อ่านดูนะคะ ได้ข้อคิดหลากหลาย เป็นเรื่องของสัตว์สังคมที่อยู่รวมกัน แต่ก็มีการแก้ปัญหาบริหารจัดการกันได้ ขอให้มีความสุขนะคะ
ค้นหาข้อมมูลทาง net ไปเจอเรื่องนี้เข้าให้โดนใจมาก ลองอ่านดูนะคะ ได้ข้อคิดหลากหลาย เป็นเรื่องของสัตว์สังคมที่อยู่รวมกัน แต่ก็มีการแก้ปัญหาบริหารจัดการกันได้ ขอให้มีความสุขนะคะ
นิทานการเมือง เหล่าสัตว์ต้องปราบเสือ
กาลครั้งหนึ่งมีเสือสามตัวอาศัยอยู่ร่วมกัน เสือตัวแรกแก่กว่าเสืวตัวที่สองเท่าตัว ขณะที่เสือตัวที่สามมีอายุเป็นสองในสามของเสือตัวที่หนึ่ง เมื่องานวันเกิดครบรอบสิบปีของเสือตัวที่หนึ่งจัดขึ้น ฝูงสัตว์ต่างมาชุมนุมกัน ไม่ว่าจะเป็น ช้าง ม้า วัว ควาย และหมีน้อย
ช้างซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ของสัตว์กินพืชได้นำคณะบริหารมาแสดงความยินดีและทำการตกลงถึงอาณาเขตห้ามล่าแก่เสือทั้งสาม โดยมีข้อตกลงว่า "บริเวณบ่อน้ำ และริมแม่น้ำ เป็นเขตห้ามล่า เพราะการที่กินน้ำไปวิ่งหนีไปนั้น ทำให้เกิดอาการจุกเสียดอย่างมาก อีกทั้งเมื่อเสือกินเหยื่อที่อาการจุกเสียด ก็มักได้รับอาการข้างเคียงท้องอืดเสียมาก" ข้อตกลงอันนี้ เสือตัวแรก ได้รับเอาไว้พิจารณา แลให้เหล่าคณะบริหารของช้างเข้าไปในงานฉลอง
หมีน้อย เป็นเพียงสมญา แต่ความจริงแล้ว หมีน้อย มีขนาดตัวที่ใหญ่มาก เป็นสัตว์ที่เสือสามตัว ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
หมีน้อย ให้ศีลให้พรเสือทั้งสามตัว แต่มีแถมพิเศษให้เสือตัวแรกในฐานะที่เป็นผู้ฉลองวันเกิด แล้วก็ลาจากไปอย่างรีบด่วน
สิ่งที่น่าตื่นเต้นของเสือตัวแรกนั้นคือ ของขวัญที่จะได้รับจากเสือทั้งสองตัวเสียมากกว่าสิ่งใดๆ ในงาน
เสือตัวที่สาม เติบโตและคบหากับเสือตัวแรกมานาน มันรู้ใจของสหายดีที่สุด ดังนั้น มันทราบดีว่า เสือตัวแรกชมชอบเนื้อขาหลังของม้าที่สุด เมื่อ พบว่ามีม้า ตามขบวนของช้างมาด้วยก็ดีใจ หาโอกาสที่จะฉีกขาม้าดังกล่าวมาให้แก่เสือตัวแรกให้จงได้
เสือตัวที่สอง เป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาร่วมกลุ่มกัน ก่อนหน้านั้นเคยต่อสู้แย่งชิงอาณาเขตกับเสือตัวแรกบ้าง เมื่อเปลี่ยนฝั่งมาอยู่ข้างเดียวกันเช่นนี้ ก็คิดสร้างความสัมพันธที่ลึกซึ้งกับเสือตัวแรกเอาไว้ จึงคิดทำสิ่งที่พิเศษที่สุดให้แก่ เสือตัวแรก
เสือตัวที่สาม เผ้ามองโอกาส ม้า แยกไปทำธุระส่วนตัวเพียงลำพัง เมื่อเห็นโอกาสเหมาะ ก็กระโจนเข้าใส่ ม้า กดคมเขี้ยวของตัวมันฝังลงไปที่ลำคอของม้า ทางม้าคิดจะร้องก็ถูกงับที่ลำคอก็ไม่อาจส่งเสียงได้ เสียใจที่ไม่ตั้งใจร่ำเรียนการขับร้องเสียงออกทางท้อง จึงไม่อาจขอความช่วยเหลือได้ ไม่นานผ่านไป ม้าก็ล้มลงสิ้นใจ เสือตัวที่สามใช้กรามที่แข็งแรงฉีกเอาขาทั้งสี่ออกมา ครุ่นคิดว่า ขาหลังซ้ายมีขนาดใหญ่ที่สุด สมควรเก็บไว้กินเองเย็นนี้ ส่วนขาหลังขวาที่มีขนาดรองลงมาก็ฉีกออกมาได้สวยเนียน ก็ควรเก็บไว้กินเองวันพรุ่งนี้ ส่วนขาหน้าทั้งสองก็มีแรงดีดสะท้อนดี ไม่อยากจะให้เสือตัวแรกแล้ว พอดีเหลือบหิน ขาหน้าข้างขวาที่เท้ามีมูลม้าที่เหม็นฉึ่งติดอยู่ คงเกิดขึ้นตอนที่เกิดการต่อสู้ขึ้น เสือตัวที่สาม จึงตัดใจนำขาข้างดังกล่าว นำไปฝากเป็นของขวัญให้แก่เสือตัวแรก
ขณะที่เสือตัวที่สาม คาบขาหน้าของม้าที่เหม็นฉึ่งอยู่แล้ว ได้เดินกลับไปยังงานฉลอง ก็โดนจู่โจมด้วยเงามืด ที่ลำคอของมันถูกยกสูงขึ้น เขี้ยวที่แหลมคมกัดเส้นเลือดสำคัญของมันขาดออก ไม่นานมันก็หมดลมหายใจ หากแต่ก่อนสิ้นใจนั้น มันได้คำรามออกมาจากช่องท้องดังก้องป่า
เสือตัวแรก จดจำเสียงท้องร้องของสหายตนได้ ก็รีบวิ่งมาหา พบว่า เสือตัวที่สามกำลังคาบขาม้าอยู่คาปาก ขณะที่เสือตัวที่สองคาบเสือตัวที่สามอยู่คาปาก เสือตัวแรก พบเห็นแล้วประหลาดใจ
เสือตัวที่สอง หันมาส่งยิ้มให้แก่ เสือตัวแรก ก่อนที่จะกล่าววาจาจากช่องท้องว่า “เสือตัวที่สาม นำขาม้าของโปรดมาเป็นของขวัญฝากท่าน”
เสือตัวแรก ส่งเสียง “อึมส์” คล้ายเข้าใจเช่นกัน
เสือตัวที่สองใช้ช่องท้อง กล่าวต่อไปว่า “ข้าพเจ้านำขาม้ามาให้ท่านสองข้าง อีกทั้งอนาคตที่สดใส”
เสือตัวแรก ส่งเสียงจากลำคอ คล้ายต้องการรับฟังต่อไป
เสือตัวที่สอง กล่าวต่อ “ข้าพเจ้านำขาม้าสองข้าง ที่ได้มาจากการล่าของ เสือตัวที่สาม มามอบให้แก่ท่าน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนมีร่างกายที่เป็นคู่ การแบ่งหารสามนั้น ล้วนแล้วแต่จะสร้างปัญหาแตกแยกให้แก่พวกเรา การกำจัดเสือตัวที่สามไปนั้น ย่อมเป็นอนาคตที่สดใสของพวกเรา”
เสือตัวแรก รับคำว่าเห็นด้วย ก่อนที่จะตะบบเท้าขวาออกด้วยกงเล็บที่คมกว่าใบมีดเชือดลำคอเสือตัวที่สองทันที ก่อนที่จะกล่าวว่า “ตัวเราก็เห็นอนาคตที่สดใสกว่า หากจะเหลือเสือเพียงตัวเดียว”
เสือตัวที่หนึ่ง คาบเสือตัวที่สอง ขณะที่เสือตัวที่สองคาบเสือตัวที่สาม ขณะที่เสือตัวที่สามคาบขาหน้าของม้า เหล่าสัตว์ที่พบเห็นเหตุการณ์ ต่างหวาดกลัวการกระทำของเหล่าเสือ จึงร่วมแรงร่วมใจกระทืบเสือตัวแรกจนตาย จากนั้นก็ไม่มีเสือสามตัวในป่าอีก อำนาจต่อรองทั้งหมดจึงตกลงที่ หมีน้อย แต่เพียงผู้เดียว
แหล่งที่มาของนิทาน http://jin31018.multiply.com/journal/item/6/6
.