“การพัฒนาที่ยั่งยืน” หนทางสู่การอยู่ดีมีสุขในกระแสสังคมปัจจุบัน
ชุมชนถือเป็นสังคมฐานรากที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่แตกต่างและหลากหลายตามภูมินิเวศน์ การพัฒนาประเทศในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน สาเหตุสำคัญเพราะคนไทยไม่สามารถพึ่งตนเองในทางเศรษฐกิจได้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับสังคมมีลักษณะเป็นสังคมสองระบบ ที่มีทั้งระบบทุนและระบบชุมชน ทำให้เกิดการบริโภคอย่างฟุ่มเฟือย มีการใช้จ่ายเกินตัว ชุมชนพึ่งตนเองได้น้อยลง ส่งผลให้ชุมชนมีความอ่อนแอ ประสบปัญหาด้านหนี้สิน สูญเสียวัฒนธรรมในการพึ่งพาอาศัยกันและกัน มีการแก่งแย่งแข่งขัน ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นในสังคม นอกจากนี้การพัฒนาในอดีตที่ผ่านมาจะพิจารณาที่ประสิทธิภาพ และความเป็นธรรมที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาภายใต้กำหนดเวลาสั้นๆ เท่านั้น และยังให้ความสำคัญเฉพาะคนในรุ่นปัจจุบัน แต่จากกระแสเรียกร้องในสังคมที่ต้องการให้การพัฒนานั้นคำนึงถึงการอยู่รอดและการกินดีอยู่ดีของคนในอนาคตร่วมกัน จึงเป็นเหตุให้มีความยั่งยืนเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการพัฒนาและกระบวนการตัดสินใจ ด้วยเหตุนี้จึงนำมาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนสามารถกำหนดชีวิตและดำเนินชีวิตตามความต้องการของตนเองได้มากขึ้น จึงจะนำมาสู่ชุมชนที่มีความเข้มแข็งและสามารถจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน
การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงเป็นแนวความคิดการพัฒนาที่เกิดขึ้นภายหลังจากความล้มเหลวในการพัฒนาประเทศที่ไม่สามารถทำให้คนในประเทศอยู่ดีมีสุขได้ จึงต้องแสวงหาทางออกที่นำไปสู่เป้าหมายในการพัฒนาประเทศร่วมกันของคนในชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ คุณธรรมและความสุข ก่อเกิดให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน อันจะนำมาสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งผลให้คนมีความสุขอย่างแท้จริง
การพัฒนาที่ยั่งยืนนั่นคืออะไร
หากจะถามถึงความหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น ก็มีผู้ให้นิยามความหมายไว้มากมาย ซึ่งไม่แตกต่างกันมากนัก
สันติ บางอ้อ (2546) ได้ให้นิยามความหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน ไว้ว่า “การพัฒนาที่สนองตอบต่อความต้องการของคนในรุ่นปัจจุบัน โดยไม่ทำให้คนรุ่นต่อไปในอนาคต ต้องประนีประนอม ยอมลดทอนความสามารถในการที่จะตอบสนองความต้องการของตนเอง”
นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ (2549) ได้ให้นิยามความหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนไว้ว่า “การพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการ พื้นฐานของคน ทั้งยุคปัจจุบัน และยุคต่อ ๆ ไป และสร้างความสมดุลระหว่าง การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม มนุษย์ และสิ่งแวดล้อม”
สบพันธ์ ชิตานนท์ (2549) ได้ให้นิยามความหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนไว้ว่า “การพัฒนาที่บูรณาให้เกิดองค์รวม คือ องค์ประกอบทั้งหลายที่เกี่ยวข้องจะมาประสานกันครบองค์ และมีลักษณะอีกย่างหนึ่งคือ มีดุลยภาพ กล่าวคือธรรมชาติแวดล้อมกับเศรษฐกิจจะต้องบูรณาการเข้าด้วยกัน จะทำให้เกิดสภาพที่เรียกว่าเป็นภาวะยั่งยืนทั้งในทางเศรษฐกิจและในทางสภาพแวดล้อม การคุ้มครองสภาพแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยใช้มนุษย์เป็นแกนกลางการพัฒนาเพื่อสร้างให้เกิดความสมดุล ระหว่างคนธรรมชาติ และสรรพสิ่ง เพื่อให้อยู่ร่วมกันด้วยความเกื้อกูลกัน ไม่ทำลายล้างกันทุกสิ่งในโลกก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”
