เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 เวลา 13.30-16.30 น. ได้มีการประชุมชี้แจงต่อ นายจ้าง ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548 ณ ห้องประชุมจอมพล ป.พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมีผู้ร่วมประชุมชี้แจง คือ
· พล.ต.อ.ชิดชัย
วรรณสถิตย์ - รองนายก และรมต.ยุติธรรม
· นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
- รองนายก และรมต.พาณิชย์
· นายสมศักดิ์ เทพสุทิน -
รมต.แรงงาน
· นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ -
ปลัดกระทรวงแรงงาน
· นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี
- อธิบดีกรมการจัดหางาน
· พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ –
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ?? (ไม่แน่ใจว่า เป็นตัวแทนมาหรือไม่
เพราะไม่มีบทบาทในเวทีนี้เลย)
จากการร้องเรียนของภาคเอกชน
ในเรื่องการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่มี ทร.38/1
จะต้องจ่ายเงินประกันตัว 10,000 บาท และ 50,000 บาท สำหรับผู้ที่ไม่มี
ทร.38/1 จากปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม
ภาคเกษตรกรรม และภาคบริการ
จึงมีการจ้างงานแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นจำนวนมาก
ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฏหมายในการให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าว
ทั้งนายจ้างและแรงงานต่างด้าวมีความผิดตามพรบ.คนเข้าเมือง
อย่างไรก็ตามเงินประกันตัวแรงงานต่างด้าวนี้เป็นอัตราตาม
พรบ.คนเข้าเมืองกำหนด ทำให้มีนายจ้างและผู้ประกอบการ สมาคมประมง
สภาหอการค้า เจ้าของธุรกิจด้านเกษตร และโรงงานกว่า 1,000 คน
เข้าร่วมเสนอข้อคิดเห็นเพื่อร่วมหาทางออกสำหรับการแก้ปัญหาการจ้างแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย
โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่งคงของประเทศ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ได้หารือกับผู้เข้าร่วมประชุมถึงเงินประกันตนแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีทร.
38/1 ในอัตรา 50,000 บาท นี้ผู้ประกอบการรับได้หรือไม่
และขอให้เสนออัตราที่นายจ้างหรือผู้ประกอบการจะสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้
เนื่องจากขณะนี้มีการนำเข้าแรงงานลาว และกัมพูชา
ที่เข้าถูกต้องตามกฎหมาย[1] โดยเสียค่าใช้จ่าย 11,000 บาท
และหากแรงงานเหล่านี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดเลยคงเป็นไปไม่ได้
นายจ้างหรือผู้ประกอบการนำเสนอปัญหา
และอัตราค่าใช้จ่ายสำหรับแรงงานต่างด้าว ดังนี้
·
นายกสมาคมหอการค้าไทย ได้เสนอว่า ถ้าจะให้นายจ้างเสียเงินแค่
3,800 บาทก็เดือดร้อนมาแล้ว และ ขอผ่อนผันเป็นรายเดือน
สำหรับแรงงานทุกประเภทไม่คำนึงว่า
ได้จดทะเบียนแล้วหรือไม่
และต่อไปเมื่อแรงงานต่างด้าวได้รับการพิสูจน์สัญชาติแล้ว
ก็จะนำเข้าแรงงานที่ถูกกฎหมายมาทดแทน โดยขอผ่อนผันต่อไปอีก 1 ปี
โดยไม่เสียค่าประกันตน
· ผู้แทนของสภาอุตสาหกรรม
เสนอว่า รัฐบาลควรมีจุดยืนที่ชัดเจนว่า จะเอาเรื่องความมั่นคง
หรือเศรษฐกิจ
ถ้าจะเอาเรื่องความมั่นคงก็ผลักดันกลับประเทศต้นทางให้หมด
เพื่อให้นำเข้ามาใหม่อย่างถูกกฎหมาย
แต่ถ้าเอาเรื่องเศรษฐกิจก็ขอให้เสียค่าปรับ 10,000 บาท
สำหรับผู้ที่ไม่มี ทร. 38/1
· ผู้แทนจากสมาคมผลไม้
ได้เสนอว่า
แต่ละอุตสาหกรรมควรเสียค่าประกันตนในอัตราที่ไม่เท่ากัน
และตามระเบียบแล้วเขาไม่ควรต้องเสีย
หากจะต้องเสียค่าประกันตนขอให้ไม่เกิน 10,000 บาท
· หอการค้าปทุมธานี
เสนอว่า ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเงินกู้ธนาคารได้เพียง 25,000 บาท
ซึ่งไม่มีเงินเพียงพอที่จะไปประกันตนแรงงานต่างด้าว
จึงได้เสนอให้ผู้ที่มี ทร.38/1 เสียค่าประกันตน 500 - 1,000 บาท
และกรณีที่ไม่มี ทร.38/1 เสียเงิน 2,000 บาท
·
ผู้ประกอบกิจการอิเล็กทรอนิกส์รายหนึ่ง มีลูกจ้างต่างด้าว 30 คน
ได้เสนอให้เสียค่าประกันตนสำหรับผู้ที่มี ทร.38/1 เสีย 5,000
บาท และผู้ที่ไม่มี ทร.38/1 เสีย 10,000 บาท โดยสามารถ
ผ่อนชำระเป็นงวดได้ในระยะเวลา 2 ปี
·
ผู้ประกอบการประมงรายหนึ่งได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจว่า
ปัจจุบันต้นทุนสูงขึ้น ราคาปลาตก ปลาจำนวนน้อย
เรือประมงแต่ละลำต้องใช้คนงาน 30 คนขึ้นไป
และแรงงานที่มาทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็หนี
จึงขอให้เสียค่าจดทะเบียนสำหรับแรงงานในอุตสาหกรรมประมงเพียง 3,800
บาท
·
ตัวแทนผู้ประกอบการจังหวัดสมุทรสาคร ได้กล่าวว่า
ได้มีการประชุมภายในจังหวัดแล้ว และเสนออัตราค่าประกับตน
สำหรับผู้ที่มี ทร.38/1 ไม่เกิน 5,000 บาท และสำหรับผู้ที่ไม่มี
ทร.38/1 ไม่เกิน 10,000 บาท และหากมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการใดๆ
ขอให้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบล่วงหน้า
·
ตัวแทนกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรราชบุรี ได้กล่าวว่า
แรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นคนมอญและกระเหรี่ยง ซึ่งมาอยู่เป็นครอบครัว
ทำให้เคลื่อนย้ายลำบาก และเป็นกลุ่มที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจ
ไม่สร้างปัญหาเรื่องความมั่นคง
แต่การเคลื่อนย้ายแรงงานควรจัดการโดยการเปิดรับจดทะเบียนทั้งปี
หรือทุก 3 เดือน
·
นายกประมงจังหวัดชุมพร ได้กล่าวในที่ประชุมว่า เมื่อวาน (12
มี.ค. 49) มีจับกุมแรงงานประมงที่ชุมพร
และจังหวัดอื่นๆตามแนวชายฝั่งทะเล และเสนอแนะถึง
การจัดระบบต้องไม่มีผลประโยชน์
เพื่อให้เกิดทั้งความมั่นคงและเศรษฐกิจ
โดยให้ภาคเอกชนร่วมกับรัฐจัดทำให้ถูกตามกฎหมาย
และเสนอให้มีการจัดตั้ง กบร.จังหวัด
โดยให้มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
และให้กรมการจัดหางานกำหนดแนวทางให้จังหวัดดำเนินการ
และมีการเสียค่าธรรมเนียมเป็นรายเดือนโดยนำส่งที่ส่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นอกจากนี้ยังได้เสนอให้มี one stop service ชายแดน
แยกแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงออกจากกิจการอื่นๆ
·
ประธานชุมชนตลาดท่าเรือคลองเคย
ได้เสนอให้เสียค่าประกันตนสำหรับผู้ที่ไม่มี ทร.38/1 5,000 บาท
อย่างไรก็ตาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้สรุปในเบื้องต้นว่า
ปัจจุบันหลายอาชีพมีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว
ซึ่งขอให้ตัวแทนกลุ่มนายจ้างและผู้ประกอบการกลุ่มละ 2 – 3 คน
เข้าประชุมหารือเพื่อหาข้อสรุปเรื่องอัตราค่าประกันตนแรงงานต่างด้าวที่ไม่เป็นภาระต่อนายจ้าง
และเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบและความมั่นคงในประเทศ
รวมถึงขอให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการดูแลความมั่นคงด้วย
เมื่อย้ายมาประชุมที่ห้องประชุมศ.นิคม โดยมี พล.ต.อ.ชิดชัย
วรรณสถิตย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี
และตัวแทนกลุ่มนายจ้างและผู้ประกอบการประมาณ 30 คน
ซึ่งพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ได้กล่าวว่า
หากได้ข้อสรุปที่เป็นตัวเลขเร็ว จะนำเข้า ครม.ในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.
49)
นายจ้างและผู้ประกอบการในภาคธุรกิจ เกษตร และบริการ ได้มีข้อเสนอต่างๆ
ดังนี้
· นายจ้างบางราย
และตัวแทนเกษตรกรรายย่อยจาก อ.ฝาง กล่าวว่า ค่าประกันตนแรงงานต่างด้าว
5,000 บาทต่อคนก็ไม่สามารถแบกรับภาระได้
·
เจ้าของธุรกิจประมงรายหนึ่ง
เสนอให้แยกแรงงานประมงออกจากธุรกิจประเภทอื่นๆ
และขอให้เสียเงินในอัตราเดียวกับปี 2539 คือ 1,000 บาท
·
นายกสมาคมแปรรูปอาหารสมุทรสาคร ได้เสนอว่า
การจ้างงานในธุรกิจต่างๆมีความแตกต่างกันมาก
จึงไม่ควรใช้บรรทัดฐานเดียวกัน
·
ตัวแทนกลุ่มไร่หญ้่าปทุมธานี เสนอให้เสียค่าประกันตนผู้ที่ไม่มี
ทร.38/1 1,000 บาท และผู้ที่มี ทร.38/1 500 บาท
·
ประมงรายย่อยสมุทรสาครรายหนึ่ง เสนอให้เสียค่าประกันตนผู้ไม่มี
ทร.38/1 1,000 บาท ส่วนผู้ที่มี ทร.38/1 ให้ใช้อัตราเหมือนเดิม
· ผู้ประกอบคนหนึ่ง
จากจังหวัดราชบุรี ได้เสนอว่า ค่าประกันคนแรงงานต่างด้าว 5,000
บาท ถ้าแรงงานหลบหนีให้คืนเงินบางส่วน
และห้ามเปลี่ยนนายจ้าง
·
ผู้ประกอบการหลายรายเสนอให้ขยายระยะเวลาการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวออกไปอีก
1 - 2 เดือน บางรายขอให้ผ่อนจ่ายค่าประกันตนเดือนละ 500 - 1,000
บาทต่อเดือน
·
นายกสมาคมกล้วยไม้แห่งประเทศไทย เสนอว่า ควรใช้โควต้าเดิมที่ขอ
เพื่อให้สามารถควบคุมจำนวนแรงงาน และความมั่นคงของประเทศ
โดยให้นายจ้างและผู้ประกอบการจ่ายเงินตามโควต้่า
· ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร
ได้เสนอให้
แก้ไขกฎระเบียบการจ้างแรงงานต่างด้าวในธุรกิจภาคการเกษตรให้สามารถให้เครื่องมือที่ทันสมัยได้เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ
·
ผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งน้ำจืดรายหนึ่ง
เสนอให้เพิ่มโทษแรงงานที่โยกย้ายหรือหลบหนี
·
ตัวแทนจากสมาคมโรงสีข้าวไทย ได้กล่าวว่า
ตนเองต้องแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
และขอให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดช่วยจัดหางานที่ถูกต้องให้ด้วย
และเสนอให้ห้ามโยกย้ายแรงงานข้ามจังหวัด "แบบเดิม"
หรือข้ามโรงงาน และค่าประกันตนสำหรับผู้ที่ไม่มี ทร.38/1 1,000
บาท
·
ตัวแทนผู้ประกอบการจากชลบุรี ได้กล่าวว่า ชลบุรีขาดแคลนแรงงาน
50,000 คน
ซึ่งจะมีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายในเดือนเมษายนนี้
และผู้ประกอบการรายใหม่ที่ยื่นโควต้ายินดีชำระเงิน
·
ผู้ประกอบการบางคนเสนอว่า เมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้ว
จึงค่อยมาจดทะเบียนกันใหม่ และมีการตั้งคำถามว่า
การจ่ายเงินประกันตัวแรงงานต่างด้าวช่วยเรื่องความมั่นคงของประเทศได้อย่างไร
นายสมศักด์ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า
การจัดระบบแรงงานต่างด้าวนั้นต้องแยกประเภทแรงงาน
เพราะมีทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ แรงงานประมงที่อยู่กลางทะเล และอื่นๆอีก
มีแผนจะตั้งศูนย์บริหารแรงงานต่างด้าว ที่ระนอง ตาก
และเชียงใหม่ รวมทั้งแบ่งโซนพื้นที่ชายแดนกับในเขตเมือง
แต่ยุบสภาก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงที่เป็นสุญญากาศทางการบริหาร
และจะหาทางผ่อนปรนให้สามารถแบกรับภาระได้
แต่ไม่ผิดกฎหมายพรบ.คนเข้าเมือง ตามมาตร 54 หนังสือค้ำประกัน
และเงินสด เพื่อไม่ให้นายจ้างและผู้ประกอบการถูกลงโทษทางกฎหมาย
นายจุฑาธวัช อธิดีกรมการจัดหางานได้ชี้แจงเกี่ยวกับการจ้างแรงงานว่า
ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนนายจ้าง และห้ามคนงานหนี
หากคนงานหลบหนีขอให้ส่งรูปคนงานมาให้ที่กรมการจัดหางาน
โดยส่งรูปต่อไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อติดตามจับกุมต่อไป
สำหรับแรงงานในธุรกิจประมงนั้นจะหาแนวทางที่จะจัดการเฉพาะกลุ่มต่อไป
ส่วนนายสมศักดิ์ ได้ชี้แจงต่อผู้เข้าร่วมประชุมว่า
โควต้าแรงงานต่างด้าวนั้น นายจ้างขอเท่าไรก็ให้ตามจำนวนที่ขอมา
แต่ไม่สามารถขยายจะเวลาการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้
ดังนั้นขอให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนภายในวันที่
30 มีนาคม 2549
ส่วนเรื่องอัตราค่าประกันนั้นให้ชลอไว้ก่อน
โดยจะมีคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้
ซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการได้
อย่างไรก็ตาม จะต้องปรึกษากับนักกฎหมายว่า
ขัดต่อกฎระเบียบหรือไม่
หากไม่สามารถเป็นได้ก็ให้ยึดตามระเบียบเดิม
แม้ว่ายังไม่มีข้อสรุปถึงอัตราค่าประกันตัว นายสมศักดิ์ ได้กล่าวว่า จะนำเรื่องพิจารณาในครม.ในวันนี้ (14 มี.ค. 49) คือ
·
สำหรับแรงงานต่างด้าวที่จะสิ้นสุดใบอนุญาตในวันที่ 30 มิถุนายน
2549 จำนวน 700,000 กว่าคน จะให้เสียค่าใช้จ่าย 3,800 บาท คือ
ค่าตรวจสุขภาพ ประกันสุขภาพ และใบอนุญาตทำงาน
·
การตั้งคณะกรรมเพื่อพิจารณาเรื่องอัตราค่าประกันตนแรงงาน
นอกจากนี้นายจ้างและผู้ประกอบการก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนแรงงานคือ
หากนายจ้างไปขึ้นทะเบียนแรงงานไว้
จะเป็นข้อผูกมัดให้ต้องจ่ายเงินค่าประกันตนตามมติของคณะกรรมการ
ซึ่งยังไม่ทราบว่า จะเป็นจำนวนเท่าไร
และปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงาน
ซึ่งนายจ้างอาจจะถูกริบเงินประกันหากลูกจ้างหลบหนี
รวมทั้งจำนวนเงินประกันตน หรือหนังสือรับรองจากธนาคาร
ซึ่งผู้ประกอบการหรือนายจ้างบางรายไม่สามารถหามาค้ำประกันได้
จึงมีข้อเสนอจากผู้เข้าร่วมประชุมว่า ควรจะสามารถใช้หลักทรัพย์
หรือใบจดทะเบียนบริษัท เพื่อค้ำประกันได้
แต่ในกรณีของเกษตรกรรายย่อยควรจะฝ่ายปกครองในพื้นที่เป็นผู้ค้ำประกันได้
บันทึกและเรียบเรียงโดย
สุภา วิตราภรณ์
องค์การ PATH
14 มีนาคม 2549
[1] ข้อเท็จจริงเรื่องการนำแรงงานเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คือ มีความพร้อมเฉพาะจากประเทศลาว แต่ในส่วนของกัมพูชา ยังไม่พร้อมและกำลังอยู่ในระหว่างเจรจาต่อรอง (แหล่งข้อมูล: หารือกับโครงการพรมแดน- 2 มีนาคม 2549 และ คุณนรา 9มีนาคม 2549)
ไม่มีความเห็น