ความสำคัญของวันคริสต์มาส


วันคริสต์มาส

เนื่องจากวันพุธที่ 17 ธันวาคม 51  ศูนย์ธารชีวิตเพื่อสตรีจะจัดกิจกรรมวันคริสต์มาส  เพื่อเฉลิมฉลอง  และเพื่อให้สมาชิก เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครพักผ่อนเป็นเวลา 3 อาทิตย์  เย้ ไม่ต้องทำงาน 3 อาทิตย์  ดังนั้นวันนี้จึงนำความรู้เล็กๆ   น้อยๆ  เกี่ยวกับวันคริสต์มาสมาฝากทุกคนนะคะ(ทำอะไรไม่เป็นเลยค่ะ มีแต่ตัวหนังสือมาให้อ่านเป็นความรู้ค่ะ)

 

คริสต์มาส คือการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี

ต้นคริสต์มาส

ใน สมัยโบราณ "ต้นคริสต์มาส" หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบ ผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่ หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ ที่หาง่ายที่สุด ในประเทศ เหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ ทุกวันนี้ .....นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวของดาวิดที่ยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด นี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวของดาวิดไว้ที่สุดยอด ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกอยู่มาก แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ ก็ยังนิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่า มีความหมายถึงพระเยซูเจ้า ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต (ปฐก.2:9) ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึง นิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และนอกจากนั้นยังหมายถึง ความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึง ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูเจ้าประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น

ซานตาครอส

ซาน ตาคลอส เป็นจุดเด่นหรือสัญลักษณ์ ที่เด็กและผู้คนนิยมมากที่สุด ในเทศกาลคริสต์มาส แต่แท้ที่จริงแล้ว ซานตาคลอส แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เลย ชื่อซานตาคลอส มาจากชื่อนักบุญนิโคลาส ซึ่งเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือ เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็กๆ นักบุญองค์นี้ เป็นสังฆราชของไมรา (อยู่ในประเทศตุรกี ปัจจุบัน) มีชีวิตอยู่ราวศตวรรษที่ 4 เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่ง อพยพไปอยู่ในสหรัฐ ก็ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ คือ ฉลองนักบุญนิโคลาส ในวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งหมายถึง นักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้ เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ ที่อพยพมา ก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในประเพณีแบบนี้บ้าง เพื่อรับของขวัญ ประเพณีนี้ จึงเริ่มเป็นที่รู้จัก และแพร่หลายไปในอเมริกา โดยมีการเปลี่ยนแปลง บางอย่างคือ ชื่อนักบุญนิโคลาส ก็เปลี่ยนเป็นซานตาคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆราช ซึ่งเป็นนักบุญ องค์นั้น ก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วน ใส่ชุดสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นพาหนะ มีกวาง เรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมาทางปล่องไฟ ของบ้าน เพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้น อันที่จริง ซานตาคลอสเป็นรูปแบบที่น่ารัก เหมาะสำหรับเป็นนิยายให้เด็กๆ เชื่อ แต่อาจจะทำให้คนทั่วไปหันมาสนใจ ให้ความสำคัญในตัวนิยายนี้ แทนการบังเกิดของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเทศกาลคริสต์มาสนี้

การ ให้ของขวัญในวันคริสต์มาส เป็นธรรมเนียมนี้ เริ่มกับชาวโรมที่เคยให้ของขวัญแก่เพื่อนในวันขึ้นปีใหม่ (มักจะเป็นผลไม้ ขนม หรือทองคำ) ต่อมาชาวอังกฤษถือ "วันกลอง" (ในวันที่ 26 ธันวาคม) เป็นวันที่ศิษยาภิบาลเคยเปิด "กลองทาน" ในโบสถ์ และแจกเงินให้สมาชิกที่ยากจน ต่อมาชาว อังกฤษก็ให้ของขวัญแก่พวกคนใช้ และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ในวันนั้นด้วย ในทวีปยุโรป เด็กๆ มัก จะเข้าใจว่า พระกุมารเยซูเป็นผู้นำของขวัญมาให้เขา (แท้จริงแล้วพ่อแม่เป็นผู้ที่ให้ต่างหาก) แต่เด็กที่สหรัฐอเมริกามักจะคิดว่า "ซานตาคลอส" เป็นผู้ให้

คืน ก่อนวันคริสต์มาส หรือคริสต์มาสอีฟ จะมีงานแครอลลิ่ง ซึ่งจะมีเด็กๆ ไปร้องเพลงตามบ้าน ในคืนวันคริสต์มาส ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ จะมารวมตัวกันที่โบสถ์เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นการแสดง ร้องเพลง

เพลงคริสต์มาส เพลงวันคริสต์มาส

เพลง คริสต์มาส เริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 ซึ่งในสมัยนั้น มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสเป็นผู้แต่ง ร้องเป็นภาษาลาติน ลักษณะของเพลงเป็นแบบสง่า เน้นถึงความหมายของการเสด็จมา ของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีวิวัฒนาการใหม่ในด้านเพลงนี้ เริ่มในประเทศอิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกัน เป็นผู้มีส่วนในการสนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่ ซึ่งชาวบ้านชอบ คือมีท่วงทำนองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชมยินดี ในโอกาสคริสต์มาสนี้ เพลงเหล่านี้เป็นภาษาลาติน และภาษาพื้นเมือง เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่งคำร้องในปี ค.ศ.1274) และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาส ที่เรานิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวันฉลองคริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ ประเทศออสเตรีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวันเสีย ทำให้วงขับร้อง ไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ คุณพ่อเองตั้งใจ จะแต่งเพลงคริสต์มาสใหม่ หลังจากแต่งเสร็จ ก็เอาไปให้เพื่อนคนหนึ่งชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ ที่อยู่หมู่บ้านใกล้เคียงใส่ทำนอง ในคืนวันที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษวัดนี้ ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก โดยการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก

คริสต์มาส กับ พระเยซูคริสต์

คงจะไม่ต้องอธิบายความหมายกันอีกแล้วเพราะต่อไปนี้ เราจะพูดถึงเจ้าของวันคริสต์มาสกันเลย คือพระเยซูคริสต์ตัวจริง เสียงจริงเลยครับ น่าแปลกใจมั้ยว่า พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์มาประมาณ 2000 กว่าปีแล้ว แต่ก็ยังมีการฉลองวันเกิดของพระองค์ทุกปี และแต่ละปีก็จัดยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ หรือแม้แต่สถานการณ์ที่กำลังจะก่อให้เกิดสงคราม เมื่อเทศกาลคริสต์มาสมาถึง พวกเขาต้องหยุดรบกันก่อน และในบางครั้งก็กลายเป็นมิตรต่อกัน ดังเช่น ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในวันที่ 25 ธันวาคม คศ.1877 เมื่อกองทัพพันธมิตรกับเยอรมันเข้าประจัญหน้ากันในประเทศฝรั่งเศส มีทหารฝรั่งเศสคนหนึ่ง ร้องเพลงคริสต์มาส O Holy Night (เป็นเวลาที่พระเยซูคริสต์ได้ประสูติ) เสียงเพลงที่ไพเราะและ มีความหมายดังขึ้น ในสนามรบยามค่ำคืน ทำให้ทหารเยอรมันที่พร้อมจะยิงฝ่ายข้าศึก ต้องวางปืนลง แล้วเดินออกมาจากที่หลบซ่อน ตรงเข้าสวมกอดพร้อมทั้งร้องเพลงนี้ด้วยกัน

วันคริสต์มาส วันเกิดของพระเยซูคริสต์ เหตุผลใหญ่ ๆ ที่คนทั่วโลกระลึกถึง และเฉลิมฉลองเพราะ
1. พระเยซูคริสต์ชนะความตาย เป็นหลักสำคัญของพระคัมภีร์ทีเดียว หลังจากที่พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ก็อยู่กับสาวกอีกสี่สิบวัน แสดงถึงฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์ และการเป็นพระเจ้าตามที่พระคัมภร์พยากรณ์ไว้้
2. พระเยซูคริสต์ชนะอำนาจของมารซาตาน มีคนบาปคนเจ็บ คนเป็นอัมพาต มาหาพระองค์ พระองค์รักษาเขาให้หาย และอภัยบาปกับเขา
3. พระเยซูคริสต์อยู่กับเราตลอดเวลา "เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค" พระองค์อยู่กับเราในรูปของพระวิญญาณบริสุทธิ์ สายตาเราไม่สามารถมองเห็นได้ แต่สัมผัสได้ด้วยจิตวิญญาณของเราเอง ด้วยการอธิษฐาน ที่เราสามารถบอก กับพระองค์ในทุกสิ่ง พระองค์ทรงฟังและจะตอบคำอธิษฐานของเราทุกเรื่องในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไปคริสต์มาสก็เป็นการย้ำเตือนถึงความรักของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคุณ และสำแดงความเป็นพระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดไป

ประวัติการประสูติพระเยซูเจ้า

ในเวลานั้น จักรพรรดิออกัสตัส รับสั่งให้ราษฎรทุกคน ในอาณาจักรโรมัน ไปลงทะเบียนสำมะโน ประชากร โยเซฟและมารีย์ ซึ่งมีครรภ์แก่จึงต้องเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮม อันเป็นเมืองที่กษัตริย์ดาวิดประสูติ พอดีถึงกำหนดที่มารีย์จะคลอดบุตร เธอก็ได้คลอดบุตรชายหัวปี เธอเอาผ้าพันกายพระกุมารแล้ววางไว้ใน รางหญ้า เนื่องจากตามโรงแรมไม่มีที่พักเลย คืนนั้นทูตสวรรค์ของพระเจ้า ปรากฎแก่พวกเลี้ยงแกะ พวกเขาตกใจกลัวมาก แต่ทูตสวรรค์ปลอบพวกเขาว่า "อย่ากลัวไปเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอก คืนนี้เอง ในเมืองของกษัตริย์ ดาวิด มีพระผู้ช่วยให้รอดประสูติ พระองค์นั้นเป็นพระคริสต์พระเป็นเจ้า นี่จะเป็น หลักฐานให้พวกท่านแน่ใจคือ พวกท่านจะพบพระกุมารมีผ้าพันกาย นอนอยู่ในรางหญ้า"ทันใดนั้น มีทูตสวรรค์อีกมากมาย ร้องเพลง สรรเสริญ พระเจ้าว่า " Gloria in Excelsis Deo ขอเทิด พระเกียรติพระเจ้าผู้สถิตย์ในสวรรค์ชั้นสูงสุด สันติสุขบนพิภพจงเป็นของผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย

เพลง : Jingle Bell
Dashing through the snow
On a one-horse open sleigh,
Over the fields we go,
Laughing all the way;
Bells on bob-tail ring,
making spirits bright,
What fun it is to ride and sing
A sleighing song tonight
Jingle bells, jingle bells,
jingle all the way!
O what fun it is to ride
In a one-horse open sleigh

A day or two ago,
I thought I'd take a ride,
And soon Miss Fanny Bright
Was seated by my side;
The horse was lean and lank;
Misfortune seemed his lot;
He got into a drifted bank,
And we, we got upsot.
Jingle Bells, Jingle Bells,
Jingle all the way!
What fun it is to ride
In a one-horse open sleigh.

A day or two ago,
the story I must tell
I went out on the snow
And on my back I fell;
A gent was riding by
In a one-horse open sleigh,
He laughed as there
I sprawling lie,
But quickly drove away.
Jingle Bells, Jingle Bells,
Jingle all the way!
What fun it is to ride
In a one-horse open sleigh.

Now the ground is white
Go it while you're young,
Take the girls tonight
And sing this sleighing song;
Just get a bob-tailed bay
two-forty as his speed
Hitch him to an open sleigh
And crack! you'll take the lead.
Jingle Bells, Jingle Bells,
Jingle all the way!
What fun it is to ride
In a one-horse open sleigh.

คำสำคัญ (Tags): #วันคริสต์มาส
หมายเลขบันทึก: 226460เขียนเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2008 21:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ขอบคุณความรู้เกี่ยวกับวันคริสต์มาส ครับ!