จากนิยามความหมายดังกล่าวข้างต้น สามารถที่จะสรุปถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยได้ก็คือการพัฒนาที่ยั่งยืน จะต้องเป็นการพัฒนาที่ก่อให้เกิดความสมดุลหรือมีปฏิสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันในระหว่างมิติต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม จิตใจ รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นองค์ประกอบที่จะรวมกันหรือองค์รวมในการทำให้ชีวิตมนุษย์สามารถอยู่ดีมีสุขได้ ทั้งสำหรับคนในรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นอนาคต
จุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่ยั่งยืน
การพัฒนาที่ผ่านมาของประเทศไทย ตั้งแต่เริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับแรก พ.ศ. 2504 จนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7 เป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านความเจริญเติบโตการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ จนละเลยการพัฒนาทางด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านอื่นๆ ก่อให้เกิดปัญหาการพัฒนาที่ไม่ได้สัดส่วน เมืองบางเมืองเจริญเร็วกว่าชนบทมาก เกิดช่องว่าระหว่างเมืองกับชนบทมากขึ้น จนเกิดการอพยพย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมือง ก่อเกิดปัญหาปัญหาของเมืองในรูปแบบต่างๆ เศรษฐกิจในภาพรวมที่ขยายตัว กลับมีความเหลื่อมล้ำทางรายได้อย่างเห็นได้ชัด รวยกระจุกจนกระจาย ก่อเกิดเป็นปัญหาสังคมที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น วัฒนธรรมอันดีงามเริ่มถูกละเลย ทรัพยากรธรรมชาติค่อยๆ ร่อยหรอลงจนยากที่จะฟื้นฟู และบางประเภทก็ไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมามีเหมือนเดิมได้ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมที่มีและเหมาะสม ก็ถูกทำลายจนเสื่อมโทรมลง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การมองย้อนกลับมาดูต้นตอของสาเหตุที่ทำให้ประเทศชาติของเราไม่ประสบผลสำเร็จในการพัฒนานั้น ถือเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้เราสามารถรู้จักตนเองได้ อันจะเป็นการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ไม่ก่อเกิดความผิดพลาดขึ้นเฉกเช่นในอดีต ดังนั้นสาเหตุของปัญหาที่ทำให้ประเทศชาติของเราไม่สามารถที่จะไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ มีดังต่อไปนี้
1. ความต้องการการบริโภคสินค้า และบริการที่ไม่สมเหตุสมผล ฟุ่มเฟือย เป็นเหตุให้เกิดการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ในการผลิตและบริการที่เกินพอดี เกินความต้องการของการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง มีของเหลือทั้งเป็นมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมมาก และทำให้คุณภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทร ขาดสมดุล แม้จะส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ตาม
2. การที่ชุมชนไม่เข้มแข็ง รับวัฒนธรรมและแนวความคิดผิดๆ มาจากต่างประเทศ เกี่ยวกับความฟุ่มเฟือย วัตถุนิยม และบริโภคนิยม ทั้งยังขาดการอบรม ละทิ้งขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม ทำให้สังคมเปลี่ยนเป็นสังคมบริโภค กอบโกย สะสม เกิดการลงทุนทางธุรกิจที่สูญเปล่า ทำให้เกิดผลเสียทางเศรษฐกิจเกิดความขัดแย้งทางสังคม และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกทำลายอย่างรุ่นแรง
3. การเคลื่อนย้ายทุนจากต่างประเทศ ส่งผลทั้งทางบวกและทางลบต่อระบบเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแข่งขันและเครือข่ายทางธุรกิจของประเทศ วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจปลายปี 2540 เป็นบทเรียนที่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจที่พึ่งพิงอยู่กับทุนต่างประเทศโดยขาดรากฐานที่มั่นคงภายใน ทำให้เกิดการล่มสลายของระบบอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นอกจากนั้นการเปิดรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานมาก เช่น อุตสาหกรรมเหล็กและกระดาษ โดยไม่มีกลไกหรือมาตรการที่เข้มแข็งในการตรวจสอบผลกระทบของอุตสาหกรรมเหล่านี้ ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมาอย่างรวดเร็ว
4. นโยบายการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐในอดีต ทำให้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยขาดการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการใช้ทรัพยากรเป็นฐานการผลิตอย่างฟุ่มเฟือย เกินอัตราการฟื้นตัวของระบบธรรมชาติ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของระบบนิเวศ (สบพันธ์ ชิตานนท์,2549)
จะเห็นได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เพราะนำเอาวัฒนธรรมตะวันตก และระบบทุนนิยมเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้เกิดสภาพที่เสื่อมโทรมแทบทุกด้านไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม คุณภาพชีวิต ศีลธรรม คุณธรรม ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
จุดหมายปลายทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน
จากประสบการณ์การผิดพลาดในการดำเนินงานพัฒนาประเทศ ส่งผลให้ทุกฝ่ายต่างเกิดความตระหนักและร่วมกันหาทางออก จนเกิดแนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการพัฒนาใหม่ โดยเปลี่ยนวิธีการพัฒนา โดยหันมาใช้ “คน” เป็นศูนย์กลางของการพัฒนา โดยจะเห็นได้จากแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ฉบับที่ 9 และฉบับปัจจุบัน ที่ให้สำคัญต่อการพัฒนาคนและกระบวนการพัฒนาที่บูรณาการการเชื่อมโยงกันทุกด้านในลักษณะองค์รวม อย่างมีดุลยภาพ โดยมีเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน และสิ่งแวดล้อม เพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยอย่างยั่งยืนตลอดไป ดังนั้นเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาในแต่ละด้านจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. มิติทางเศรษฐกิจ การทำให้เกิดดุลยภายของการพัฒนา คือ เศรษฐกิจที่มีรากฐานมั่นคง มีขีดความสามารถในการแข่งขันและสามารถพึ่งตนเองได้ โดยมีเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวคิดหลัก ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัย และสามารถพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
2. มิติทางสังคม จะต้องรวมหมายถึง วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งเป็นระเบียบวิถีชีวิตของสังคม ที่ทำให้มนุษย์ปรับตัวและดำรงชีวิตอยู่กับสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่นได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และให้รวมถึงศาสนธรรม ซึ่งเป็นระเบียบจิตใจของคนในสังคมที่ทำให้สังคมอยู่ได้โดยสงบสุข สิ่งเหล่านี้ล้วนถือเป็นการสร้างเงื่อนไขสังคมใหม่ ให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาที่พึงปรารถนา ก่อให้เกิดความเอื้ออาทร ความรัก ความสามัคคี สมานฉันท์ต่อกัน ชุมชนสังคมมีความเข้มแข็ง
3. มิติทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวมนุษย์ ทั้งเป็นสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต เกี่ยวโยงสัมพันธ์กันเป็นระบบนิเวศน์ ที่สามารถให้คุณและให้โทษต่อมนุษย์ได้ ทั้งที่ขึ้นกับความสมดุลหรือไม่สมดุลของระบบนิเวศ โดยจะต้องมีการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนาเทคโนโลยีและการพลังงาน ที่สะอาด ปลอดภัย ปลอดมลภาวะ เพื่อการมีสภาพแวดล้อมที่ดี
4. มิติทางการเมืองการปกครอง ปฏิรูปการเมือง การปกครอง การบริหารให้มีการกระจายอำนาจ ภารกิจหน้าที่ให้แก่ท้องถิ่นโดยแท้จริง ให้สามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหา และพัฒนาท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น และพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง (นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ ,2549 )
กรณีศึกษา ชุมชนตำบลดอนประดู่
ชุมชน ตำบลดอนประดู่ อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง เป็นชุมชนที่มุ่งพัฒนาตนเองไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านการเมืองการปกครอง ชุมชนมีการพัฒนาตนเองโดย
