เรื่องที่ศึกษา รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา
คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรื่อง บทประยุกต์
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้รายงาน นางสาวอำพัน ช้างเย็นฉ่ำ
ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2550
บทสรุป
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1. เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรื่อง บทประยุกต์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนด้วยแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรื่อง บทประยุกต์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังเรียน
สมมติฐานของการศึกษา
1. แบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรื่อง บทประยุกต์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรื่อง บทประยุกต์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
วิธีดำเนินการ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงทดลอง ที่ใช้แบบแผนการทดลองแบบใช้วิธีการสอบก่อนและหลังการศึกษา (The one group pretest – posttest design) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนจำนวน 30 คน โดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่างจากการสุ่มเฉพาะเจาะจงเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 ซึ่งเป็นห้องเรียนที่ผู้รายงานเป็นครูประจำชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยนำไปใช้ในโรงเรียนวัดนาวง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานี เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 แล้วนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบทเรียนแบบโปรแกรมโดยใช้ค่าเฉลี่ย (X) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และเปรียบเทียบผลการใช้บทเรียนแบบโปรแกรมโดยใช้สถิติ t – test
ผลการศึกษา
ผลการศึกษาพบว่า แบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 เรื่อง บทประยุกต์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 79.83/78.67 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้ แต่ไม่ต่ำกว่า 2.5 % ถือว่ายังมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับได้ ผู้เรียนด้วยแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน
ไม่เห็นมีข้อสอบเลย
อยากได้ข้อสอบ
อย่างนี้ไม่เอา]]]]]]]]]]
ไหนละข้อสอบโกหกกานนี่น่า
แบบนี้เชื่อถือไม่ได้
นวัตกรรมหรือเครื่องมือจัดการสอนอยู่หนาย
เอาข้อสอบ
หนายฟะโจทย์ข้อสอบ
ขอสอบยากมากเรยยากได้เหมือนป.1