จากความหมายและขอบข่ายที่กว้าง ทำให้กรอบการใช้งานอีเลิร์นนิงมีได้อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่การใช้อีเลิร์นนิงร่วมกับการเรียนการสอนในชั้นเรียน จนถึงการใช้อีเลิร์นนิงเป็นหลัก เป็นส่วนใหญ่ตลอดรายวิชา ในปี 2005 สมาคมสโลน (Sloan Consortium) ได้จัดแบ่งประเภทและรูปแบบของอีเลิร์นนิงไว้ 4 ประเภทตามปริมาณเนื้อหาที่นำเสนอผ่านอินเทอร์เน็ต (สื่ออิเล็กทรอนิกส์) โดยตีพิมพ์ไว้ในหนังสือ “Growing by Degrees: Online Education in the United States, 2005” และ ศ.ดร. ศรีศักดิ์ จามรมาน ได้แปลไว้ในหนังสือ “อีเลิร์นนิงระดับปริญญาผุดขึ้นมากมาย” ดังนี้
ประเภท สัดส่วนเนื้อหาที่นำเสนอผ่านอินเทอร์เน็ต (สื่ออิเล็กทรอนิกส์)
1. การเรียนการสอนแบบดั้งเดิม (Traditional) 0%
2. การเรียนการสอนแบบใช้เว็บช่วย (Web-facilitated) 1-29%
3. การเรียนการสอนแบบลูกผสม (Blended/Hybrid) 30-79%
4. การเรียนการสอนแบบออนไลน์หรืออีเลิร์นนิง (Online/eLearning)
การแบ่งประเภทและรูปแบบอีเลิร์นนิงของ สมาคมสโลน สอดคล้องกับการจำแนกประเภทอีเลิร์นนิงตามลักษณะ การใช้ประโยชน์ทางการเรียนการสอน คือ
1. อิเลิร์นนิงเสริมการเรียน (Supplement) / การเรียนการสอนแบบใช้เว็บช่วย (Webfacilitated) หมายถึง การที่ยังคงใช้วิธีการสอนแบบเดิม (บรรยายในชั้นเรียน) เป็นหลักและใช้อีเลิร์นนิงเป็นเครื่องมือเสริม เช่น เป็นบทเรียนทบทวน เป็นเว็บความรู้เพิ่มเติม หรือเป็นแบบทดสอบความรู้ที่มีเฉลยและข้อมูลป้อนกลับละเอียด (feed back) เป็นต้น
2. อีเลิร์นนิงเติมเต็มการเรียน (Complement) / การเรียนการสอนแบบลูกผสม (Blended/Hybrid) หมายถึงการใช้
อีเลิร์นนิงเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการเรียนการสอน ต่างจากเสริมการเรียนคือ ในการใช้อีเลิร์นนิงเสริมนั้นผู้เรียนจะใช้หรือไม่ใช้อีเลิร์นนิงก็ได้ (หากเข้าใจแล้วก็ไม่ต้องเรียนบทเรียนทบทวน) แต่หากอีเลิร์นนิงเป็นการเติมเต็ม ผู้เรียนทุกคนต้องใช้อีเลิร์นนิง ตัวอย่างได้แก่ บทเรียนที่ผู้เรียนต้องเรียนมาก่อนเข้าชั้นเรียน (เพื่อให้มีความเข้าใจ และพร้อมในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ)
3. อีเลิร์นนิงที่เป็นทั้งระบบการเรียนการสอน (Comprehensive replacement) เทียบเคียงได้กับ การเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online Learning) ในระดับนี้เป็นการจัดการเรียนการสอนในระบบทางไกล (การศึกษาทางไกล) ซึ่งใช้หลักการศึกษาทางไกล
ไม่มีความเห็น