1. ด้านเศรษฐกิจ ชุมชนมีการพัฒนาตนเองโดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ ที่มุ่งหวังให้ชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับชุมชนของตน มีการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยการจัดตั้งกลุ่มน้ำดื่มบ่อมุด กลุ่มผลิตอาหารสัตว์ กลุ่มผลิตปุ๋ยชีวภาพ กลุ่มเหล่านี้ทำการผลิตสินค้าให้แก่คนในชุมชนได้บริโภค ซึ่งเป็นการลดการพึ่งพาจากภายนอกผลิต ส่วนกลุ่มผลิตข้าวสังหยด เป็นกลุ่มพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการส่งสินค้าออกนอกชุมชน เป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนอีกทางหนึ่ง จากการตั้งกลุ่มต่างๆขึ้นมาจะเห็นได้ว่า ชุมชนมีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ที่มุ่งหวังการพึ่งตนเองอย่างแท้จริง สิ่งนี้ส่งผลให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
2. ด้านสังคม จากการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจที่มีการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมต่างๆ ส่งผลให้คนในชุมชน ตระหนักถึงปัญหาที่ต้องการการพัฒนาพร้อมทั้งหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในชุมชนร่วมกัน ทำให้คนเกิดความรัก ความสามัคคีกัน เอื้ออาทรต่อกัน สมานฉันท์ต่อกัน ทำให้ ชุมชน สังคม มีความเข้มแข็ง
3.ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาชุมชนให้ยั่งยืนนั้น ชุมชนตำบลดอนประดู่ ได้ดึงเอาทรัพยากรน้ำ ที่มีอยู่ในชุมชนมาใช้เป็นทุนในการพัฒนาชุมชนของตน ให้สามารถพึ่งตนเองได้ นอกจากนี้ ยังมีการดึงเอาแก๊สชีวภาพ จากเกษตรกรที่เลี้ยงหมู่ ซึ่งแต่ก่อนเป็นมลภาวะในชุมชนแต่ปัจจุบันได้ดึ่งส่วนนี้มาใช้ประโยชน์เป็นแก๊สหุงต้มในครัวเรือน เป็นต้น สิ่งนี้เป็นตัวชี้ให้เห็นชัดเจนว่า การพัฒนาชุมชน ของตำบลดอนประดู่ ได้คำนึงถึงความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
4.ด้านการเมืองการปกครอง ชุมชนตำบลดอนประดู่นั้นมีการปกครองที่กระจายอำนาจไปสู่หมู่บ้านต่างๆ ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจในการตัดสินใจ แก้ไขปัญหาต่างๆในหมู่บ้านของตนอย่างเต็มกำลัง นอกจากนี้ยังมีการประชุมร่วมกัน ระหว่างสภาองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้ใหญ่บ้านเพื่อทำการพัฒนาชุมชนร่วมกัน และมุ่งให้ชุมชนพึ่งตนเองได้อย่างแท้จริง
จากตัวอย่างดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ชุมชนมีการพัฒนาตนเองโดยคำนึงถึง การพัฒนาคน สังคม เศรษฐกิจ และรักษาดุลยภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน สิ่งนี้เองได้นำชุมชนไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
การเมือง/ปกครอง |
เศรษฐกิจ |
ภาพประกอบที่ 1 แสดงกรอบแนวคิดของการเชื่อมโยงปัจจัยต่างๆ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
(สบพันธ์
ชิตานนท์ ,2549)
ดังนั้นทุกฝ่ายควรตระหนักถึงความสำคัญในการมุ่งไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยแท้จริง ที่เกิดขึ้นจากความสมดุลและการเชื่อมโยงระหว่างมิติทางด้านเศรษฐกิจ โดยใช้เศรษฐกิจพอเพียงเป็นตัวนำ มิติทางด้านสังคม มิติทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมิติทางด้านการเมืองการปกครอง และที่สำคัญ คือ คนในชุมชน/สังคม จะต้องมีสติ ไม่มีความโลภ ไม่มีกิเลสตัณหา ใช้สติในการดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เข้ามาถาโถมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อมุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืนในการทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขตลอดไป
ทำไม สมัยนี้ถึงนิยมการพัมนาที่ยั่งยืนนัก
และถ้าจะทำการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับตัวบุคคลมีวิธีแนะนะอย่างไรบ้าง พัฒนาตนเองให้
อยู่อย่างยั่งยืน คล้าย ๆ ชุมชนหน่ะ
จะรอคำตอบน้า...
คิดอย่างไร กับ สังคมปัจจุบัน ... ถึงนำเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนมานำเสนอวันนี้
เราสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ช่วยแนะนำหนังสือหน่อยดิ อยากอ่าน
เราเรียนเอกจีน แต่สนใจเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนหน่ะ
ตอนนี้เรา เราไม่ได้เรียน เราโดนรีไทน์ออกจากมหาวิทยาลัย
แล้วเราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้ยั่งยืนหล่ะ ทั้ง ๆ ที่เรายังเรียนไม่จบ ป.ตรีเลย
ยังไม่มีงานที่แน่นอนและมั่นคงเลย แล้วจะใช้ชีวิตอย่างไรให้ยั่งยืน ช่วยแนะนำ
หน่อยดิ ในฐานะที่เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับสิ่งนี้ ได้โปรดช่วยหน่อย น้า
ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำที่ คุณขจิต ฝอยทอง แนะนำมา พวกเราจะนำคำแนะนำนี้ไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น
ถึง...bkk... ทำไมต้องการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะว่า การพัฒนาที่ผ่านมาเป็นการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน เพราะคนยังไม่มีความสุข ยังประสบปัญหาเศรษฐกิจ รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย จนก่อให้เกิดปัญหาสังคมขึ้นมากมาย สิ่งเหล่านี้คือเครื่องชี้วัดถึงการพัฒนาที่ไม่ประสบผลสำเร็จหรือที่เรียกว่าการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนนั่นเอง ดังนั้น การพัฒนาที่ยั่งยืน คือ แนวทางของการแก้ไขการพัฒนาที่ผิดพลาดในอดีตโดยให้ความสำคัญกับการหวนกลับคืนสู่รากเหง้สาของตนเอง ทั้งด้านสังคมที่จะให้ความสำคัญกับวัฒธรรมชุมชนเป็นหลักและทางด้านเศรษฐกิจที่ให้ควมสำคัญกับเศรษฐกิจพอเพีงที่ทำเพื่ออยู่ เพื่อกิน มิได้หวังผลกำไร และสิ่งที่เราแนะนำมานี้จะต้องเริ่มพัฒนาจากตัวบุคคลก่อนเป็นอันดับแรก และพัฒนาไปสู่ระดับชุมชนต่อไป
ถึง...เด็กเรียน... เพราะสังคมปัจจุบันเป็นสังคมหลังสมัยใหม่ ที่เป็นสังคมที่เริ่มหวนสู่รากเหง้าของตนเองที่สืบเนื่องมาจาก ความล้มเหลวของสังคมสมัยใหม่ที่มีความทันสมัยในทุก ๆ ด้าน แต่ในสังคมปัจจุบันยังพัฒนาได้ไม่ถึงเป้าหมายของการอยู่ดี มีสุข ยังมีปัญหาทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม ดังนั้น หน่วยงาน องค์กรทุกระดับ จึงหวนกลับสู่แนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม คือมีการพัฒนาบนฐานของความสมดุล ดุลยภาพ ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในชุมชน
ถึง...สานฝันต่างแดน... หนังสือที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ยั่งยืน ก็คือ หนังสือของพระธรรมปิฎก ชื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งเพราะจะเป็นสำนวนการเขียนที่เป็นภาษาของพระ นอกจากนี้ก็หนังสือทั่วไป และใน internet เพราะเป็นเรื่องที่แพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน
ถึง...อ้วน..น่ารัก... สิ่งแรกเราควรไปหันไปถามปู่ ย่า ตา ยาย ของเราว่าเค้าใช้ชีวิตกันอย่างไร แตกต่างจากคนในปัจจุบันอย่างไร เพราะแนวทางการพัฒนาในปัจจุบัน ก็เป็นการพัฒนาที่ต้องการให้คนในปัจจุบันกลับไปใช้ชีวิตเหมือนกับปู่ ย่า ตา ยายของเราในอดีต ที่ไม่มีปัญหาหนี้สิน มีทรัพยากรให้บริโภคอย่างพอเพียง การใช้ชีวิตก็ไม่ต้องไปแข่งขันกับผู้อื่น สิ่งแวดล้อมก็ดี ไม่เสื่อมโทรมเหมือนในปัจจุบันนี้
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ยกตัวอยยย่างๆๆ ใกล้ตตัวเรามากที่สุดให้น๊อยคร่า
ว่าเปนแบบไหนเพราะจะไปทำรายงานส่งอาจารย์คร่า ขอบคุณคร่าา
ความยั่งยืนคือคนธรรมชาติต้องไปด้วยกันเป็นคู่ขนานแบบอาศัยซึ่งกันและกัน