ปากเป็นเหตุ(แท้ๆ)


เมื่อวันเสาร์ที่ 8 เมย.ที่ผ่านมา ผมก็ได้แวะไปหาคนรู้จักแถวๆที่เขาเรียกว่าตลาดเก่าในยะลา เป็นร้านตัดผม คนที่ผมรู้จักคุ้นเคยเขาชื่อแบกรี เขาเป็นช่างตัดผมฝีมือเยี่ยมคนหนึ่ง ก็กำลังนั่งคุยกันอยู่ แบกรีก็บอกกับผมว่า "เฮ้ย มีคนจะขายรถมอเตอร์ไซด์อยู่คันหนึ่ง ใกล้ๆนี้เอง ขายถูกด้วยแค่ 3000 บาทเอง" ผมเองก็ไม่ได้อยากได้มอเตอร์ไซด์สักเท่าไหร่หรอก แค่อยากจะรู้ว่าเงิน 3000 พันบาทนี่มันจะได้มอเตอร์ไซด์สภาพไหนกัน พอผมไปดูก็มีคนที่กำลังจะซื้ออยู่แล้วก่อนหน้าผม เขาก็ลังเลว่าจะเอาหรือไม่เอาดี แต่ผมนี่เห็นชัดๆกับตาเลยว่ามันถูกแบบเหลือเชื่อ มันเป็นรถที่เจ้าของเป็นคนดูแลได้ดีมาก และผมก็ได้รู้จักกับแก แกชื่อแบเลาะ จริงๆไม่น่าเรียกแบแล้วแหละ เพราะแกน่าจะเป็นรุ่นลุงหรือปู่ผมแล้ว แกเป็นคนที่อัธยาศรัยดีมากๆคุยสนุก เป็นคนที่คุยแล้วผมรู้สึกว่าเหมือนแกไม่มีความทุกข์ แกคุยไปยิ้มไปหัวเราะไปสนุกมาก แล้วผมก็หันไปเจอรถมอเตอร์ไซด์อีกคันมันสดุดตามากมันเป็นรถน่าจะอายุประมาณไม่ต่ำกว่า 20 ปีแน่นอน แต่สภาพถูกดูแลและซ่อมแซมอย่างดี ไอ้ผมก็ปากไว ก็เลยถามแกว่า "คันนี้ขายไม๊แบเลาะ" แกหัวเราะแหะๆ แล้วก็ตอบว่า "ลูกแกซื้อมาซ่อมไปเกือบ 15000 บาทแล้ว จะเอาเหรอ" ผมก็เลยปากไวตามเคย ต่อแกไปอีกว่า "10000 บาทได้ไม๊" ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าแกจะให้ แกเงียบไปนานแล้วแกก็โทรคุยกับลูกของแกที่อยู่นครฯ หรือกรุงเทพฯ นี่แหละตั้งนาน เสร็จแล้วแกก็บอกผมว่า "12000 บาทได้ไม๊ เพราะขาดทุนมาก" ผมเองก็ไม่ได้ต้องการมันเท่าไหร่ ก็ยิ้มๆแล้วคิดในใจว่าแกคงไม่ให้อยู่แล้ว ผมก็เลยย้ำไปอีกทีว่า "10000 บาทนั้นแหละ ถ้าให้ก็เอา" แหนะยังไม่เลิกอีกนะผมนี่ สุดท้ายแกก็โทรไปย้ำกับลูกแกอีกครั้ง คราวนี้ได้คำตอบที่ผมต้องจนมุมเลยคือ ถ้า 10000 บาทต้องเอาภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้นะ เพราะจะไปกรุงเทพฯวันจันทร์นี้นะ" ผมก็เลยผงะไปนิดนึงแล้วก็ตั้งสติใหม่ว่า "โอเค รอดูพรุ่งนี้นะแล้วผมจะให้คำตอบอีกที" แล้วผมก็เดินออกมาจากบ้านแกพร้อมแบกรี

ผมก็ไปนั่งเล่นที่ร้านตัดผมกับแบกรี แบเลาะแกก็ตามออกมาจากบ้านมานั่งคยกับผมต่อ ผมรู้สึกว่าแกเป็นคนคุยสนุกแต่ ความรู้สึกที่จับได้ในตัวแกคือเป็นคนที่ค่อนข้างว้าเหว่เพราะลูกๆต่างไปอยู่ที่อื่นกันหมด คราวนี้ผมก็เลยตั้งประเด็นกับแกว่า "แบเลาะจะขายมอเตอร์ไซด์ทำไม ตั้งสองคัน ราคาก็ถูกขาดทุนด้วย" แกก็ตอบหัวเราะแหะๆตามประสาแกอีกว่า "มอเตอร์ไซด์คันละ 3000 บาท จะเอาเงินไปเปลี่ยนยางรถยนต์ล้อหน้า เพื่อขับไปกรุงเทพฯ" ผมย้ำกับแกว่า "แบเลาะจะขับรถไปเองเหรอ แล้วจะเอาคันไหนไป" แกตอบผมว่า "ใช่ ก็รถคันสีขาวที่เห็นอยู่นั้นไง" ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะเห็นแล้วว่ารถคันขาวก็อายุอานามน่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ปีเช่นกัน แถมยังทำสีตัวถังใหม่เหมือนฉาบด้วยปูนซีเมนต์ตราช้าง มันหนามากๆๆ แล้วผมจะถามแกต่อไปว่า "แบเลาะจะไปกรุงเทพฯทำไมเหรอ ก็บ้านอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ" แกตอบผมพร้อมหัวเราะอีก "อันแรกคือจะไปเฝ้าภรรยาที่นอนผ่าตัดก้อนเนื้อที่หน้าอกอยู่ที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ แล้วอีกข้อนึงก็คือจะไปช่วยลูกสร้างบ้านที่กรุงเทพฯ คงจะไปหลายเดือนจนกว่าบ้านจะเสร็จ" แล้วแกก็เสริมว่า "เงินอีก 10000 บาท ที่จะขายรถอีกคันนึงจะส่งให้ลูกไป ดาว์นรถตู้ประมาณ 700000 บาท" สุดท้ายคุยไปคุยมาแบกรีก็บอกว่าตอนนี้ในบ้านมีอะไรแกจับขายหมด เพราะไม่มีเงินขึ้นกรุงเทพฯ อ้อ ผมลืมบอกไปแกมีอาชีพขายขนมครก พอภรรยาแกป่วย แกก็หมดอาชีพ

จากที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ มันเหมือนเรื่องทั่วๆไปที่ไม่น่าจะมีสาระอะไรเลยนะครับ เสียเวลาคนที่อุตส่าห์อ่าน แต่ว่า

- ผมตัดสินใจซื้อรถคันละ 10000 บาท ของแก ทั้งๆที่เงินก็ไม่มีเท่าไหร่ แต่ผมรู้ว่าสำหรับแกมันสำคัญมาก มันไม่ใช่เพราะว่าผมอยากให้แกส่งไปให้ลูกแกดาว์นรถตู้หรอก แต่ผมเห็นความรักของพ่อคนหนึ่งที่มีต่อลูก ที่กระสับกระส่ายต้องการหาเงินให้ลูกให้ได้ แม้ตัวเองจะเหลือเงินไม่กี่บาทขับรถเก่าๆคันนึงขึ้นกรุงเทพฯ (มันน่ายกย่องให้เป็นลูกดีเด่นเนอะ)

- ผมเห็นพ่อคนหนึ่งที่ต้องการขับรถเก่าๆคันหนึ่ง ไปช่วยลูก สร้างบ้านที่กรุงเทพฯให้เสร็จ ทั้งๆที่แกน่าจะได้ไปในฐานะพ่อที่ได้ไปพักผ่อนเยี่ยมลูกหลานที่กรุงเทพฯ

- ผมเห็นสามีคนหนึ่งที่ต้องการขับรถเก่าๆคันหนึ่ง ไปดูแลภรรยาที่ต้องผ่าตัดอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งๆที่ลูกก็อยู่กรุงเทพฯ ควรจะส่งเงินค่ารถมาให้แกนั่งรถไปอย่าง สบายๆ เพื่อไปดูแลแม่ของพวกเขา

- แล้วผู้อ่านทั้งหลายเห็นอะไรต่างจากผมไม๊

เอกภักดิ์ มีชัย

10 เม.ย.49

18.19 น.

 

หมายเลขบันทึก: 23423เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2006 18:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

     อ่านแล้วขนลุก งั้นแสดงว่าสังคม! ของพวกเราเปลี่ยนไปแล้ว ความเห็นแก่ตัวของบุคคลมันมีมากกว่าเห็นแด่คนใกล้ตัว คุณธรรมของคนสมัยนี้มันหายไปหมดแล้ว นี้แหละน่า....ที่เขาว่ากันว่า วัตถุเจริญ จิตใจคนเราไม่ได้เจริญตามวัตถุ............................

    น้ำฝนที่หล่นค้างบนใบบัวใบบอน หากเราไม่คิดถึงการเปรียบเทียบในสำนวนไทย มันก็เป็นเพียงภาพของปรากฏการณ์ของธรรมชาติ ที่ดูแล้วทำให้จิตใจแจ่มใส สดชื่นเมื่อยามพบเห็น หากเมื่อมีการเปรียบเทียบใจคน เป็นดั่งน้ำบนใบบัวใบบอนที่กลอกกลิ้งความหมายนั้นก็คงไม่น่าดูชมเหมือนธรรมชาติที่ได้สร้างสิ่งที่สวยงามขึ้นมา ธรรมชาติก็รู้จักสรรสร้างให้ คน ได้เปรียบเทียบ ..! ใจคนนั้นไซร้ ยากแท้หยั่งถึงจริง ๆ ..    . .  .

อ่านแล้วรู้สึกดี น่ารักมากเป็นความรักที่บริสุทธ์ ขอดุอาร์ให้อัลลอฮคุ้มครองหายไว ๆ

อ่านแล้วซึ่งมาก รู้สึกว่าอาจารย์มีความเมตตามากต่อแบเลาะ หนูเห็นด้วยที่อาจารย์ทำแบบนี้

ขอชมว่าอาจารย์ใจดีมากๆ

ชอบเนื้อหาอาจารย์มาก รู้สึกว่าซึ้งดี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท