ตอนนี้ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำลังจะถึงรอบสุดท้ายของการออกนอกระบบเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย(รุ่นที่3 วันที่6มี.ค.2552) โดยไม่ต้องประเมินความรู้ความสามารถ
ผู้ที่ออกในรุ่นที่1(4ก.ค.2551)และรุ่นที่2(2ต.ค.51) ส่วนมากจะเป็นผู้ที่รับราชการมานาน และเหลืออายุราชการไม่มาก จึงตัดสินใจออกเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย โดยไม่ต่อกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการหรือที่เรียกสั้นๆว่า กบข.และขอรับเงินบำนาญตลอดจนรับเงินบำเน็จดำรงชีพเลย และหลังจากนั้นก็ใช้สิทธิของข้าราชการบำนาญในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลและอื่นๆ โดยไม่มีปัญหาหรือข้อติดขัดใดๆ
ส่วนพวกที่จะออกรุ่นสุดท้าย (รุ่นที่3 วันที่6มี.ค.2552) ส่วนมากจะเป็นกลุ่มข้าราชการที่อายุราชการไม่มากนัก เงินเดือนก็ยังไม่ตัน จึงมีความต้องการที่จะต่อกองทุน กบข.และยังไม่ขอรับเงินบำนาญ จะไปขอรับเมื่ออายุ 60 ปี ( กฤษฎีกาได้ตีความเมื่อ17ธ.ค.2551ว่าข้าราชการที่ออกเป็นพนักงานที่เป็นสมาชิก กบข.และมีความประสงค์ที่จะเป็นสมาชิก กบข.ต่อแม้จะออกจากราชการแล้ว ให้ถือว่าเป็นข้าราชการบำนาญและมีสิทธิได้รับสวัสดิการจากราชการเช่นเดียวกับผู้ได้รับบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ)
ปัญหาที่รุ่นที่2ที่ออกเป็นพนักงานและขอต่อกองทุน กบข. ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของรุ่นสุดท้ายของ มช.ก็คือถึงแม้ว่ากฤษฎีกาจะตีความว่ามีสิทธิได้รับสวัสดิการเหมือนข้าราชการบำนาญ แต่ในทางปฏิบัติขณะนี้ยังเบิกค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตร และอื่นๆไม่ได้เนื่องจากต้องผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเสียก่อน และที่สำคัญบุคลากร มช.ที่ออกรุ่น2 ต้องสำรองเงินของตนเองจ่ายไปก่อน แล้วเก็บใบเสร็จไว้รอเบิกต่อไป ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ และใบเสร็จถ้าเก็บไว้เกิน1ปีจะนำไปเบิกได้หรือไม่
ถ้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไม่แก้ปัญหาที่เกิดกับรุ่นที่2 (ซึ่งอาจแก้ไขโดย มช.ให้บุคลากรที่ต่อกองทุน กบข. นำใบเสร็จมาเบิกกับทางมหาวิทยาลัยก่อน แล้วมหาวิทยาลัยจะไปเบิกเงินคืนจากรัฐบาลต่อไปเมื่อเรื่องผ่าน ค.ร.ม. และประกาศใช้) รุ่นสุดท้ายที่ตัดสินใจมี2ประเภทคือ
1.ออกเป็นพนักงาน รับบำนาญ รับเงินกองทุน กบข. และเงินบำเน็จดำรงชีพ(เสียดายที่รัฐบาลส่งเสริมการออมของข้าราชการในรูปแบบกองทุน กบข.)
2.ไม่ออกนอกระบบเลย เป็นข้าราชการตลอดไป (เนื่องจากกลัวจะได้รับปัญหาเหมือนอย่างที่รุ่นที่1หรือรุ่นที่2ที่ต่อกองทุน กบข. และไม่รับเงินบำนาญ)
สวัสดีครับคุณโสตฯ ครับ
ตอนนี้อะไร ๆ ก็ไม่ค่อยมีความชัดเจน เงินเดือนใหม่ที่จะได้ก็ยังไม่จบ 1.3 หรือ เท่าไหร่กันแน่ รุ่นแรกที่ออกนอกระบบก็หลายเดือนแล้วยังไม่มีความชัดเจน ส่วนกองทุนมีมหาวิทยาลัยมีความคิดก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
จะเอาอย่างไรกันดีครับ อนาคตที่อยู่บนเส้นด้าย !
ส่วนตัวผม ผมคิดว่าอยู่ระบบเก่าก็ดีนะครับ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้
สวัสดีค่ะ คุณวสุ
กับมุมมองของผู้ที่อยู่คนละสังกัด คงต้องขอเก็บเกี่ยวข้อมูลอีกสักระยะ แล้วจะกลับมาเมนท์ด้วย เนแรงใจให้และขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับท่านวัชรา ทองหยอด
ผมเอาตัวอย่างของตนเองเป็นสิ่งที่แสดงให้ผู้ที่ยังไม่ออกเห็นว่ามีปัญหาที่ใด
เวลาตัดสินใจ คิดให้รอบคอบนะครับ
โชคดีครับ
สวัสดีครับคุณครูแป๋ม
ขอบคุณครับที่มาทักทายและให้กำลังใจครับ
ตามกฤษฎีกา ฟันธงว่า ผู้ที่ลาออกไปเป็นพนักงาน และต่อ กบข. ให้ถือว่าเป็นข้าราชการบำนาญ มีสิทธิได้รับสวัสดิการจากราชการเช่นเดียวกับผุ้ได้รับบำนาญ
http://www.pharmacy.cmu.ac.th/files_office/office1.doc
ตอนนี้ก็เกิดคำถามว่าจะได้รับเมื่อไร
เรื่องนี้จริง ๆ ต้องได้รับทันที
แต่ตอนนี้ส่วนกลาง (กองคลัง) ไม่ทราบว่าดำเนินเรื่องถึงไหน อย่างไร
อยู่ระหว่างติดตามค่ะ ถ้าติดตามเองไม่ได้เรื่อง คงต้อง ขอให้สภาพนักงานฯ ประสานงาน และแจ้งให้บุคลากรทราบต่อไป
น่าจะทันตอนออกรอบ 3 ค่ะ
......
อย่างไรก็ต้องออก
อิอิอิ
ที่เราเห็นรุ่นแรกหลายคนยื่นออกไปเป็นพนักงาน และออกจาก กบข. แล้ว หลายคนเขาออกรถใหม่กัน เห็นที่ทำงานหลายคันแล้ว น่าเป็นห่วงนะคะ รุ่นที่สองเห็นกำลังเซ็นสัญญาลงนามรับเงินบำเหน็จตกทอดหลวงให้มาใช้จ่ายกันก่อนหนึ่งส่วน โอกาสเสี่ยงในการนำเงินในอนาคตมาใช้สูงแบบนี้ คิดให้ดี เกิดคำถามว่าจะสวนทางกับการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไหม
อยูู่ มข ค่ะ กำลังตัดสินใจว่าจะออกนอกระบบค่ะ อยากขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ถ้าเราไม่ออกอยู่ระบบราชการต่อไปจะมีผลอย่างไรกับการบริหารขององค์กรค่ะ
อยากทราบเช่นกันคะ ถ้าคนที่เป็นข้าราชการ ไม่ลาออกจากข้าราชการ เพื่อสมัครเป็นพนักงาน จะส่งผลต่อตัวเขาเองอย่างไรคะ :D