มาร่วมฉลองวันคริสตมาสกับน้องณัชชาคะ

ยินดีนะคะที่น้องได้หยุดยาว 3 สัปดาห์

ขอให้วันหยุดฉลองคริสตมาส มีความสุขคะ

ขอบคูรที่มีข้อมูลดีๆมาให้อ่าน

สวัสดีครับ ณัชชา Natcha เฉลิมกลาง Chalermklang  พอถึงวันวันคริสต์มาสแล้ว  อยากกลับไปเป็นเด็กๆรอรับของขวัญซานตาครอส  มีความสุขสนุกสนานในวันนี้   มาขอขอบคุณที่ท่านไปเยี่ยมเยี่ยนคนป่วยเป็นกำลังใจ  ไม่บันทึกบอกก็เกรงว่าญาติสนิทมิตรสหายจะไม่ทราบว่าทำไม่เงียบไป  เพราะเป็นไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากอาการแพ้อากาศเป็นแต่ละครั้งจะเป็นนาน วันนี้เกือบจะเป็นปกติแล้วครับ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้กรุณา  สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ

สวัสดีน้องณัชชา พี่ตอบแล้วนะพ่อดีเพิ่งเข้าเน็ทได้ ขอบคุณมากที่ไปเยี่ยม สิ่งที่พี่เตือนในบางประโยคให้คิดว่าพี่เตือนน้องนะครับ

  • ดีจังค่ะ
  • จะให้เด็ก ๆ มาเรียนรู้ด้วยนะคะ
  • ขอขอบคุณค่ะ

สืบเนื่องจาก

เพราะรักใช่ไหมพ่อถึงทำได้

P

แม่ด่าเละเลย

โส  น้า  หน้า

อิ  อิ

P
1. ธนิตย์ สุวรรณเจริญ
เมื่อ อา. 30 พ.ย. 2551 @ 22:03
974553 [ลบ]

ขอบคุณความรู้เกี่ยวกับวันคริสต์มาส ครับ!

P
2. ประกาย~natachoei
เมื่อ จ. 01 ธ.ค. 2551 @ 05:13
974845 [ลบ]

มาร่วมฉลองวันคริสตมาสกับน้องณัชชาคะ

ยินดีนะคะที่น้องได้หยุดยาว 3 สัปดาห์

ขอให้วันหยุดฉลองคริสตมาส มีความสุขคะ

P
3. rittichai
เมื่อ จ. 01 ธ.ค. 2551 @ 14:28
975711 [ลบ]

ขอบคูรที่มีข้อมูลดีๆมาให้อ่าน

P

P
5. นายประจักษ์~natadee
เมื่อ พ. 03 ธ.ค. 2551 @ 19:38
980764 [ลบ]

สวัสดีครับ ณัชชา Natcha เฉลิมกลาง Chalermklang  พอถึงวันวันคริสต์มาสแล้ว  อยากกลับไปเป็นเด็กๆรอรับของขวัญซานตาครอส  มีความสุขสนุกสนานในวันนี้   มาขอขอบคุณที่ท่านไปเยี่ยมเยี่ยนคนป่วยเป็นกำลังใจ  ไม่บันทึกบอกก็เกรงว่าญาติสนิทมิตรสหายจะไม่ทราบว่าทำไม่เงียบไป  เพราะเป็นไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากอาการแพ้อากาศเป็นแต่ละครั้งจะเป็นนาน วันนี้เกือบจะเป็นปกติแล้วครับ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้กรุณา  สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ

P
6. เบดูอิน
เมื่อ ส. 06 ธ.ค. 2551 @ 10:08
985696 [ลบ]

สวัสดีน้องณัชชา พี่ตอบแล้วนะพ่อดีเพิ่งเข้าเน็ทได้ ขอบคุณมากที่ไปเยี่ยม สิ่งที่พี่เตือนในบางประโยคให้คิดว่าพี่เตือนน้องนะครับ

P
7. ครูคิม
เมื่อ ส. 06 ธ.ค. 2551 @ 10:11
985701 [ลบ]

  • ดีจังค่ะ
  • จะให้เด็ก ๆ มาเรียนรู้ด้วยนะคะ
  • ขอขอบคุณค่ะ
P
8. กระติก~natachoei ที่ ~natadee
เมื่อ ส. 06 ธ.ค. 2551 @ 20:34
986647 [ลบ]

สืบเนื่องจาก

เพราะรักใช่ไหมพ่อถึงทำได้

P

แม่ด่าเละเลย

โส  น้า  หน้า

อิ  อิ

ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังจัย  จากทุกท่าน

ณัชชาตัวเล็ก(เล็ก)กว่าภูเขานิดนึง จะไม่ลืมพระคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ

อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท