คลังโล่งรัฐวิสาหกิจแห่ส่งเงินเข้ากงสี
คุมเข้มจัดลำดับบริหารการเบิกจ่าย-ลุ้นผ่านเดือน เม.ย.
นายบุญศักดิ์ เจียมปรีชา
อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลัง
ขอยืนยันว่าปัญหาเรื่องการขาดกระแสเงินสดในปีงบประมาณ
2549 ได้ยุติลงแล้ว และเงินคงคลังได้กลับมา สูงมากกว่า 40,000
ล้านบาท และเชื่อว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากที่เงินจากภาษีเงินได้นิติบุคคลเริ่มทยอยนำส่งเข้ามาในเดือน
พ.ค.นี้ โดยในระหว่างที่เงินภาษีก้อนใหญ่ยังไม่ได้เข้ามานั้น
รายได้หลักที่จะใช้ในการจ่าย
ให้กับฎีกาเบิกจ่ายจากส่วนราชการอื่น ๆ ประมาณวันละ 5,000 ล้านบาท
จะมาจากเงินในส่วนของกำไรรัฐวิสาหกิจที่นำส่งเข้ามา โดยในเดือน
เม.ย.นี้ รายได้ที่สำคัญ คือ กำไรจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ที่จะนำส่งเข้ามาประมาณ 13,000 ล้านบาท
และรายได้ของรัฐวิสาหกิจอื่นที่ได้นำส่งมาก่อนหน้านี้
"การเบิกจ่ายก็ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายว่าจะต้องดำเนินการเบิกจ่ายให้หน่วยราชการที่ยื่นฎีกาเข้ามาให้แล้วเสร็จภายใน
7 วัน ในกรณีที่ไม่มีปัญหาข้อกฎหมายใด ๆ
โดยกรมบัญชีกลางจะใช้วิธีจัดลำดับรายการค่าใช้จ่าย ดังนี้
1. ค่าจ้างที่เป็นเงินเดือนค่าจ้าง 2.
รายการเบิกที่เข้ามาก่อน และ 3. รายจ่ายที่มีกำหนดระยะหมดอายุ
เช่นถ้าไม่จ่ายจะถูกปรับตามสัญญา เป็นต้น
ซึ่งกรมบัญชีกลางก็จะบริหารงานตามกรอบนี้ให้ผ่านพ้นเดือน เม.ย. ไปได้"
นายบุญศักดิ์กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ
2549 (ต.ค. 2548 - มี.ค. 2549) รัฐวิสาหกิจได้นำส่งรายได้รวม 62,294
ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 9,443 ล้านบาท
คิดเป็น 17.9%
โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้ที่สำคัญ ได้แก่
ธนาคารออมสิน โรงงานยาสูบ สำนักงาน
สลากกินแบ่งรัฐบาล โดยนำส่งรายได้จำนวน 6,000 5,835 และ 5,854 ล้านบาท
ตามลำดับ
น.ส.โสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานศูนย์ระดมทุน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2548
ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
และตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ รวมมูลค่า 71,082 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 140
ล้านบาทต่อบริษัท โดยบริษัทจดทะเบียน 504 บริษัท
เสียภาษีคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงประมาณ 20%
ของภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งระบบซึ่งมีจำนวนนิติบุคคลรวมประมาณ
260,000 บริษัท
บริษัทที่เข้าจดทะเบียนระหว่างปี 2544-2548
เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่เข้าจดทะเบียนถึงปี 2548
รวมมูลค่า 55,152 ล้านบาท
โดยหากเปรียบเทียบจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจดทะเบียนกับจำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลของนิติบุคคลทั้งระบบในช่วงปี
2544-2547 แล้ว
พบว่าบริษัทจดทะเบียนเสียภาษีโดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย
45% ในขณะที่นิติบุคคลทั่วไปมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียง
16% อย่างไรก็ตาม
ยังมีบริษัทซึ่งแสดงความสนใจจะเข้าจดทะเบียน
เนื่องจากต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปี 2549 อีกจำนวน 120 บริษัท
เนื่องจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับมีส่วนช่วยชดเชยภาระค่าใช้จ่ายในการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน
ข่าวสด มติชน 17 เมษายน
2549
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized หมายเลขบันทึก: 24158เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2006 11:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น