อารมณ์ขันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับชีวิต ความครื้นเครงในอารมณ์เมื่อได้อ่านได้ฟังเรื่องราวที่ทำให้ยิ้มและหัวเราะได้ ใครว่าไม่สำคัญ เพราะที่เครียดก็จะหาย ที่เหนื่อยล้าก็จะผ่อนคลาย ผมจึงตัดสินใจนำเรื่องนี้มาบันทึก ด้วยหวังจะเห็นรอยยิ้มของท่านทั้งหลายที่ยังเข้ามาอ่านทั้งๆที่เขียนห้ามไว้แล้ว ... ใครเคยอ่านแล้วก็ให้อ่านซ้ำอีกรอบ
เป็นศาสตร์โบราณน่ะครับ ต้องตั้งใจดู ไม่ใช่สิ ตั้งใจอ่านนะครับ ตามตำราโหงวเฮ้งโบราณอายุพันปีท่านว่ามาว่าเราสามารถพิจารณานิสัยใจคอของคนจากการผายลมได้ดังนี้ !
* คนใจเย็น...คนที่กลั้นผายลมจนถึงจุดระเบิด
* คนไม่จริงใจ...คนที่ผายลมแล้วหันไปจ้องหน้าเด็กคนข้างๆ
* คนงก...คนที่ชอบยืนดมกลิ่นผายลมของตัวเอง
* คนขี้โอ่...คนที่ผายลมเสียงดังสนั่นแล้วยืนหัวเราะชอบใจ
* คนโชคร้าย...คนที่พยายามผายลมขณะเอามือตบโต๊ะไปด้วยแต่พลาดจังหวะ
* คนใจบุญ...คนที่ยืนผายลมเหนือลมให้ทุกคนรับอานิสงส์โดยทั่วกัน
* คนซาดิสต์...คนที่ผายลมในผ้าห่มแล้วกดหัวคู่นอนให้เข้าไปดม
* คนเจ้าเล่ห์...คนที่ผายลมพร้อมกับไอกระแอมเบาๆ
* คนสุภาพ...คนที่กล่าวขอโทษก่อนและหลังการผายลมแม้จะอยู่เพียงคนเดียว
* คนมั่นคง...คนที่ผายลมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ต่อเนื่องและยาวนาน
* คนอำมหิต...คนที่ผายลมไร้เสียง แต่กลิ่นเหม็นร้ายกาจ
* คนดีแต่พูด...คนที่ผายลมดังปัง แต่ไร้กลิ่น
* คนหลายใจ...คนที่ผายลม ปัสสาวะและอุจจาระในเวลาเดียวกัน
* แพทย์...คนที่ล้างมือก่อนผายลม
* นักวิทยาศาสตร์...คนที่สามารถวิเคราะห์ได้หลังจากสูดกลิ่นผายลมเข้าไปว่า
อาหารก่อนหน้านั้นประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์
* ผู้ดี...คนที่กลั้นผายลมไว้หลายชั่วโมงจนท้องอืดเพื่อเก็บไว้กลับไปผายลมที่บ้านถ้าจะมีคำต่อว่าหรือคำตำหนิ ใดๆ ขอยกให้เพื่อนที่ Forward ข้อมูลทั้งหมดมาให้ผม นานมาแล้ว ขอยืนยันว่าผมไม่ได้คิดเอง ถ้าชอบใจและรู้สึกขอบคุณ ผมขอรับเองครับ
"* นักวิทยาศาสตร์...คนที่สามารถวิเคราะห์ได้หลังจากสูดกลิ่นผายลมเข้าไปว่า อาหารก่อนหน้านั้นประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์" ชอบอันนี้ของอาจารย์จังเลยครับ
มานี่จะบอกว่าไม่สาระเลย แต่ชอบก็คือชอบ และที่มาก็เพราะชอบ...นิ
ถึงว่าไม่มีสาระแต่ก็น่าสนใจ...
* คนสุภาพ...คนที่กล่าวขอโทษก่อนและหลังการผายลมแม้จะอยู่เพียงคนเดียว *
ถ้าคนเรารู้จักกล่าวว่า "ขอโทษ" โลกเราจะน่าอยู่มายขึ้นนะครับ