I have learned....(4)


มา มะ มาอ่าน มาคิดกันต่อ...

ยังไม่หมดนะคะ ตอน 4 เข้าไปแล้ว มาเรียนรู้กับเขาต่อกันเถอะค่ะ

I have learned that maturity has more to do with what types of experiences you've had and what you've learned from them and less to do with how many birthdays you've celebrated. ฉันได้เรียนรู้ว่าความเป็นผู้ใหญ่มาจากประสบการณ์ที่เราได้พบและการเรียนรู้ที่เราได้จากมันมากกว่ามาจากจำนวนวันเกิดที่เราฉลอง
เพราะเราได้เห็นคนอายุน้อยๆมากมายที่คิดอะไรๆได้ดีกว่าคนสูงวัยบางคน

I have learned that you should never tell a child their dreams are unlikely or outlandish. Few things are more humiliating, and what a tragedy it would be if they believed it. ฉันได้เรียนรู้ว่า เราไม่ควรบอกเด็กคนไหนว่าความฝันของเขาไม่น่าจะเป็นไปได้หรือแปลกประหลาด มีอะไรอีกไม่น้อยที่น่าขายหน้ากว่า เพราะถ้าเขาเชื่อก็จะเป็นเรื่องเศร้าทีเดียว
ความฝันสร้างอะไรๆใหม่ๆที่เรานึกไม่ถึงให้โลกเรามาแล้วมากมาย

I have learned that your family won't always be there for you. It may seem funny, but people you aren't related to can take care of you and love you and teach you to trust people again. Families aren't biological. ฉันได้เรียนรู้ว่าญาติพี่น้องไม่ได้อยู่ข้างเราเสมอไปหรอก อาจจะดูน่าขัน แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราก็สามารถดูแล รักและสอนให้เราเชื่อมั่นในผู้คนได้อีกครั้ง ญาติพี่น้องไม่จำเป็นต้องเป็นด้วยสายเลือดเท่านั้น
อันนี้คงต้องเจอด้วยตัวเอง ถึงจะเข้าใจ

I have learned that no matter how good a friend is, they're going to hurt you every once in a while and you must forgive them for that. ฉันได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่แสนดีเพียงใด ก็ต้องเคยทำให้เราเจ็บช้ำบ้างและเราต้องให้อภัยต่อเรื่องแบบนี้
เพราะบางครั้งเราเองก็ยังโกรธตัวเองเลย

I have learned that it isn't always enough to be forgiven by others. Sometimes you have to learn to forgive yourself. ฉันได้เรียนรู้ว่าการยกโทษให้จากผู้อื่นไม่เพียงพอเสมอไป บางครั้งเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะยกโทษให้ตัวเองด้วย
นี่ไง เราเลยต้องให้อภัยตัวเองเป็นด้วย

I have learned that no matter how bad your heart is broken the world doesn't stop for your grief. ฉันได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าเราจะอกหักเจ็บช้ำหนักขนาดไหน โลกก็ไม่ได้หยุดให้กับความเศร้าของเราเลย
เพราะฉะนั้น เราต้องฟื้นให้เร็วที่สุด

I have learned that our background and circumstances may have influenced who we are, but we are responsible for who we become. ฉันได้เรียนรู้ว่าภูมิหลังและสถานการณ์อาจมีอิทธิพลต่อความเป็นตัวเรา แต่เราเท่านั้นที่รับผิดชอบว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรต่อไป
ต้องมีสติ ตื่นรู้ว่าควรจะดำเนินชีวิตตนเองอย่างไรต่อไปนั่นเอง

I have learned that sometimes when my friends fight, I'm forced to choose sides even when I don't want to. ฉันได้เรียนรู้ว่าบางครั้งเมื่อเพื่อนลุกขึ้นต่อสู้ ตัวเราก็ต้องเลือกฝ่ายทั้งที่อาจไม่ต้องการเลย
ในโลกแห่งความเป็นจริงนั่นเอง

I have learned that just because two people argue, it doesn't mean they don't love each other. And just because they don't argue, it doesn't mean they do. ฉันได้เรียนรู้ว่าเพียงเพราะคนสองคนถกเถียงกัน ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่รักกัน และการที่คนสองคนไม่ทะเลาะกันก็ไม่ได้หมายความว่าเขารักกัน
ไม่มองอะไรเพียงผิวเผินนั่นเอง

I have learned that sometimes you have to put the individual ahead of their actions. ฉันได้เรียนรู้ว่าบางครั้งเราก็ต้องมองคนแยกจากการกระทำของเขา
เข้าใจถูกไหมนี่..

I have learned that we don't have to change friends if we understand that friends change. ฉันได้เรียนรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อนถ้าเราเข้าใจว่าเพื่อนเปลี่ยนไปได้
อันนี้คงต้องเรียนรู้กันด้วยตัวเอง...

I have learned that you shouldn't be so eager to find out a secret. It could change your life forever. ฉันได้เรียนรู้ว่าเราไม่ควรจะกระตือรือล้นอยากรู้ความลับ เพราะหากรู้แล้วมันอาจเปลี่ยนผันชีวิตของเราไปเลยก็ได้

ยังมีเหลือให้เรียนรู้กันอีกตอน พรุ่งนี้ค่ะ ใครอยากเก็บอะไรไปก็เชิญได้ตามอัธยาศัยนะคะ ถ้าคิดว่าคำแปลไม่ถูกยังไงก็ลปรร.กันได้ หรือมีประเด็นอะไรเอาไปเขียนต่อก็จะทำให้คนเขียนมีความสุขค่ะ

หมายเลขบันทึก: 23872เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2006 23:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:43 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ถูกคะ...ถูกใจ..*^__^*

แอบเอาไปแล้วนะคะ...

"I have learned that just because two people argue, it doesn't mean they don't love each other. And just because they don't argue, it doesn't mean they do. ฉันได้เรียนรู้ว่าเพียงเพราะคนสองคนถกเถียงกัน ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่รักกัน และการที่คนสองคนไม่ทะเลาะกันก็ไม่ได้หมายความว่าเขารักกัน"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท