ณ ค่ำคืน..นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ กับเพื่อนสนิท.."ความเหงา" ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะอยากมาแบ่งปันในสิ่งที่อ่าน หากเป็นสิ่งเตือน "ตน" ได้ในสำหรับใครบางคน..ในหลายๆ คนที่ยังมีลมหายใจ..อยู่เพื่อเรียนรู้.."ชีวิต"
(คำแปล กวีนิพนธ์ชิ้นสุดท้าย)
ราตรีอันมืดทมึนแห่งความโทมนัสได้มา
ปรากฏที่ธรณีประตูบ้านของข้า ครั้งแล้วครั้งเล่า
อาวุธอย่างเดียวของมันที่ข้าเห็น
ก็คือคิ้วอันขมวดด้วยความปวดร้าว
และทีท่าอันน่าเกลียดของความกลัว
ซึ่งล่วงหน้ามาก่อนการหลอกลวงของราตรี
ในท่ามกลางความมืด
เมื่อใดที่ข้าหลงเชื่อในหน้ากากแห่งความน่ากลัวของราตรีนั้น
เมื่อนั้นความพ่ายแพ้อย่างไร้ผลก็เกิดขึ้นแก่ตัวข้า
กีฬาแห่งความพ่ายแพ้ผลัดกับชัยชนะเช่นนี้แหละ
คือมายาของชีวิต
ทุกฝีก้าวมาแล้วตั้งแต่เยาว์วัย สภาพเช่นนี้เกาะแน่นอยู่กับเรา
เต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยแห่งความเศร้าโทรมโทมนัส
(ปรากฏการณ์ทั้งหลายนี้อุปมาได้กับ)ม่านอันเคลื่อนที่ได้
แห่งความหวาดกลัวนานัปการ (ซึ่งเป็น)
หัตถกรรมอันฉลาดล้ำของมรณะที่เนรมิตขึ้นมา
ในท่ามกลางความมืดมนที่แผ่กระจายอยู่ทั่วไป
รพินทรนาถ ฐากุร
(รพินทรนาถ ฐากุร ได้รจนากวีนิพนธ์บทนี้ 10 วัน ก่อนถึงแก่กรรม:
กรุณา-เรืองอุไร กุศลาศัย แปล)
The Last
Poem
Sarrow's dark night, again and again,
Has come to my door.
Its only weapon, I saw,
Was pain's twisted brow, fear's hideous gestures
preluding its deception in darkness.
Whenever I have believed in its mask of dread
Fruitless defeat has followed.
This game of defeat and victory it life's
delusion;
From childhood, at each step, clings this
spectre,
Filled with sorrow's mockery,
A moving screen of varied fears...
Death's skilful handiwork wrought in
scattered gloom.
Calcutta, July 29, 1941
ขอมองที่ความเป็นตัวบทกวีนิพนธ์ เมื่อเป็นชิ้นสุดท้าย ที่สำคัญ หรือสำคัญที่เพราะเป็นสุดท้าย "คนสุดท้าย" ...และสุดท้ายความกลัวเคยหายไปจากใจคนในโลกไหม แม้คนสุดท้าย
เมื่อเช้าได้มีโอกาส ลปรร. กับเพื่อนที่รักคนดีคนหนึ่ง ถึงบทกวีนี้ว่าท่านผู้รจนาต้องการสื่ออะไรให้เราทราบ สิ่งหนึ่งที่เราเห็นพร้องสอดคล้องกันนั่นคือ "หากเราไม่มองลึกไปในเนื้อ..ที่ผู้นิพนธ์สื่อ เพราะรู้สึกว่า ยาก..เข้าใจยาก หรืออาจอ่านเพียงเพื่อผิวเผิน นั่นอาจทำให้เราได้พลาดการได้ลิ้มทิพยรส..เป็นได้"
แต่หากเราลองใช้ Mine'eye เบิกมอง..ลึกในสิ่งที่สื่อ ย่อมนำมาซึ่งสิ่งที่ชุ่มชื่นหัวใจได้ ดังเช่น บทกวีนี้ "กวีนิพนธ์ชิ้นสุดท้าย: The Last Poem" ก่อเกิด "พลังแห่งใจ"..อย่างมากที่ทำให้เราก้าวเดินได้ด้วย "ความเชื่อและศรัทธา" ที่เรามีอยู่...อย่างเอาชนะความกลัวที่เกาะกินหัวใจ "มนุษย์" เราได้
ความกลัว
ความกลัว..คือ สิ่งที่หลีกไม่พ้น
ความกลัว..คือ สิ่งสร้าง..ความกล้าหาญ
ให้ก่อเกิด..ได้..โดยใช้ "สติ"...เป็นเครื่องมือ
ผ่านพ้น...
เมื่อใดที่ข้า หลงเชื่อในหน้ากากแห่งความน่ากลัว ของราตรีนั้น ...เมื่อนั้น ความพ่ายแพ้อย่างไร้ผลก็เกิดขึ้น แก่ตัวข้า...กีฬาแห่ง " ความพ่ายแพ้ผลัดกับชัยชนะ " เช่นนี้แหละคือ " มายาของชีวิต "
ปรัชญาของรพินทรนาถ ฐากูร
จะแฝงสิ่งที่ผู้เขียนอยากสื่อไว้ในบรรทัดและระหว่างบรรทัดเสมอ
คุณ"คนข้างนอก"
หากเมื่อใด..ที่เราไม่เลือกปฏิเสธ...ในสิ่งที่พบเจอ
เพียงเพราะเหตุ...ว่ายากและไม่เข้าใจ
หากแต่ได้..ลองค้น..สิ่งที่พบนั้น
เราจะไม่พลาดโอกาส...แห่งการเรียนรู้..
ในสิ่งนั้นเลย...