อีเมล์จากสุทิน นักเรียนทุนอุดมศึกษา
ยกมาให้อ่านทั้งหมดเลยค่ะ
สวัสดีครับพี่เป็นยังไงบ้างครับสบายดีรึเปล่าครับ
ส่วนผมตอนนี้ก็อยู่บ้าน นานเกือบครึ่งเดือนเเล้วครับ
วันนี้ที่ขึ้น subject ว่า วันกลับบ้าน
เพราะว่าเกิดความคิดที่เเปลกเเยกขึ้นมานิดนึงกับวันกลับบ้านครับ
บ้านนอกเรา กับกระเเสของวัตถุที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนเเรงครับ
คิดๆไปก็น่าใจหายอยู่เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าอนาคตเเห่งบ้านโคกสง่าที่ผมอยู่นี่จะเป็นยังไง
คิดถึงเเผนพัฒนาชนบทที่คนในเมืองเป็นคนเขียน ขึ้นมา
เเต่คนในเมืองเองกลับไม่เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนบ้านนอกชนบท
พี่คิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ
ช่วงอยู่บ้านที่ผ่านมาผมก็ทำตัวเหมือนอยู่บ้านครับ เช่น หว่านเเห
ยิงนกตกปลา สิ่งที่น่าเเปลกใจคือ สายตาชาวบ้านที่มองผมเเปลกๆ
ว่าผมบ้าไปเเล้ว เพราะเค้าคิดว่า ผมเองเรียนมาถึงขนาดนี้
น่าจะทำตัวให้เหมือนคนที่มีความรู้ เเต่ผมเองก็กลับตอบเค้าไปว่า
เเล้วคำว่าคนที่มีความรู้นี่เป็นยังไงกันเเน่ ต้องทำตัว
เหมือนคนอยู่บนหอคอยงาช้างงั้นหรือ
เเละอีกอย่างที่ชาวบ้านเค้าว่าผมคือ ทำไมยังพูดภาษาบ้านอยู่
น่าจะพูดภาษาไทยกลาง อะไรประมาณนั้นครับ
นี่เเหละครับคือวันกลับบ้านที่ผมเองรู้สึกเเปลกเเยก
สิ่งที่ผมทำลงไปนั้นก็เพื่อที่จะสื่อให้เค้ารู้ว่าการเป็นอยู่ที่เเท้จริงนั้นไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมายเลย
เเค่นี้ ก็มีความสุขเเล้ว พี่มีวิธีการยังไงบ้างครับ
ที่จะช่วยเเนะนำชาวบ้านให้เค้าใช้ชีวิตที่ถูกที่ควร
สำหรับ
ฉบับนี้เอาไว้เเค่นะครับ เดี๋ยวมีอะไร
จะเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
อ่านจบแล้วอึ้งค่ะ และก็ดีใจ
ที่แม้จะเป็นส่วนน้อย ก็ยังมีน้องๆที่มีโอกาสเรียนสูง
แต่ยังคงรักวิถีชีวิตเรียบง่ายไม่เปลี่ยนแปลง
ก่อนหน้านี้เลขาฯก็ได้เจอน้องเล็กชาวอาจสามารถ ที่สามารถจริงๆ
(ไม่ใช่แค่อาจ) เรียนจบแล้วสามารถกลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน
เพียรพยายามพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า
การทำเกษตรอย่างพอเพียงสามารถทำให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างสบายๆ แล้วก็มีโอกาสเจอน้องเพิกและเยาวชนแม่ทาอีกหลายคน
ที่รู้ซึ้งแล้วว่าชีวิตในเมืองเป็นอย่างไร และรู้แล้วว่า
สามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีช่วยเหลือชุมชนของตัวเองได้อย่างไร
ช่วงนี้เลขาฯมีเรื่องเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง
บ้านนอก อยู่พอดี ขอโฆษณาหน่อยนะคะ
หนังสือเล่มนี้เลขาฯเลือกเอง แปลไปคิดถึงน้องๆนักเรียนทุนไป
และตอนนี้ก็กำลังจะส่งไปให้น้องหลายๆคนอ่าน