งานเขียนเชิงวิชาการสำหรับฉันแล้วเหมือนยาขมหม้อใหญ่ แต่เมื่อต้องมาทำงานที่จะต้องเขียน ความลังเลท้อแท้ใจมักจะมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ ต้องขอบคุณเพื่อนๆในกลุ่มที่แม้จะเบื่อมั่งเครียดมั่งแต่ก็พยายามเข็น+กลั่นกรองออกมาจนสำเร็จเกือบเป็นหนังสือเล่มโตๆ เบื้องหลังนอกเหนือจากความพยายามของพวกเรากันเองแล้วมีบุคคลหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกเล่าให้ฟังนั่นก็คือ อาจารย์วิไล ผู้เป็นยิ่งกว่าที่ปรึกษาแต่อาจารย์เป็นเหมือนครูที่เข้าใจเด็กดื้อๆแบบเรา พยายามทั้งให้ข้อคิด ให้ความรู้และกำลังใจแก่พวกเรา สอนมุมมองเชิงบวกในการทำงานที่เรา เมื่อก่อนฉันสงสัยว่าไอ้เจ้าTacit knowledgeนี้มันสำคัญได้อย่างไร ก็ได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ ทำให้เกิดความรู้สึกดีใจที่มีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ ตัวฉันได้เรียนรู้จักถึงคำว่า"จิตวิญญาณความเป็นครู" ที่มีอยู่ในตัวของอาจารย์วิไล ซึ่งถึงแม้ท่านอาจจะไม่ได้เป็นอาจารย์สอนหนังสือในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยโดยตรงก็ตามแต่การที่อาจารย์มีใจเผื่อแผ่แบ่งปันในสิ่งที่เข้าใจให้แก่ผู้อื่นอย่างไม่ปิดบัง และมีใจยินดีที่เห็นพัฒนาการของคนรุ่นหลังที่มีใจรักในงานแบบเดียวกันแล้ว สำหรับฉันขอเรียกว่าเป็นครูอย่างเต็มใจ ขอบคุณมากนะคะคุณครู