สอนภาษาอังกฤษให้สนุก: ด้วยกิจกรรม English Camp
บทนำ
จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (
ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 มาตรา 24
การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้
1.จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
2.ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ
การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
3.จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น
รักการอ่านและเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
4.จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานความรู้ด้านต่างๆอย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน
รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม
ค่านิยมที่ดีงามและลักษณะที่พึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา
5.ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ
สภาพแวดล้อม สื่อการเรียนและอำนวยความสะดวก
เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
ทั้งนี้ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกัน
จากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่างๆ
6.จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่
มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา
ผู้ปกครองและบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย
เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
จากเอกสาร "
ปฏิรูปการเรียนรู้ผู้เรียนสำคัญที่สุด " กล่าวว่า
ผู้เรียนในยุคโลกาภิวัตน์จะต้องมีความสามารถในการใช้ภาษาได้มากกว่า 1
ภาษา คือต้องรู้และใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้องคล่องแคล่ว
และใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อสื่อสารกับสากลได้ด้วย" (
คณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้ 2543 : 5 ) เกรียงศักดิ์
เจริญวงศักดิ์ ( 2543 : 127 ) กล่าวว่า
การศึกษาของไทยสร้างขีดความสามารถต่ำทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ
ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาและระดับปริญญาตรี
ส่วนใหญ๋ไม่สามารถเขียนเรียงความภาษาไทยให้ได้ดีและส่วนใหญ่จะขาดความสามารถทั้งสื่อสารข้อความภาษาอังกฤษและเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ
สถานการณ์การใช้ภาษาอังกฤษในปัจจุบันค่อนข้างน่าเป็นห่วง
ในการสำรวจ
" 5 วิชาที่แสนเบื่อ " ในกลุ่มนักเรียนประถมศึกษา 3,768 คน
ทั่วประเทศของดุสิตโพล เมื่อเดือน มกราคม
2543
พบว่า สำหรับนักเรียนหญิงเบื่อภาษาอังกฤษเป็นอันดับ 1
( 29.90 % ) สำหรับนักเรียนชายเบื่อภาษาอังกฤษเป็นอันดับ 5 ( 14.63 %
)
จากปัญหาดังกล่าวข้างต้น
ผู้เขียนมีความเห็นว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์
ไม่มีวิธีสอนใดดีที่สุด
ครูผู้สอนต้องเลือกวิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน(
Individual different )
กิจกรรมภาษาอังกฤษผู้เรียนจะต้องได้รับการฝึกครบในทักษะการฟัง พูด
อ่านและเขียน
จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนรู้สึกว่าสนุกไม่ได้ถูกบังคับให้เรียน
ผู้เขียนได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิ Greenway
International Work Camp
ส่งอาสาสมัครซึ่งเป็นวิทยากรชาวต่างประเทศมาช่วยจัดกิจกรรม English
Camp ระยะเวลา 2 วัน
โดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ
ผู้เขียนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมดังนี้
1.
สำรวจความต้องการของผู้เรียนก่อนว่าต้องการกิจกรรมแบบใด
การสำรวจความต้องการของผู้เรียนจะทำให้ทราบว่าผู้เรียนต้องการกิจกรรมใด
อาจใช้แบบสำรวจชนิดที่ให้เลือกตอบหรือแบบสำรวจชนิดที่ให้เขียนตอบก็ได้
การสำรวจความต้องการของผู้เรียนจะทำให้ครูผู้จัดกิจกรรม English
Camp จัดกิจกรรมได้เหมาะสม และสอดคล้องกับความสนใจ(
Interests )และความต้องการ ( Needs )ของผู้เรียน
2.
วางแผนการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของผู้เรียน
การวางแผนการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของผู้เรียนเป็นสิ่งที่สำคัญ
ผู้เขียนได้วางแผนการจัดกิจกรรมร่วมกับวิทยากรชาวต่างประเทศ
โดยได้ออกแบบตารางการจัดกิจกรรม เตรียมสื่อ รูปภาพ
อุปกรณ์ต่างๆให้แก่ผู้เรียน
การวางแผนการจัดกิจกรรมจะทำให้ทราบว่าจะสอนอะไร สอนอย่างไร
ใช้สื่อการสอนชนิดไหน และสอนแล้วผู้เรียนได้ความรู้อะไร
3.ผู้เรียนทำแบบประเมินก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
การให้ผู้เรียนทำแบบประเมินก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
English Camp เพื่อดูว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรมผู้เรียน มีความรู้
มีแรงจูงใจ( Motivation )ในกิจกรรมต่างๆอยู่ในระดับใด
หลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมผู้เรียนจะได้ทำแบบประเมินอีกครั้งเพื่อดูว่ามีความรู้
มีแรงจูงใจหรือมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
4.ดำเนินการจัดกิจกรรมตามตาราง
การจัดกิจกรรมต้องให้ผู้เรียนเกิดความสนุก ( Learning
is funning ) ได้เรียนรู้ทั้งทางด้านการฟัง
การพูด การอ่าน และการเขียน เช่น
กิจกรรมเพื่อละลายพฤติกรรมผู้เรียน ( Ice breaking ) เช่น
Birds in the nest
ผู้สอนให้ผู้เรียนจับมือเป็นคู่
มีเพื่อนอยู่ระหว่างผู้เรียนคู่นั้น เรียกว่า One birds in the
nest. ( นก 1 ตัวอยู่ในรัง 1 รัง )
หลังจากนั้นก็ให้ผู้เรียนทำเป็นวงกลม เต้น
หรือทำท่าทางประกอบเพลง เมื่อได้ยินเสียง
นกหวีดที่ผู้สอนเป่าก็หยุดและฟังว่า ผู้สอนสั่งอะไร เช่น
สั่งว่า Two birds in the nest. ( นก 2 ตัว ในรัง 1 รัง )
ทุกๆคนรีบหาคู่และหาเพื่อนที่อยู่ระหว่างมือ ( นก 2 ตัวในรัง 1 รัง
) เมื่อได้แล้วก็นั่งลง
กิจกรรมนี้ระหว่างที่นั่งลงอาจให้ถามชื่อเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษก็ได้
ถ้าผู้เรียนคนไหนหาคู่หรือรังไม่ได้ก็จะต้องออกมาเป็นผู้ออกคำสั่งต่อไป
กิจกรรมนี้ผู้เรียนจะได้ฝึกการฟังและการพูด
ส่วนกิจกรรมการอ่านเช่นกิจกรรม Treasure hunt
ให้ผู้เรียนอ่านใบงานจากผู้สอนแล้วค้นหาสิ่งของที่ถูกซ่อนไว้
ตามจุดต่างๆ กลุ่มไหนหาได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ กิจกรรมการเขียนเช่น
Design a poster. ผู้เรียนจะได้ออกแบบโปสเตอร์
เขียนอธิบายโปสเตอร์
นอกจากนี้ยังสามารถบูรณาการ( Integration )
ภาษาอังกฤษเข้ากับวิชาศิลปะตามหลักสูตรสาระการเรียนรู้เช่นให้ผู้เรียนถักกำไลข้อมือ
( Bracelet Making ) ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังบูรณาการ (
Integration)
เข้ากับวิชาพลศึกษาโดยใช้กิจกรรมการเล่นกีฬา ( Volleyball or
Basketball ) แล้วให้ผู้เรียนคุยเกี่ยวกับกฎ
หรือกติกาของกีฬาชนิดนั้นๆ ชาวต่างประเทศยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กีฬา
Chair ball กับผู้เรียนคนไทยอีกด้วย
5.ทำแบบประเมินหลังจากเข้าร่วมกิจกรรม
การทำแบบประเมินหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อดูว่าผู้เรียนมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นหรือไม่
ผู้เรียนมีแรงจูงใจในเรื่องใดเพิ่มขึ้น
เรื่องใดมีน้อยจะได้ปรับปรุงแก้ไขกิจกรรมในครั้งต่อไป
นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถเขียนแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ
เพื่อผู้สอนจะได้พัฒนากิจกรรมต่างๆให้ดีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
บทสรุป
การสอนภาษาอังกฤษให้สนุก: ด้วยกิจกรรม English Camp
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้สอนเลย
การจัดกิจกรรมต้องสำรวจความต้องการของผู้เรียนว่าต้องการกิจกรรมแบบใด
หลังจากนั้นผู้สอนก็วางแผนเพื่อจัดตารางกิจกรรม
ผู้เรียนทำแบบประเมินก่อนเข้าร่วมกิจกรรม ดำเนินการจัดกิจกรรมตามตาราง
และสุดท้ายคือการทำแบบประเมินหลังผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรม
ถ้าผู้สอนไม่มีวิทยากรชาวต่างประเทศก็ไม่เป็นอะไร
ผู้สอนอาจขอความร่วมมือจากครู-อาจารย์ในศูนย์ ERIC
ของจังหวัดก็ได้
ผู้สอนปัจจุบันต้องนักจัดการ(Facilitator)
ได้เก่ง อาจารย์ หมอประเวศ วะสี กล่าวว่า "ครูคือเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงาม"
นอกจากนี้อาจารย์เอกวิทย์ ณ ถลาง
ยังกล่าวว่า "
ครูไม่เก่งก็สอนนักเรียนให้เก่งได้นะโว้ย! "
"สอนภาษาอังกฤษให้สนุก : ด้วยกิจกรรม English Camp" วารสารวิชาการปีที่ 6 ฉบับที่ 9 กันยายน 2546
บรรณานุกรม
.
Brown , Douglas . ( 1980
)Affective Factors in Second
Language Learning. The Second
Language Classroom : Direction
for the 1980’s.
ขอบคุณค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วได้รับความรู้มากเลย ใครที่สอนภาษาอังกฤษอยู่คงจะนำไปใช้ได้นะค
และหวังว่าจะได้อ่านบทความเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษว่า เรียนอย่างไรให้จำและนำไปใช้ได้
สุชานาถ บุญเที่ยง Blog กองกลาง มมส.
ขอขอบคุณอาจารย์ขจิต มากค่ะ
พ่อช่อมะกอก...พ่อดอกลำไย
คุณครูเสียงเหน่อ...ได้ยินหนูไหม
ได้ข่าวเน็ตเน่า...มันน่าเศร้าใจ
หนูแวะมาเยี่ยม...และส่งแรงใจ
วิชาอังกฤษ....ยากจะทนไหว
คุณครูช่วยสอน...หนูให้เข้าใจ
น้องจิขอไป....นอนก่อนแล้วเอย
* สวัสดีเจ้าค่ะ คุณครูขจิต เสียงเหน่อๆๆๆ มาร้องเพลงพวงมาลัยให้ฟัง เพราะหรือเปล่า คิคิ แวะมาป่วนเล่นๆ โย่วๆๆ
รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เด้อจ้า ----> น้องจิ ^_^
เรียนอาจารย์ ขจิต
สวัสดีค่ะ อาจารย์ หนูจะจัดทำโครงการ แต่อยากทราบว่า กำหนดการ /กิจกรรมที่จะจัด อาจารย์คิดว่าจะใช้กิจกรรมแบบไหนค่ะ เด็ก อายุ 7-13 ปีค่ะ ค่าใช้จ่ายมีอะไรบ้างค่ะ ขอรบกวนอาจารย์ช่วยตอบด้วยค่ะ
ขอแสดงความนับถือ
สุวิมล แสงม่วง
เป็นข้อมุลที่ให้ความรู้มากค่ะ
Hello! อ.ขจิต
อ่านแล้ว get idea กรุณาลงข้อความรู้เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยกิจกรรม English camp เพิ่มอีกนะคะ จะนำไปใช้ประโยชน์ สนใจงานของท่านอาจารย์มากๆ
ดวงกมล
ได้ชมภาพกิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษสู่อาเซียนของสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาชุมพรเขต 2 แล้ว
ขอบคุณอาจารย์มากเลยค่ะ กิจกรรมยอดเยี่ยมากนะคะ
ครูชูใจ