สีดำในความมืด


เพราะเหตุใด เพราะอันใด เพราะอะไร เป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายใน กลับมุ่งหาคำตอบจากภายนอก ไม่แม้ที่จะเคยซักฟอกใจตน

     วันหนึ่งไม่เคยคิดว่าจะได้รู้จักค่าของชีวิตมาก่อน เพราะตลอดมาได้ดำเนินชีวิตด้วยความประมาท โดนกิเลสครอบงำ อย่างมารู้ตัว  ชีวิตที่เป็นเสมือนสีดำในความมืด เมื่อเกิดทุกข์ก็เที่ยวเกิดความสงสัยในตัวตน(เอง) และคนที่เคยไว้ใจมาตลอด เพราะเหตุใด เพราะอันใด เพราะอะไร เป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายใน กลับมุ่งหาคำตอบจากภายนอก ไม่แม้ที่จะเคยซักฟอกใจตน ว่า...เพราะเหตุใด เพราะอันใด เพราะอะไร กันแน่ มองไม่เห็นชีวิต

     ทว่าเมื่อฟ้าเปิด แสงแห่งความสว่างเข้ามาเยือน เราก็มองเห็นสีดำชัดขึ้น ทว่าชีวิตที่เป็นสีดำ ก็ยังคงเป็นสีดำ หากเมื่อได้ซักล้างเสียใหม่โดยการให้ “อภัย” โดยการ “ยกโทษ” จากคนที่เข้าใจ คนที่รัก คนที่ดี ไม่น่าเชื่อว่าสีดำกลับค่อย ๆ จางไป ชีวิตใหม่เข้ามาเยือน แม้จะไม่ขาวสะอาดเสียในทีเดียว แต่ก็ขาวขึ้น ๆ หากจะต้องใช้เวลา ธรรม(ชาติ) และตัวตน(เอง)ช่วยซักล้างเอาบ้าง วันหนึ่งความขาวสะอาดก็จะมาเยือนใหม่ ความสดใสอาจจะกลับมาดังเดิม

     สีขาวในความสว่างก็ยังมองเห็นได้ดีกว่าสีดำในความมืด การให้อภัยจากคนรักอย่างเข้าใจ และเห็นใจ ไร้ซึ่งเงื่อนไข ไม่มีแม้คิดที่จะทบทวนความผิดพลาด การลงมือช่วยเหลือกันจนผ่านความมืดไปได้ จากนั้นก็ได้ช่วยกันซักล้างสีดำออกในความสว่าง ทิ้งรอให้ธรรม(ชาติ)ได้บำบัดรักษาขณะอยู่ในความมืด สลับกันไป หมุนวนกันไป ไม่ช้าไม่นานสีดำก็ค่อยจางหาย แม้จะหม่นหมองไปบ้างในช่วงแรก ๆ แต่ก็จะค่อย ๆ คลายลงไปได้ แม้จะไม่อาจขาวได้ดั่งเดิม หากใช้ใจช่วยมองให้เห็นเป็นสีขาวบ้าง สีดำก็จะหมดไปอย่างถาวร และจะมองเห็นได้ชัดแม้อยู่ในความมืด แม้มืดสนิท ก็จะมองเห็น

     ได้เรียนรู้ชีวิต “ค่าของชีวิต” จากการให้อภัย จากคนที่รัก คนที่หวังดี คนที่ไม่เคยมีแม้เงื่อนไขใด ๆ ขอบคุณผู้ให้ที่ผู้รับไม่หวังแม้จะได้รับ ไม่คาดว่าจะหลงเหลือค่าอะไรแล้ว เป็นชีวิตสีดำในความมืด ขอบคุณที่มองเห็น ขอบคุณที่ได้ให้โอกาสนำกลับมาซักล้าง ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์รอให้ธรรม(ชาติ) บำบัด และขอบคุณที่ใช้ใจมองให้เป็นสีขาว แม้จะเป็นสีหม่น ขอบคุณสำหรับความหวังดี “ขอโทษ และเสียใจ” ยังเป็นคำที่วนเวียนเพื่อบอกใครสักคน ไม่ขอให้เข้าใจ แต่ขอเพียงให้รับรู้ เท่านั้นพอ

