ลูกชายอายุ 3 ขวบเรียน อ.1 มาได้ 2 เดือนแล้วค่ะ สามารถเขียนได้โดยไม่ต้องมีรอยประ แต่ถ้าให้มีรอยประไม่สามารถเขียนได้ค่ะ่ ครูบอกว่าเด็ก คงจะต้องเรียนซ้ำชั้นเพราะว่าเขียนตามรอยประไม่ได้ กลุ้มมาก ครูชอบมาฟ้องว่าไม่ยอมทำงานตามที่คุณครูสั่ง ไม่ชอบเขียน ไม่ชอบระบายสี อยากทำจะทำเองห้ามบังคับ ไม่อยากให้ลูกเรียนซ้ำชั้น กลัวลูกเสียใจ กลุ้มใจมากค่ะ

ดีครับทุกท่าน ผมคนหนึ่งที่ได้ศึกษาสาขาการศึกษาปฐมวัยตั้งแต่ ป.ตรี ถึง เอก อยากจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสอนอ่านเขียนให้กับเด็กปฐมวัยว่า

"หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย จัดการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเด็กปฐมวัยทั้ง ด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา แต่การเรียนรู้ของเด็กด้านภาษาในรูปฟัง พูด อ่าน เขียน นั้น เราจัดอยู่แล้วในรูปของการบูรณาการ ในลักษณะการสอนแบบภาษาโดยองค์รวม (Whole Lauguage approach) หรือ การสอนภาษาแบบสมดุล (balance literacy approach) โดยให้เด็กฟังเรื่องราวจากนิทานที่ครูเล่า พูดเล่าเรื่อง อ่านนิทานที่ครูเล่า(อ่านเรื่องจากภาพ) และเด็กได้คิดผ่านประสบการณ์ที่เด็กได้รับรู้มาสู่ประสบการณ์ใหม่ (ทบ.เพียเจท์)ผ่านการเขียนเรื่องจากนิทานลงในหนังสือเล่มใหญ่ ซึ่งเด็กได้เรียนรู้ด้วยความสุข เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่น ส่งผลต่อให้เด็กมีความพร้อมตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย แต่การสอนอ่านเขียนในวันอนุบาลในขณะที่เด็กยังไม่มีความพร้อมก็เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่เร่งเครื่องอีกไม่ช้าไม่นานเครื่องยนต์ก็จะพัง หมายความว่าพอเด็กเรียนไปสักระยะหนึ่งเด็กจะเกิดอาการล้า เบี่อหน่าย ไม่อยากเรียน และมีเด็กบางคนไม่ยอมมาโรงเรียน เบื่อการไปโรงเรียน ซึ่งเป็นผลเสียในระยะยาวต่อไป..."

ขอบคุณครับ

ดร.ศิริมงคล

เห็นด้วยกับ ดร.ศิริมงคล ค่ะ เพราะเคยเห็นเด็กคนหนึ่งที่เล็กๆเรียนเก่งมาก แต่พอโต เริ่มแวกกฎ โรงเรียน ไม่ไปโรงเรียนซะงั้น เรียนไปไม่รอดเลย แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม การเอาใจใสของแม่ด้วยนะคะ ต้องสม่ำเสมอดีไหม หมายถึงเวลาที่ให้กับลูกค่ะ

ขอบคุณ ดร.ศิริมงคล อย่างมากที่ให้ความรู้ในเชิงวิชาการด้านปฐมวัย ก็คงเป็นข้อคิดให้หลายๆคน ซึ่งประเด็นที่ควรนำมาพิจารณาคือเรื่อง "ความพร้อม" ซึ่งจะมีผลต่อด้านจิตใจ

ถ้าไม่ให้เด็กอ่านหนังสือออกตั้งแต่ประถม พอขึ้ นมัธยมก็อ่านไม่ออก ปัจจุบันมีเด็กอ่านไม่ออกเยอะจากประถมแล้วให้จบประถมมา โดยที่อ่านไม่ออก

ถ้าไม่ให้เด็กอ่านหนังสือออกตั้งแต่ประถม พอขึ้ นมัธยมก็อ่านไม่ออก ปัจจุบันมีเด็กอ่านไม่ออกเยอะจากประถมแล้วให้จบประถมมา โดยที่อ่านไม่ออก

นางอภัสรา บุญมาเลิศ

ตอนนี้ก็ไม่รู้จะเชื่อใครดี เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลกันทั้งนั้น  ปัจจุบันครูสอนปฐมวัยก็สอนกันคนละแบบ เตรียมความพร้อมบ้าง  เน้นอ่านเขียนบ้าง ทำไมไม่ทำให้เหมือนกันจะได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน  อีกอย่าง หนังสือเรียนระดับปฐมวัยที่ผลิตออกมาก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแนวเตรัยมความพร้อม และเร่งเรียน บางเล่มเหมือนเรียน ป. ๑ เลย ถ้าทุกที่เข้าใจตรงกันหมดก็คงจะดี จะได้ยึดหลักนั้นๆ ตามกันไป จะทำอย่างไร จะสอนแบบไหน ถึงจะถูกต้องและเหมาะสมช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ

เรียน ท่าน ธเนศ ขำเกิดที่นับถือ
         ขณะนี้นักเรียนระดับอนุบาลของโรงเรียนวัดควนนิมิศิลาเพิ่มจำนวน เป็น 84 คนแล้ว ส่งผลดีต่อนักเรียนทั้งโรงเรียนเพิ่มขึ้น เป็น 164 คน หลุดพ้นจากโรงเรียนขนาดเล็กแล้ว นักเรียน ป.1 2 3 เรียนดีขึ้นมาก อ่านหนังสือได้ทุกคน ซึ่งเปรียบเทียบกับเด็กที่ย้ายมาใหม่จะปัญหาการอ่าน การเรียนและบุคลิกภาพที่แตกต่างอย่างมาก หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดให้ ป. 1 กำหนดให้ ป.1 เรียน 8 กลุ่มสาระ หนังสือมากมาย ถ้าเด็กอ่านไม่ออกจะเรียนได้อย่าไร ท่านลองไปดูหนังสือ ป.1 ดูสิครับ  ส่วนครูจีรา สอบบรรจุได้ไปอยู่ สพป.กระบี่แล้วครับ

                                                    เอกลักษณ์  สุวรรณ์

เห็นด้วย...ช่วงชั้น 1 ควรเน้นฝึกทักษะอ่านออกเขียนได้และคิดเลขเป็น แล้วช่วงชั้น 2 เป็นต้นไปค่อยเพิ่มสาระการเรียนรู้ขึ้นไปตามลำดับ เพราะตอนนี้เราเริ่มฝึกให้เขาเรียนอย่างเป็ด ใน ป.1-3 ทำให้ฐานไม่แน่น เบลอๆกันหมด

การสอนให้เด็กอ่านออกเขียนได้..เป็นเรื่องที่น่ายินดี..และย่อมเป็นผลดีกับตัวเด็กเอง.แต่ครูลืมไปหรือเปล่าว่าเด็กวัยนี้เป็นวัยที่เรียนรู้ผ่านการเล่น..จริงอยู่ที่ตอนนี้เขาอ่านออก..แต่ในระดับชั้นที่สูงขึ้นไป.(ป.1 2 3)..เขาจะอยากเรียนในสิ่งที่เขารู้แล้วหรือ..ก็เหมือนกับเราสิ่งที่เรารู้แล้วให้เรามานั่งฟังหรือทำอะไรซ้ำๆซากๆเราก็เบื่อ..และไม่อยากที่จะทำ..ฉะนั้นควรให้เขาได้เล่นตามวัยของเขา..และให้เขาเรียนตามความพร้อมของเขา ให้เขาได้ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเรียนใหม่ๆ...ที่พูดมาทั้งหมด..ก็เพราะว่าไม่อยากเห็นเด็กเบื่อการเรียน

ดิฉันเห็นด้วยกับความคิดของครูปฐมวัย#2461489 มาก  และอยากให้หลายคน  หยุดคิดสักนิดค่ะ

เห็นด้วยกับครูปฐมวัยค่ะ เปรียบเด็กเหมือนปิรามิดหงาย ที่สมองเปิดกว้างรับความรู้ได้ที่ละเล็กทีละน้อย แล้วต้องการเรียนรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ควรเร่งเรียนอ่อนเขียนมากเกินไป เพราะ ป1 ป2 เด็กก็ต้องเรียนการอ่านอยู่ดีค่ะ

ไม่มีความคิดใดที่ถูกต้องที่สุดหรอกค่ะ อยู่ที่ความพอใจหรือความต้องการของแต่ละคนมากกว่า เพราะศักยภาพของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน ทางสายกลางอยู่ตรงไหนต้องช่วยกันทั้งคุณครูและผู้ปกครอง

มนพิสุทธิ์ พิทักษ์สันติภาพ

ผมเคยคุยกับฝรั่งชาว อเมริกัน ครับ เขาบอกว่าระดับอนุบาลจะไม่มีการสอนภาษาอะไรทั้งนั้น แต่จะสอนให้คิด วิเคราะห์ แล้วก็วิ่งเล่นออกกำลังกาย ตอนนี้เขาอายุเกือบ 60ปีแล้วครับ และตอนนี้การเรียนการสอนก็ไม่ต่างกันกับยุคก่อนเลย ไม่มีการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนเลย เด็กจะต้องมีพัฒนาการแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องเร่งรัด ..

 เด็กอนุบาลเป็นช่วงเตรียมความพร้อม อย่ายัดเยียดวิชาการใส่สมองมากเกินไป ทำอย่างไรให้เขาเห็นว่าโรงเรียนเป็นสถานที่มีความสุข สนุกสนานอยากมาโรงเรียนทุกวัน รักคุณครูใจดีไม่ดุด่าเท่านี้ก็มากมาย คิดคล่องอ่านคล่องตอนอนุบาลก็ดีนะ แต่ที่เห็นเมื่ออยู่มัธยม เกเรไม่ใส่ใจเรียนก็มากถ้าใจไม่อยู่ก็ไปไม่กลับเลย ยิ่งพ่อแม่ตัังความหวังไว้สูง ครูก็บังคับดุด่า เด็กจะไม่มีความสุขกับการเรียนอีกต่อไป เริ่มหนีเรียนทำให้เกิดปัญหาสังคมอยู่เยอะครับ ครูและผู้ปกครองที่เก่งผมคิดว่าควรเป็นผู้จุดประกายความฝันของเด็กมากกว่าาจะยัดเยียดให้เรียนโน่นเรียนนี่ที่เด็กไม่ชอบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท