เครือข่ายความรู้เพื่อการฟื้นฟูชุมชน (เล่าสู่กันฟัง)


เรื่องเล่าที่เกิดจากการมีโอกาสไปพบกับแกนนำชุมชนของภาคตะวันออกเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2549
เป็นที่น่าเสียดายว่าผมไม่สามารถอยู่ร่วมเวที "คุณอำนวย" ที่บ้านผู้หว่าน ในวันที่ 18 ได้  เพราะว่าติดภาระกิจที่ต้องไปร่วมประชุมกับเวทีแกนนำชุมชนภาคตะวันออกที่อำเภอแกลงครับ  ผมคงจะได้ติดตามเรื่องเล่าจากเวทีนี้ในโอกาสต่อไป  เบื้องแรกขอขอบคุณ อาจารย์หมอ jj ครับที่นำภาพที่สวยงามมาลงให้สมาชิกได้ชื่นชม  นอกจากท่านเป็นท่านหนึ่งที่ก้าวทะลุกรอบ KM (ถ้าเป็นสำนวนโกวเล้งก็อาจจะกล่าวว่า  "เป็นจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธแก่กล้า  ผู้สามารถใช้ทุกอย่างรอบกายเป็นกระบี่ได้") ท่านเยี่ยมยุทธจริง ๆ ครับ  นอกจากนี้ "คนชายขอบ" ก็เป็น "จอมยุทธ" อีกท่านหนึ่งครับ กระบวนยุทธแบบ "ชูแขนแบบไร้แขน" (การประชุมแบบไร้รูปแบบ) ของท่าน ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยนำไปใช้ครับ  ได้ผลดีในกรณีท่านเวทีนั้นไม่ถูกครอบงำด้วย "มายาคติแห่งอำนาจ" ครับ  สำหรับองค์กรแล้ว  อาจจะปลอดจากมายาคติเหล่านั้นค่อนข้างยาก  แต่ในเวทีชุมชนที่ผมมีโอกาสเข้าไปเรียนรู้มักจะพบได้บ่อย ๆ ครับ  ส่วนท่านอื่น ๆ ที่ไม่ได้พูดถึงไม่ใช่ไม่ใช่สุดยอดของจอมยุทธครับ  แต่ผมขออภัยที่จำชื่อท่านเหล่านั้นได้ไม่หมด  รวมทั้งผมนึกไม่ออกว่า "กระบวนท่า" ที่เด่นชัดของท่าน  หากมีโอกาสพบกันอีก  ผมเชื่อว่าผมน่าจะมองเห็นครับ  "โปรดอภัยผู้น้อย  ที่มีตาหามีแววไม่" ต่อไปผมจะได้เล่าเรื่องราวที่ผมมีโอกาสไปร่วมเวทีแกนนำชุมชนภาคตะวันออกสู่ท่านทั้งหลายได้รับทราบครับ  ผมไม่รับรองว่าเป็นการทำ KM หรือเปล่าครับ  เมื่อท่านทั้งหลายได้อ่านแล้ว  ท่านคงจะบอกผมได้ครับ

หลังจากที่แยกจากกันที่บ้าน "ผู้หว่าน" เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็น  ผมกลับมาถึงบ้านพักที่ดอนเมืองประมาณ 3 ทุ่ม  อาบน้ำ กินนม (ผมต้องดื่มนมเปรี้ยวก่อนนอนเพื่อให้ช่วยย่อยครับ เพราะระบบย่อยอาหารผมเสื่อมถอยเนื่องจากการตรากตรำงานกับองค์กรขนาดใหญ่เป็นเวลานาน กว่าจะพบว่าดื่มนมเปรี้ยวช่วยย่อยได้  ก็ใช้เวลาทดลองหลายอย่างครับ)

เกือบออกนอกทางไปนะครับ  ผมเข้านอนประมาณเที่ยงคืน  ตื่นนอนตอนตีสี่ครึ่ง  หลังทำธุระส่วนตัวในตอนเช้าเสร็จ  ผมใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีจึงมาถึงหมอชิตประมาณ 6 โมงเช้า  รถผมออกจากสถานีประมาณ 6 โมงครึ่ง  รถค่อนข้างวิ่งช้าเพราะเป็นรถ ป.2 และต้องจอดพัก 1 ครั้ง จึงทำให้มาถึงแกลงช้ากว่ารถ ป.1 ประมาณ 1 ชั่วโมง  ก่อน 10 โมงเช้าเล็กน้อยผมก็เดินทางมาถึงสำนักงานสถาบันส่งเสริมองค์กรชุมชนที่สามย่านแกลง ด้วยสวัสดิภาพครับ (เหมือนโล่งอกนะ)

การประชุมเริ่มประมาณ 10 โมงเศษ ผมไม่ได้เป็นจุดเด่นของที่ประชุมหรอกครับ  เพราะแกนนำชุมชนที่มาจากจังหวัดอื่นผมไม่รู้จักเลย  ผมก็ได้แต่รับฟังไปเรื่อย  แต่โอกาสก็เปิดเมื่อแกนนำท่านหนึ่งพูดว่า "ชุมชนค่อนข้างมีปัญญหาในการนำกิจกรรมของชุมชนออกไปสื่อสารกับสังคม" เข้าทางผมเลยครับ  เมื่อมีโอกาสให้พูด  ผมก็เสนอแนะว่า  ตอนนี้ สคส. มีพื้นที่ที่ให้ชุมชนนำกิจกรรมของชุมชนไปเล่าแลกเปลี่ยนกันได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย  และวิธีการทำก็ง่ายมาก

ในช่วงพัก  ผมหลบไปพิมพ์เป็นใบปลิว 20 ใบ  เพื่อแจกให้กับแกนนำชุมชนท่านอื่น ๆ โดยผมเชื่อว่าอาจจะมีสักประมาณกว่า 10 ชุมชนที่จะมี blog ของตัวเองในการเล่าเรื่องที่ชุมชนทำกัน  เพราะผมสังเกตเห็นว่า  แต่ละชุมชนมีเรื่องเล่า (ความรู้) ที่จะเป็นประโยชน์แก่ชุมชนภายนอกมาก

หลังจากนั้นผมก็หลบไปสาธิตวิธีสมัครเข้าเป็นสมาชิกและทำ blog ให้กับผมสนใจสองคนครับ  ท่านลองเข้าไปดูได้นะครับที่ http://gotoknow.org/asom และ http://gotoknow.org/eastcodi 

นอกจากนี้ผมยังได้นำโมเดลที่ผมเสนอไว้ http://gotoknow.org/archive/2006/04/16/18/09/12/e24101 ก็มีหลายชุมชนที่สนใจโดยเฉพาะ "มหาวิทยาลัยชีวิต" และ "ศูนย์ข้อมูล"

เรื่องเล่าของผมเอาไว้เท่านี้ก่อนครับ  คราวนี้ผมคงจะพอมีเรื่องจะไปแลกเปลี่ยนในเวทีวันที่ 2 พ.ค. ที่ สคส. กับเขาบ้างครับ

แล้วเจอกันวันที่ 2 พ.ค. ครับ
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 24422เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2006 23:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
     ตามมาติดตามครับและจะติดต่อเพื่อต่อเติมตอนต่อไปครับ "ธรรมชาติ" "อิสระ" "ไร้รูปแบบ" และ "สมดุล" ครับ
ครูแดง กศน.ปากพนัง

อ.สวัสดิ์คะอาจารย์ก็มีแนวคิดดีๆเกี่ยวกับการจัดความรู้  KM อยากให้อาจารย์มีโอกาสได้จัดเวทีกับชาวบ้านมากและนำความรู้เหล่านั้นมาถ่ายทอดให้ฟังบ้างจังเพื่อบางทีที่ปากพนังอาจจะไม่เหมือนกันแล้วหนูคนหนึ่งจะติดตามการจัดเวทีของท่านนะค๊ะ

คุณครูแดงครับ  เรื่องการจัดการความรู้มันเป็นธรรมชาติของชุมชนอยู่แล้วครับ  เราไม่ต้องการอะไรเลย  ชาวบ้านเขามีวิธีจัดการความรู้อยู่แล้ว  และเป็นความรู้ที่ใช้ได้ในชีวิตจริงด้วย  พวกเราเพียงแต่เป็นคนดู  โดยไม่ต้องคิดจะเข้าไปควบคุมครับ  แล้วความรู้เหล่านั้นจะงอกงามขึ้นไปเองตามธรรมชาติ  ความรู้ตามธรรมชาติเป็นความรู้ที่สวยงามที่สุดครับ
เราทำได้เพียงแต่พยายามสร้างบรรยาการที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้มีโอกาสหรือมีพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  อาจจะเป็นเวทีไหนก็ได้  เว็ปนี้เป็นเพียงวิธีหนึ่งเท่านั้นครับ  ผมเชื่อมั่นว่า  คุณครูแดง  และชาวชุมชนก็สามารถทำได้ครับ  เพราะการปฏิบัติจริงนี้แหละคือการจัดการความรู้ที่แท้จริงครับ  ที่เขาเขียนไว้ในตำรา  มันก็เป็นเรื่องของเขา  สำหรับอาจจะใช้ได้หรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้  จนกว่าเราจะนำมาปฏิบัติจริงในชุมชนของเรา  ถ้าผลการปฏิบัตินั้น  ตอนคำถามได้  ความรู้นั้นจึงจะเป็นความรู้ที่เหมาะสำหรับชุมชนเราครับคุณครู
ผมดีใจที่ได้มีโอกาสมาเรียนรู้ที่ปากพนังครับ
ด้วยความเคารพ
สวัสดิ์  พุ้มพวง
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท