เมื่อตอนเด็ก ๆ เรียนอยู่ชั้น ป. 5 หรือ ป.6 เห็นจะได้ มีวิชาอยู่วิชาหนึ่งคือวิชาศิลธรรม ซึ่งผมชอบเรียนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเนื้อหาสนุกเหมือนเป็นนิทานให้ทราบประวัติพระพุทธเจ้า และเนื้อหาธรรมทั่ว ๆ ไป จำได้จนถึงวันนี้ว่ามีธรรมบทหนึ่งที่ผมชอบ และจำได้จนทุกวันนี้ คือธรรมในเรื่อง หิริ-โอตตัปปะ
เนื่องจากนามมากแล้วจำเนื้อหาลายละเอียดไม่ได้จึงต้อง Search ใน internet ก็เลยพบธรรมบรรยายของ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ขออนุญาติเรียบเรียงมาเพื่อบันทึกไว้ในที่นี้ครับ
หิริ (อ่านว่า หิ-ริ, หิ-หริ) แปลว่า ความละอายแก่ใจ ความละอายต่อบาป หิริ หมายถึงความละอายใจตัวเองต่อการทำความชั่วความผิด ต่อการประพฤติทุจริตทั้งหลายและความละอายใจตัวเองที่จะละเว้นไม่ทำความดีซึ่งควรจะทำให้เกิดมีในตน เช่นบิดามารดามีความละอายใจที่จะไม่ดูแลบุตรของตน เช่นนี้เรียกว่ามี หิริ
หิริ เกิดขึ้นได้ด้วยการคิดถึงการศึกษา ฐานะ ยศศักดิ์ ชาติตระกูลของตน คิดถึงความเสียกายที่จะเกิดขึ้น รวมกับความแกล้วกล้าของจิตใจที่จะไม่ทำชั่วเช่นนั้น
หิริ เป็นธรรมรักษาคุ้มครองโลก ทำให้โลกเกิดสันติ ทำให้คนเราอยู่กันอย่างสงบสุข เพราะคนที่มีหิริจะเกลียดความชั่ว และละอายที่จะทำความชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทำให้ไม่ก่อความเดือดร้อนให้แก่โลกและสรรพสัตว์ทั้งปวง
หากเราคิดจะทำสิ่งใดที่ชั่ว ความละอายจะเกิดขึ้นมาในใจ แม้ว่าคนอื่นจะไม่เห็น คิดทำชั่วคืออย่างไร สิ่งใดที่เป็นไปเพื่อความเลวทรามไม่ถูกต้องทางธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอันนั้นเป็นความเลว อะไรที่วัดว่าถูกหรือไม่ถูก คือถ้าเราทำอะไรลงไป ถ้าหากว่ามันไม่ถูกต้องแล้วมันรู้สึกจะละอายกระดากในใจตนเอง แต่ตามหลักท่านบอกว่านักปราชญ์ทั้งหลายไม่สรรเสริญ ไม่นิยม นั่นเรียกว่า ผิดจากธรรม ความละอายนี่แหละเป็นต้นเหตุให้ทำความดี ความดีทั้งหมดเกิดจากความละอายทั้งนั้น ความไม่ดีเกิดจากความไม่ละอายนั่นเอง ศีล ๕ ข้อมีความละอายเป็นเบื้องต้น เป็นสมุฏฐาน หากว่ามีความละอายในใจแล้วไม่กล้าทำ ศีลข้อนั้นก็งดเว้นได้หมด
โอตตัปปะ (อ่านว่า โอดตับปะ) แปลว่า ความเกรงกลัว หมายถึงความสะดุ้งกลัวต่อผลของความชั่ว ต่อผลของความทุจริตที่ทำไว้
โอตตัปปะ เป็นอาการของจิตที่หวั่นไหวเมื่อจะทำความชั่ว เพราะกลัวความผิดที่จะตามให้ผลในภายหลัง เกิดขึ้นได้เพราะคิดถึงโทษหรือความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นจากการทำชั่ว จากการประพฤติทุจริตของตน เช่น ตัวเองเองต้องเดือดร้อน เกิดความเสียหาย เสียทรัพย์สินเงินทอง เสียอิสรภาพ หรือถูกคนอื่นตำหนิติเตียน ถูกสังคมรังเกียจ เป็นต้น
โอตตัปปะ เป็นธรรมคุ้มครองโลกคู่กับหิริ เพราะคนที่มีโอตตัปปะย่อมกลัวที่จำทำความผิด ทำให้งดเว้นจากการประพฤติต่างๆ ได้ อันเป็นเหตุให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข เกิดสันติภาพขึ้น
เมื่อมีหิริโอตตัปปะอย่างนี้แล้ว กฎหมายบ้านเมืองทุกมาตรา ก็จะไม่มีใครกล้าทำผิด อย่าว่าแต่ธรรมเลย การอยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ เป็นพรรคเป็นพวกหลายคนด้วยกัน ถ้ามีหิริโอตตัปปะแล้ว ไม่มีอิจฉาริษยาเบียดเบียนซึ่งกันและกันมันก็เป็นสุขเท่านั้น หากคิดผิดประทุษร้ายเกิดความละอายและกลัวขึ้นมา นั่นธรรมเตือนขึ้นมาแล้ว เลยไม่กล้าทำความชั่ว ครั้นทำลงไปก็เป็นเหตุให้เดือดร้อนวุ่นวาย ตนเองเดือดร้อนเพราะทำชั่ว คิดชั่ว แล้วก็เป็นเหตุให้คนอื่นเดือดร้อนอีกด้วย
ความละอายและเกรงกลัวต่อการทำบาป
ทำให้โลกนี้งดงาม น่าอยู่ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
มีความสุขในทุกๆวัน นะคะ
ขอบคุณมากเลยนะครับ
เป็นคนที่ดีมากครับ
สังคมผู้ใหญ่ เค้าน่าจะมีสอน ย้ำในเรื่องพวกนี้นะ
เหมือนคำขวัญวันเด็ก (ผู้ใหญ่ก็ควรจะรู้ไว้เช่นกัน)
เราสอนกันแต่เด็ก เพราะเป็นเยาวชนของชาติ
ก็ท่องกันไป แต่ตัวผู้ใหญ่ซึ่งเป็น มหภาคต้องช่วยกันด๊วย
เดี๋ยวนี้ ซื้อของยังต้องแย่งคิวกัน ขับรถแย่งกันไปจอดหน้าไฟแดง ฯลฯ
...สู้กันต่อไป คนไทย
กราบขอบพระคุณครับ