เมื่อวันพุธประชุมคณะทำงานกันเหนื่อยครับ มีการตีโจทย์มากมาย สรุปก็คือต้องพยายามทำงานส่วนที่จะเชื่อมกับเด็กให้มีความเป็น indy มากหน่อย ต้องเปิดและจัดการพื้นที่ ส่วนเยาวชนจะช่วยกันดึงดูดและจัดการเรื่องการแสดงออกได้ แต่เนื่องจากวันที่ 27 มีงานของวันเสาร์เยาวชนสร้างสรรค์นั้นหมอบัณฑิตคงต้องดำเนินการไปก่อน เมื่อเยาวชนแข็งแล้วจึงร่วมกันได้ชัดเจนครับ ส่วนหมอศุภกรก็ให้แนวคิดไว้ว่าเราควรจะขับเคลื่อนพลักดันให้เกิดวาระการรวมตัวของภาคี เยาวชน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆในการตั้ง 'วาระ' ในระดับพื้นที่ต่าง สสส. จับงานเชื่อมโยงและเสริมในจุดที่แต่ละกลุ่มทำไม่ได้ครับ แล้วดันให้เกิดขึ้นทั่วประเทศเริ่มจากพื้นที่ภาคีก่อนครับ แล้วค่อยขยายไป d-day วันเด็กปีหน้า จะทำเรื่องนี้ได้จะต้องมีระบบข้อมูลที่ดีทั้งในการเลือกพื้นที่ และการสนับสนุนการจัดการให้เชื่อมโยงกันในทุกจุดครับ ที่เหลือเป็น note การประชุมครับ
มิติบูรณาการวาระหลัก (หมอกฤษดา)
• กิจกรรม
ถนนเด็กเดิน-วันเสาร์เยาวชนสร้างสรรค์
– เกิดพื้นที่ดีๆให้แก่เด็กอย่างต่อเนื่อง (เปิดพื้นที่สาธารณะ)
• 1
กทม.
• 15
ต่างจังหวัด
•
ข้อมูล
•
สื่อสาร
•
นโยบาย
ประเด็นยุทธศาสตร์หมอยงยุทธ
•
ทีวีเพื่อเด็ก
•
พื้นที่สร้างสรรค์
•
สภานักเรียน
•
สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
มุมคนรุ่นใหม่
•
ที่ต้องการที่สุดคือพื้นที่! ไม่มีเจ้าภาพ
ไม่มีทิศทาง
–
ต้องการการยอมรับไม่ว่าจะถูกหรือผิดทาง
•
ไม่ใช่เป็นการประกวด เป็นคนดีไม่ต้องมีที่หนึ่ง
•
เปิดพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
•
รูปธรรมเช่น
– การปิดถนน
แต่ต้องระวังกระบวนการแทรกแซง ต้องมีการจัดการพื้นที่ให้ดี
– ตัวอย่าง
• Indy
book fair
• Bangkok play
• Jazz
festival
• TADC
•
มหกรรมความสุข
•
ทำอย่างไรให้มีเจ้าภาพ และทำอย่างไรให้ยั่งยืน
• เมื่อมี
ต้นแบบ + พื้นที่เรียนรู้ = เกิดเครือข่ายที่จัดการตัวเองแบบเด็กแนว
•
เปิดพื้นที่ให้มีส่วนร่วม ไม่ใช่เปิดที่ได้เดินเที่ยว
ไม่ใช่จตุจักร
•
พื้นที่ต้องเป็นพื้นที่เหมาะกับ free / niche / indy
culture
•
ต้องการให้ถอดบทเรียนเพื่อขยายผลได้ในจังหวัดอื่นๆ
•
ประเด็นคือการเปิดพื้นที่เปิดโอกาส
ประสบการณ์จริง
• ปิดถนน
ร่วมกับกระทรวงศึกษา
•
4 อาทิตย์ สามแสน จัดอย่างไร?
•
ดึงเด็กมาประกวดดนตรี เด็กสนใจจนจัดตารางไม่ทัน พวกค่ายเทป
indy ก็จะมาวนเวียนใกล้ๆ
•
มีพื้นที่ซึ่งเหมาะสม à มีคนมาเอง ?
•
Theme วัยรุ่น แนวแปลกๆ เช่นสอนทำปลาตะเพียน
ซึ่งสามารถก่อตัวเป็นสานร้อยแปดจนมะพร้าวไม่พอ
•
กลุ่มศิลปะได้มาตั้งพื้นที่นั่งวาดรูปเหมือน มี jagging
•
ประเด็นคืออำนวยความสะดวกให้เกิดพื้นที่
•
กระบวนการแลกเปลี่ยนระหว่างเวทีกับผู้เรียนรู้
ย่อมมีประโยชน์กว่าการแสดงแต่อย่างเดียว
แนวหลักๆ
•
พื้นที่กลาง
•
สาธิต
•
มีส่วนร่วม
หมอยงยุทธ
•
อยากปล่อยของก็ต้องมีคนอยากเอาของ
•
สำคัญอยู่ที่ให้มีเด็กเริ่มทำของ มาเป็นกลุ่ม
•
กระตุ้นให้กลุ่มที่มาดู นำไปสู่การอยากทำ
•
กระทรวงศึกษาไม่มีทางเปลี่ยนวิธีคิดที่จะสร้าง creative space ในโรงเรียน จึงต้องใช้ยุทธศาสตร์แบบ
outside-in จึงจะได้ผล
•
ต้องดันให้กลุ่มทำของกลับไปสู่การตั้งชมรม/กลุ่มที่ยั่งยืนในโรงเรียน มหาวิทยาลัย
และกลุ่มเพื่อนฝูงได้
•
ถนนคนเดินวัดความสำเร็จที่คนที่กลับไปทำของมากขึ้น
ไม่ใช่แค่จำนวนคนมาดู
•
อย่าให้เด็กมาเป็นแค่ไม้ประดับ
หมอบัณฑิต
•
Zone 4 ซึ่ง organizer
เสนอมานั้น open อยู่แล้วนี่ น่าจะ
blend กันได้หรือไม่
•
น่าจะสวมกัน 3 ทางเป็นไปได้ดังนี้
– เปิดพื้นที่
open ส่วนหนึ่ง
– จัดเวทีคู่ขนาน
– Total switch
หมอศุภกร
•
วาระตั้งเพื่อหาจุดร่วมที่จะทำให้เกิดความแรงสุดๆในช่วงแต่ละปี
•
เมื่อเริ่มต้นด้วยข้อจำกัดแล้ว
– ถ้าใหม่ไปเลย ก็อาจจะง่าย
แต่เหนื่อยเพราะไม่มี leverage and vice
versa
•
โจทย์อยู่ที่การต่อเชื่อมสามกลุ่ม (multi-stakeholder
partnership?)
– ภาคี
– เยาวชน
ดึงเป็นพระเอก/นางเอกให้ได้ เป็น actor
– อื่นๆ เช่นผู้บริหารท้องถิ่น
สื่อมวลชน
•
ต้องหาจุดนัดพบให้เจอไม่ว่าจะเป็น
–
สถานที่เช่นของหมอบัณฑิต
– ในระดับจังหวัด
– ตั้งเป้าว่าจะมาทำอะไร
แนวไหน อย่างไร
–
ฝ่ายสารสนเทศต้องช่วยว่าจะเชื่อมโยงอย่างไรกับใคร ผู้ว่า รัฐมนตรี
เด็ก ฯลฯ
–
อาจไม่จำเป็นต้องคิดรวบรัดมากเกินไปแต่ต้น
จะได้เปิดมากพอที่จะรับความต้องการจริงได้
– ทำเหมือน mob
โดยมีเราเป็นเจ้าภาพและจัดกระบวนการให้คนอื่นมีบทบาทในกิจกรรมนั้นๆ
เป้าหมายคือพลักให้เกิด “วาระ”
และ “กลุ่มทำงาน”
ในพื้นที่เล็กนั้นๆ แล้ว สสส. ค่อย
position เป็น supporter ในส่วนที่เขาดิ้นรนเองไม่ได้
เช่นนโยบายและสื่อ คล้ายกระบวนการสำนักงานปฏิรูปฯ
เดินไปเรื่อยๆจนถึงจุดนัดพบระดับชาติในวันเด็ก
•
ถนนเด็กเดิน custom made > 15
แบบ
•
เชิญทีมไปช่วยคิดตอนทำระดับจังหวัด
•
เน้นวัยรุ่นอย่างเดียวหรือเปล่า?
ปกติเด็กน้อยก็ไม่มีพื้นที่จะเล่นแล้ว
ต้องดึงพื้นที่เรียนรู้เด็กน้อยกลับมาบ้าง
กลุ่มเป้าหมายควรจะหลากหลาย?
•
ถนนเด็กเดินมีเป้าหมายมากกว่าพื้นที่แสดงศักยภาพ ไม่ใช่แค่
show zone! อะไรที่ดีก็ควรมีอยู่แม้จะไม่
popular
•
จับปูสามกระด้งมากเจอกันให้ได้ ต้องจัดการเรื่องข้อมูลให้ดีก่อน
ว่าสรุปแล้วภาคีออกันอยู่ตรงไหน
เริ่มจากพื้นที่ประเภทนั้นก่อนอาจจะไม่ยากนักในการดำเนินการ
ในกทม. อาจต้องบริหารจัดการข้อมูลอีกลักษณะหนึ่งหรือไม่
แล้วใช้ภาคีเป็น outreach
ในประเด็นต่างๆ
•
จัดเรื่องจังหวะเวลาให้เกิด momentum
ไปเรื่อยๆจนถึงระยะที่ปักธงได้เช่นวันเด็กในเชิงประเด็นที่สำคัญ
•
ตัวบ่งชี้ที่ขับเคลื่อนงานจังหวัด คือการ survey ความรู้สึกของเด็กในเรื่องต่างๆ เช่นความปลอดภัย
การเรียนรู้ ความมีส่วนร่วม สภาพแวดล้อมในชีวิต
ปรับปรุงกรอบผลลัพธ์
•
มีการประชุมที่มวกเหล็กออกมาเป็นกรอบดังในเอกสาร
•
การชี้วัดทำได้สองระดับ คือภาพใหญ่และระดับกิจกรรม/โครงการ
ซึ่งต้องไปทำอีกทีเพื่อติดตามว่ากิจกรรมบรรลุประสิทธิผลจริงหรือไม่
เชื่อมโยงไปสู่กรอบใหญ่เพียงใด
•
โครงการส่วนใหญ่มักจะคาดในเรื่องของเกณฑ์ประเมิน ซึ่งต้องมีมิติ
หัวข้อ และเกณฑ์วัดผล
•
ตัวชี้วัดต้องคิดเงียบๆลึกซึ้ง J
•
เรากำลังทำเรื่องกระบวนการเรียนรู้ทางสังคม
ผลสำคัญประเมินด้านพฤติกรรมการเรียนรู้ และต้อง realistic สะท้อนความเป็นไปได้ในช่วง 6-8 เดือนในทั้งสามกลุ่มคือคนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ
(เด็ก +
ภาคี) และสังคมที่กว้างออกไป
•
ยากที่จะวัดไปไกลว่ากระบวนการเรียนรู้
เพราะประเด็นอื่นๆอาจจะเกิดอีกหลายซิ่ง
•
ต้องจัดการข้อมูลก่อนจึงจะจัดการได้ ต้องรู้ว่าจะดึงใครเข้ามา
เพื่อให้มีข้อมูลจริงที่นำไปสู่การตัดสินใจได้จริงบนฐานภาคีเดิมที่มีอยู่จริง
ไม่มีความเห็น