จดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะ
ต่อกรณีมติคณะรัฐมนตรี
เรื่องการจัดระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า
ลาวและกัมพูชา วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ
2548
เครือข่ายปฏิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ (ประเทศไทย)
มีความห่วงใยอย่างยิ่งในมติครม.ในวันที่ 20 ธันวาคม 2548
ในเรื่องการจัดการระบบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า
ลาว และกัมพูชา ที่กระทบต่อสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติ
อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงของแรงงานข้ามชาติ
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและในภูมิภาค
รวมถึงผลกระทบต่อชุมชนต่างๆ
เรามีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อการอนุญาตให้มีการจ้างงานแรงงานข้ามชาติ
โดยกำหนดให้นายจ้างวางเงินประกันตัวแรงงาน
ที่จะขัดต่อสภาวะการทำงานที่ยุติธรรม
ทั้งนี้เนื่องจากการจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติในครั้งที่ผ่านมามีการกำหนดให้มีค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนเพื่อขออนุญาตทำงานเป็นเงิน
3,800 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการขออนุญาตทำงาน
ค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อประกันสุขภาพ
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่านายจ้างส่วนใหญ่ได้ทำการหักค่าจ้างของแรงงานเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน
อันนำมาซึ่งการเกิดหนี้สินของแรงงานข้ามชาติ
อีกทั้งนายจ้างยังยึดบัตรอนุญาตเพื่อควบคุมไม่ให้ลูกจ้างหลบหนีหรือเปลี่ยนงานไปสู่สภาพการจ้างงานที่ดีกว่า
และก่อนที่จะใช้หนี้สินที่เกิดจากการจดทะเบียนจนหมด
ดังนั้นการมีค่าใช้จ่ายในการประกันตัวที่เพิ่มขึ้นอีก10,000
บาทหรือ 50,000 บาท
ในทางปฏิบัติมีแนวโน้มว่านายจ้างจะหักค่าจ้างของแรงงานเพิ่มมากขึ้นเพื่อผ่อนจ่ายเงินค่าประกันตัวและค่าจดทะเบียน
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะความความเสี่ยงที่รุนแรงและเป็นการผลักดันให้แรงงานเข้าสู่สภาพของการใช้แรงงานบังคับ
และตกอยู่ในสภาวะรูปแบบการทำงานที่เลวร้าย
หากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
แรงงานจะอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันและต้องทำงานอย่างหนัก
เพื่อจะหาเงินมาผ่อนจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าว
ประกอบกับแรงงานไม่มีทางเลือกในการทำงาน
และไม่มีอำนาจในการต่อรองเพื่อเปลี่ยนสภาพการจ้างให้ดีขึ้น
ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพทางด้านร่างกายและจิตใจของแรงงานข้ามชาติ
ในขณะเดียวกันมีกลุ่มนายจ้างได้ออกมาแสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว
เราจึงมีความห่วงใยว่าหากนายจ้างปฏิเสธที่จะเข้าสู่ระบบในการจัดการนี้
ย่อมจะนำมาสู่การผลักดันให้ขบวนการนายหน้าและผู้มีอิทธิพลเข้ามามีบทบาทในการใช้อำนาจควบคุมและจัดการการจ้างงานแรงงานข้ามชาติมากขึ้น
ส่งผลกระทบให้เกิดการจ้างงานแบบใต้ดิน
ก่อให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ
และขบวนการการค้ามนุษย์
อีกทั้งการที่รัฐจะไม่ใช้กรอบสิทธิมนุษยชนที่ระบุไว้ในมติครม.ในข้อ
17
การปฏิเสธดังกล่าวนั้นขัดแย้งกับหลักการว่าด้วยการไม่เลือกปฏิบัติซึ่งระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2540 และหลักการของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ต่อข้อเสนอที่รัฐบาลจะจัดให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษและเกษตรแบบพันธสัญญาในพื้นที่ชายแดนนั้น
น่าวิตกว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อวิถีชีวิตและเกิดปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรในชุมชนทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
การกำหนดนโยบายและโครงการในลักษณะดังกล่าวจำเป็นต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของประชาสังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ได้รับผลกระทบในชุมชนนั้น ๆ ด้วย
แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่เปิดโอกาสให้ประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วม
รัฐบาลไทยควรยุตินโยบายและโครงการดังกล่าวไปก่อน
เครือข่ายฯ
สนับสนุนในการจัดระบบที่จะคุ้มครองสิทธิของแรงงานข้ามชาติ
อย่างไรก็ดีเราเชื่อว่าปัญหาในการจัดการแรงงานข้ามชาตินั้นเกิดจากการกำหนดนโยบายโดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ
มิใช่เกิดจากตัวแรงงานข้ามชาติเอง
ทั้งนี้เพราะแรงงานข้ามชาติยังไม่อยู่ในสภาวะที่มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายได้
ดังนั้นนโยบายที่จะเกิดขึ้นจึงต้องคำนึงถึงสภาวะความเป็นจริงของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศต่าง
ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศพม่า อีกทั้งนโยบายของรัฐไทยในปี
2547
ที่เปิดโอกาสให้ผู้พลัดถิ่นจดทะเบียนอาศัยอยู่ชั่วคราวเป็นตัวอย่างหนึ่งที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของการย้ายถิ่นในลุ่มน้ำโขงในปัจจุบัน
จากที่กล่าวมาข้างต้นเครือข่ายฯ
มีความรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อมติคณะรัฐมนตรีฯ
ดังนั้นเราขอเรียกร้องให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินการจัดทำนโยบายบริหารแรงงานข้ามชาติที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของฝ่ายต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
รวมถึงการกำหนดนโยบายที่ใช้กรอบสิทธิมนุษยชน ปราศจากการเลือกปฏิบัติ
แต่เนื่องจากขณะนี้แรงงานข้ามชาติถูกจำกัดเสรีภาพในการเดินทาง
เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการเปิดให้มีการระดมความคิดเห็นในพื้นที่ต่าง
ๆ ทั้งจากตัวแรงงานข้ามชาติเอง
กลุ่มและองค์กรที่ทำงานกับแรงงานข้ามชาติและหน่วยงานที่ให้บริการด้านสุขภาพแรงงานข้ามชาติ
รวมถึงนายจ้างและฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ภายในเดือนมีนาคม
2549
เครือข่ายปฏิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ
14 กุมภาพันธ์ 2549
หมายเหตุ เครือข่ายปฏิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ
เป็นเครือข่ายระดับประเทศที่ประกอบไปด้วยองค์กรชุมชน
องค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานใกล้ชิดกับแรงงานข้ามชาติ จากพม่า ลาว
กัมพูชาและเครือข่ายพันธมิตร ประมาณ 10 กว่าองค์กร
รวมตัวกันเพื่อทำงานเชิงนโยบายเพื่อก่อให้เกิดการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย
สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่
นายอดิศร เกิดมงคล โทร 09-7887138
ไม่มีความเห็น