ควันหลงส่งท้ายสงกรานต์:บทเรียนส่งท้ายที่ไม่สุดท้าย


บทเรียน สงกรานต์

     ผ่านพ้นไปแล้วค่ะสำหรับเทศกาลสงกรานต์ ผ่านพ้นไปพร้อมกับความเหนื่อยและอาการลุ้นนั้นคือลุ้นให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด โชคดีค่ะที่ในพื้นที่ที่ดิฉันอยู่ก็เกิดอุบัติเหตุทางการจราจรไม่ถึง 10 รายและข่าวดียิ่งกว่าคือไม่มีการเสียชีวิตเลยค่ะซึ่งความดีครั้งนี้คงต้องยกให้กับทุกกลุ่มทุกหน่วยงานที่มีส่วนช่วยกัน  ในส่วนภาพใหญ่ของประเทศก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่ายอดผู้เสียชีวิต 476 คนและผู้บาดเจ็บ 5,983 คน ซึ่งลดน้อยลงกว่าปีที่แล้วค่ะ  ดิฉันรับฟังข่าวดังกล่าวด้วยความยินดีที่อย่างน้อยสถิติการเสียชีวิตก็น้อยลงแม้จะไม่มากก็ยังดีกว่าที่จะไม่ลดลงนะค่ะแสดงให้เห็นว่าสังคมได้เกิดการเรียนรู้รวมกันว่าสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุอยู่ที่ใดซึ่งแน่ๆที่เรามองเห็นเป็นผู้ต้องหาอันดับแรกๆคือสุรา

พูดถึงเรื่องสุราหรือเหล้าอย่างที่ภาษาบ้านเราเรียกกันค่ะ ดิฉันค่อนข้างมีบทเรียนกับเรื่องนี้นะค่ะว่าจริงๆแล้วการที่คนดื่มสุราน้อยลงหรือดื่มแล้วไม่ขับเหตุปัจจัยหลักๆมันอยู่ที่กลัว กลัวการถูกจับพี่ที่โรงพยาบาลค่ะบ้านเขาอยู่ขอนแก่น วันหยุดหลายวันเขาจึงอยากกลับบ้านในช่วงสงกรานต์เช่นนี้สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คืองานฉลองปรกติพี่คนนี้ค่ะไม่เมาจนฟุบหลับไปไม่เคยเห็นเลิกดื่มค่ะแต่ช่วงสงกรานดิฉันและกลุ่มเพื่อนเห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าดีใจค่ะว่าพี่แกไม่ดื่มจนเมาเลยด้วยเหตุผลเดียวจริงๆที่พี่แกบอก ค่ะคือกลัวถูกจับ เมื่อฟังแล้วดิฉันเกิดสมมุติฐานในใจดิฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ 2 อย่างคือ 1.ถ้าจะป้องกันอุบัติให้ได้ผลดียิ่งขึ้นคือต้องออกกฎหมายที่มีบทลงโทษซึ่งหนักมากขึ้น  2.ในงานสาธารณสุขที่เกี่ยวกับการลดการดื่มสุราดิฉันคิดไม่ออกว่าจะใช้กลวิธีใดถ้าหากเป็นรูปแบบการออกกฎหมายแล้วมีบทลงโทษให้รุนแรงเหมือนกันน่าจะดีไหมนะ  ดิฉันอยากรู้จังเลยค่ะว่าจะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมเหมือนการรณรงค์เรื่องอุบัติเหตุที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมการดื่มสุราหรือเปล่า

นอกเหนื่อจากความคิดเห็นเกี่ยวกับสุราที่สงกรานต์ทิ้งไว้ให้แล้วสงกรานต์ยังทิ้งโรคต่างและความเจ็บป่วยที่มากับสงกรานต์ไว้อีก นั้นคือช่วงวันสุดท้ายที่ขึ้นเวรทำงานจะพบผู้ป่วยโรคระบบทางเดินอาหารมากเป็นลำดับต้นๆ อาจเนื่องเพราะการเฉลิมฉลองนั้นแหละจึงได้เกิด  ถัดมาติดๆคือโรคระบบทางเดินหายใจ และ หูอื้อและปวดหูเนื่องจากถูกสาดน้ำ  หนึ่งในคนไข้ที่หูอื้อคือพี่ดิฉันเองเพราะเธอสาดน้ำกันบนตึกค่ะ  วันที่เขียนบันทึกเธอก็ยังไม่หายเลยค่ะ

สำหรับตัวดิฉันเองจะคอยดูค่ะว่าสงกรานต์ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้นตัวเลขจะมากน้อยอย่างไร มาตราการการป้องกันจะเป็นไปในแนวไหน ซึ่งคงไม่น่าจะป้องกันอยู่แค่อุบัติเหตุค่ะน่าจะคิดต่อมาที่ โรคระบบต่างๆที่ดิฉันสังเกตเองค่ะไม่อ้างสถิติอื่นค่ะทิพวรรณ์ data ล้วนๆ (:  แล้วจะรอดูสงกรานต์หน้าค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #learning
หมายเลขบันทึก: 24396เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2006 19:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
     เมื่อมีการแข่งกันไม่มีตัวเลข และเป็นเชิงนโยบาย ตัวเลขก็คือตัวเลข จะต่ำลงได้อย่างสามัคคี พร้อมเพรียงกัน (ทักทาย ไม่ได้ทักท้วง แต่ก็พอให้นึก ๆ ไว้)

ตอบคุณ ชายขอบค่ะ

ขอบคุณนะค่ะที่เข้ามา ลปรร. และมีข้อคิดดีๆมาฝากเสมอๆ  กำลังรอดูข่าวอยู่เหมือนกันค่ะว่าจะมีการประท้วงพร้อมโชว์หลักฐานการชุกตัวเลขของจังหวัดใดหรือไม่ค่ะ (:

     ยิ้ม ๆ มองเห็นอยู่เช่นกันก็ดีใจแล้ว หลงทางหลงทิศ ปัญหาไม่ลด แต่ตัวเลขลด...

ถ้าไม่เน้นที่ตัวเลข แต่เน้นที่ความรับผิดชอบของบุคคล จะดีกว่าไหมครับ  รับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อครอบครัว ต่อประเทศชาติ อะไรทำนองนี้นะครับ

คุณวรชัย ค่ะ

ขอบคุณนะค่ะที่กรุณาเข้ามาแสดงความคิดเห็น

ดิฉันคิดเช่นกันและเห็นว่าดีที่สุดเลยค่ะ แต่เราจะสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบกันอย่างไรเชื่อแน่ค่ะว่าหลายคนมีอยู่แล้ว แต่เราจะทำให้ทุกคนมีได้อย่าไร น่าช่วยกันคิดนะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท