หลายปีมาแล้ว ผมได้เข้าอบรมภาษาอังกฤษแบบ Intensive Course ที่ศูนย์ภาษาของทบวงมหาวิทยาลัย ที่ตั้งอยู่ใน ม.มหิดลข้าง รพ.รามาธิบดี มีเรื่องสนุกและน่าสนใจอยู่หลายเรื่องแต่ขอนำมาบันทึกไว้ตรงนี้สัก 2 เรื่อง ...
เรื่องแรกคือ เงื่อนไขและแรงจูงใจในการฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
จำได้ว่าอาจารย์ฝรั่งที่สอนการเขียนได้มอบงานพิเศษอย่างหนึ่งให้พวกเราคือเขียน "อะไรก็ได้" ส่งทุกวัน ประมาณครึ่งหน้ากระดาษขึ้นไป สำหรับผมแล้วเกิดความ "มัน" มากเพราะมีความรู้สึกว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ ....
1. เขียนถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็น คุณค่า ในสังคมไทยหรือของ ตะวันออก ให้อาจารย์ฝรั่ง ได้เรียนรู้ ซึ่งย่อมมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึง ความเหมือน และ ความต่าง เมื่ออาจารย์ Comment จึงเขียนด้วยความสนุกทุกวัน ไม่เบื่อเลย ลึกๆก็ยังแอบคิดว่าเรานี่แหละจะสอนฝรั่งด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องภาษา
2. เรียนรู้จากความผิดพลาดในการใช้ถ้อยคำ เพราะเมื่อเขียนเรื่องยากโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม ย่อมมีโอกาสสื่อผิดพลาดได้ง่าย และนั่นคือโอกาสสำคัญที่จะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษของเรา
สามเดือนผ่านไป การอบรมสิ้นสุดลง ผมกลับไปทำงานได้ไม่นาน ได้มีจดหมายชมเชยไปยังสถาบันและเขาเอามาติดให้อ่านกันบริเวณเคาน์เตอร์เซ็นชื่อในตอนเช้าด้วย จนมีเพื่อนรุ่นพี่บางคนแซวว่า สงสัยต้องให้ช่วยติวภาษาอังกฤษให้เสียแล้ว ข้อความที่อาจารย์ฝรั่งเขียนไป มีข้อความสำคัญว่าผมเป็น " Outstanding Student " ซึ่งทั้งหมดผมว่าน่าจะเกิดจากการที่ผมได้ "มัน" กับการเขียนโดยที่ไม่มีกรอบนั่นเอง มันอิสระที่จะเป็นตัวเองได้เต็มที่ ไม่มีพันธนาการใดๆ
เรื่องที่สองได้แก่เรื่องการ "ไม่มีศาสนา"
อาจารย์ฝรั่งผู้ชายท่านหนึ่งที่สอนการพูด จะเปิดโอกาสให้พวกเราถาม อะไรก็ได้ เพื่อการพัฒนาทักษะการพูด การฟัง มาถึงตอนหนึ่งมีเพื่อนถามว่าอาจารย์นับถือศาสนาอะไร หลายคนตีหน้างง และแปลกใจเมื่ออาจารย์ตอบว่า ไม่มีศาสนา ส่วนผมนั้นคิดอีกมุมหนึ่งแล้วก็พูดกับอาจารย์ สรุปความเป็นไทยได้ว่า ..
อาจารย์โชคดีนะ ที่มีอิสระ ไม่ต้องตีกรอบขังตัวเอง เพราะเรื่องศาสนา ถ้านับถือด้วยปัญญา
ไม่ศรัทธาด้วยความงมงาย เราสามารถเลือกเก็บเกี่ยวสิ่งดี มีแก่นสาร สาระ จากทุกศาสนาได้
อย่าว่าแต่ศาสดาเลย แม้คำกล่าวของคนไร้ชื่อ มีสถานภาพที่ต่ำต้อยด้อยค่าเพียงใดก็ตาม
ก็อาจเป็นแสงสว่าง นำทางชีวิตได้ ถ้าฟังเป็น คิดเป็น ไม่หลงติดเปลือก ว่าใครเป็นผู้กล่าวเอาไว้...
อาจารย์ยิ้มและชมผมใหญ่เลย ว่าเป็นความเห็นที่ "ถูกต้อง"
ขอบคุณที่คุณ Handy เอามาเล่าสู่กันฟังค่ะ รู้สึกว่านี่จะเป็นวิธีฝึกฝนเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 แบบพวกเรานะคะ เพราะเราเรียนทฤษฎีกันมาเป็นสิบๆปี แต่เราไม่ค่อยได้ฝึกภาคปฎิบัติที่ถูกต้อง
ตอนที่ตัวเองต้องไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่อาจารย์เขาใช้สำหรับประเมินนักเรียนต่างชาติแบบพวกเราทุกชาติค่ะ ว่าเราสามารถเขียนและพูดสิ่งที่เราต้องการสื่อให้เขาเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ก่อนที่เขาจะชี้แจงข้อบกพร่อง และแนะนำการแก้ไข ฝึกฝนเพิ่มเติม
ส่วนเรื่อง "ไม่มีศาสนา" นี่ก็พบได้ไม่น้อยในคน "ออสซี่" แทบทุกเพศทุกวัย (เอาเป็นตั้งแต่สัก 18 ถึง 80 ก็แล้วกันค่ะ จะได้ถูกต้องหน่อย) ที่ได้พบเจอในช่วง 6 ปีที่อยู่ที่โน่นนะคะ จึงมีไม่น้อยเหมือนกันที่เมื่อได้มาเรียนรู้ศาสนาพุทธแล้ว ก็ "ถูกจริต" กันไปกับ "ความจริง" ของธรรมของพระพุทธองค์
เรื่องประสบการณ์จากการใช้ผงกาแฟบดหรือ ผงใบชาที่ใช้แล้ว นามาปลูกต้นไม้ได้ ทำให้ต้นไม้ได้สารอาหารเพิ่มสังเกตจากต้นไม้โตเร็ว งาม มีผลดก ทั้งนี้ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้เป็นอย่างดี
มีประสบการณ์ มาฝากน้ำผงซักฟอกที่ใช้แล้วสามารถนำไปกำจัดต้นขี้แรดได้โดยนำไปรดบริเวณต้นให้ทั่ว ทิ้งไว้ 3-5 วันก็จะสังเกตเห็นได้ว่า ต้นขี้แรดแห้ง ตายไปในที่สุด โดยไม่ต้องใช้ยาหรือสารเคมีที่มีราคาแพงเลย ขอบอกค่ะ ไม่ลองไม่รู้นะ
เป็นแนวความคิดที่ดีมากค่ะ
ต่อจากนี้จะเขียน diary
ทุกวัน เพราะมันก็มีส่วนคล้ายกับ
แนวทางเบื้องต้น
ชื่นชมพี่ชายมานานแล้ว ทุกวันนี้ กลับมีมากขึ้นๆๆๆๆค่ะ
คิดถึงพียเสมอค่ะ