     บันทึกนี้เป็นบันทึกที่ตั้งใจเขียนขึ้น เมื่อครั้งต้องเผชิญกับความเลวร้าย ครั้งหนึ่งที่แสนสาหัส จากความพยายามในการยกตัวตนให้เป็นมนุษย์ แต่ก็ต้องหล่นกลับมาเป็นคน เพราะเพียงอวิชชา ความไม่รู้เท่าทัน ความประมาท กิเลส เกิดขึ้นในใจ เผลอเคลือบเคลื้อมหลับใหลไปชั่วครู่ชั่วยาม ก่อเกิดความทุกข์ในใจ เกือบที่จะต้องเสียใจมากไปกว่านี้ เกือบที่จะต้องสูญเสีย “ค่าของชีวิต” ไปอย่างถาวร เป็นสีดำในความมืดบอด มองไม่เห็นทางจริง ๆ มี 2 สิ่งที่ได้นำกลับมา คือ การให้อภัยจากคนที่รักที่ดี และ ธรรม(ชาติ)บำบัด ด้วยใจตน(เอง) เป็น 2 สิ่งที่เกื้อหนุนกัน จะขาดอย่างใดก็ไม่ได้ ไม่ได้เลยจริง ๆ กับการฟื้นคืนชีวิตให้มีคุณค่าดั่งเดิม...ขอบคุณที่ให้อภัย

หมายเลขบันทึก: 24263เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2006 01:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)
สาธุ.. สาธุ.. สาธุ..

คุณ Naigod

     ขอบคุณครับที่แวะเวียนมาติดตามเสมอ

ดี ดี ...อ่านแล้วดี..

ให้อภัยทุกเรื่อง ยกเว้นกำลังชั่งใจว่า จะให้อภัยดีไหมอยู่เรื่องหนึ่ง

ขอเวลาไปคิดดูก่อน

แสงสว่างในความมืด

ในค่ำคืนหนึ่งกับความเมื่อยล้า..และหลับใหล
ดับไปกับ..ความมืด..แม้พยายามพยุงตัว
ก็หาไม่...จะเบิกตาได้
แสงสว่างแห่ง "จิต"..ที่ส่งมาตามแสงตะวัน
ทอทาบเข้ามาใน "ใจ" ตน
"ขอบคุณผู้ให้ที่ผู้รับไม่หวังแม้จะได้รับ.."
หากแต่ได้รับ..โดยไม่รู้ตัว
คือ พลังที่ก่อตัว.."ชีวิต"...ที่ถอยหลัง
หากให้ "ก้าว"เดินไป..ในวันข้างหน้า
คือ..แสงพลังแห่งชีวิต...ที่ยิ่งใหญ่
ที่มาเมียงมอง..และมองเห็น
"เริงร่า...และร่าเริง"
เดินเคียง..แห่งแสงสว่าง
แม้มืดมิดและหลับไหล

 

คุณไร้นาม

     อะไรครับที่กำลังชั่งใจอยู่ อย่าลังเลเลย ตัดสินใจไปเลยครับ

Dr.Ka-poom

     เพื่อเป็นแรงใจให้กันและกัน ให้คนในสังคม ให้ใคร ๆ อย่างไร้รูปแบบและอิสระตามที่ใจปราถนาจะรับ เพราะผู้ให้ให้อย่างเทหมดใจแล้ว ด้วยใจจริงครับ

ดีค่ะ  ยังดีทีรู้ว่ายังได้รับการเข้าใจและให้อภัยจากคนที่รัก

มดน้อยเองก็อยากจะได้รับการอภัยและอยากให้อภัยคน ๆ นึงในเรื่องบางเรื่องเหมือนกัน   แต่มันทำใจได้ยากจัง...

 

คุณมดน้อย

     การจะให้อภัยใครสักคน อย่ารอเวลาเลยนะ เมื่อได้รับในทันทีทันใด มันทำให้มีค่ามาก ยิ่งช้าไปจะยิ่งเสียใจ ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องรอ หากรู้ว่าต้องให้อภัยแน่ ๆ

 

ดำแล้วยังมืดอีกเหรอค่ะเหมือนถูกกระหน่ำซ้ำเติมจังค่ะ

ให้อภัยค่ะ แต่ไม่ลืมนะค่ะ 

เพราะถ้าลืมก็จะถือว่าไม่ได้เรียนรู้เลยเจ็บบ่อยๆน่าเหนื่อยจังเลยค่ะ  นั้นคือถ้าจะเจ็บต้องเป็นเจ็บรูปแบบใหม่ไม่ใช้แบบเดิมค่ะ (:

ขำๆนะค่ะ

คุณ big c

     ครับ เห็นด้วยว่าอย่าลืม (ในทันที) แต่หากถ้าไม่ลืมก็อย่ารื้อฟื้นกันเลยดีกว่า (ว่าไหม) เห็นคุณขำ แต่ผมนึกขำไม่ค่อยออก ได้แต่ยิ้ม...ยิ้ม

หากให้อภัย..แต่ไม่ลืม

จะต่างอะไร..กับการไม่ให้อภัย

หากให้อภัย..ก็"ให้"...อย่างไร้เงื่อนไขใดใด

เพียงเพราะใจที่ให้...อย่างมีเมตตา

     หากแต่แปลกคนที่จำกลับเป็นคนที่ได้รับการอภัย คนให้กลับลืม คนได้รับกลับทุกข์ คนให้จึงสุขใจ ทุกข์ที่ไม่ลืม จึงชดใช้กรรม
     หาใช่เพราะคนให้ ให้ไม่มากพอไม่ หากแต่มากเกินจนตื้นตันมากว่า จึงต้องจดจำ จดจำความดีที่มากล้นของคนให้

เป็นความรู้สึกที่ผมเคยต่อสู้กับตัวตน(เอง) แต่ ผลที่ได้รับ ก็อิ่มเอิบ และมีความสุขครับ

ให้อภัย ส่วนลืมไม่ลืมก็ไม่เป็นไรครับ เพราะเราไม่ได้คิดอะไรแล้ว เราชนะตัวเองแล้ว

ใช่คะคุณจตุพร..ลืมได้ไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขอแค่เราเอาชนะใจที่เป็น "ลบ" ของเราได้...ก็เบาตัวแล้ว

คุณจตุพร

     ดีครับที่ไม่ติดคาค้างใจ เพราะเราได้ชนะตัวเองแล้ว อย่าลืมผ่านมาทางใต้ โทรหากันได้นะครับ จะได้นั่งลงรับกาแฟแลเสวนาเล็ก ๆ สักมื้อ กะยังดี (หวังว่าไม่เลือกปฏิเสธนะครับ หากได้มา)

Dr.Ka-poom

     ขอบคุณมากนะครับ ที่มาคอยดูแลแขก ที่เข้ามา ลปรร.ให้ยามติดภารกิจ เสมอ ๆ เห็นด้วยว่าหนักที่ใจเรา เอาชนะได้ก็เบาลง...จริง ๆ

สีดำในความมืด..ได้รับการ " ให้ " ..และ " อภัย " จึงพลิกฟื้นและยืนหยัด.. สิ่งที่อยากบอกเพิ่มเติมคือ " อย่าลืม..ให้และอภัยกับตนเอง "

พี่ "คนข้างนอก"

     ดีใจที่มีพี่คอยเตือนสติอีกหนึ่งคน ผมจะเป็นคนดี ที่ดีขึ้นครับ (ยิ้ม ๆ)

เยาว์ (คนโดนกระทำ)
การให้อภัย บางครั้งกลับทำให้คนอื่นได้ใจว่า อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว แต่การกระทำยังดำเนินอยู่ คนเราทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจตนเองดี ว่าสมควรให้อภัยหรือไม่ เพราะสุดท้ายแม้แต่ความรักที่มีให้อาจจะไม่เหลืออีกเลย

หากเราทำอะไร...

แล้วหวังผล..ตอบแทน

เราก็มักจะผิดหวัง..

หากเรารักใคร..แล้วเสียใจ

โปรดหันมอง..และถาม "ตน" ว่า..

เรารักเขาหรือเรารักตนเอง...

หากเรารักเขา..เรารัก..เพราะอะไร

รักเพราะอยากให้เขารักตอบ...หวังในรักนั้น

หากอย่างงั้น..น่าจะเป็นการรัก"ตนเอง"มากกว่า

หรือ นั่น...คือ..รักหวังผล

หากรักแท้..ก็แท้..

ไม่หวังอะไรทั้งสิ้น

รักอย่างไร้เงื่อนไข

สุขใจที่ได้รัก

เมื่อคนที่ "รัก.." มีสุข

เราก็จะสุขด้วย

หากเขาทุกข์

เราก็ทุกข์ด้วย

หาก..ตรงข้าม

หากเห็นเขาสุข...แล้วเราทุกข์หรืออิจฉาในสุขนั้นของเขา

ก็ย้อมถามตนเองอีกครั้งว่า...

เรารักเขา..จริงหรือ

คุณ"เยาว์"

จากถ้อยความ...
บ่งบอก"ใจ"..ที่เกิด
หาก"อภัย"..อย่างแท้จริง
ย่อมไม่ปวดใจ..จากการอภัยนั้น
"อภัย...อย่างมีเมตตา"..นะคะ
คนที่ได้รับ...
ก็คือ.."ตัวเรา" เอง
ที่จะไม่ทุกข์...
จะเบา...สบายในใจ

สีดำก็เปลี่ยนได้ ความมืดก็รอได้ โห! การให้อภัยจะมีพลังได้มากมายขนาดนี้เลยเหรอครับ

คุณ rc

     ครับการให้อภัยกันโดยบริสุทธิ์ใจ และรีรอที่จะให้อภัยกัน จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ช้ำเสียก่อนด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท