วันนี้ผมได้ออกพื้นที่ไปพบกับพี่นิพนธ์ มะลาวัน อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 14 ตำบลทรายมูล อำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร พี่เค้ามีอาชีพหลักปลูกผักปลอดสารพิษจำหน่าย พี่นิพนธ์เล่าว่า การปลูกพืชในปัจจุบัน มีปัญหาด้านการผลิตมากมาย เช่น ปัญหาปัจจัยการผลิตมีราคาสูง ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ปัญหาด้านราคาผลผลิตตกต่ำ และปัญหาศัตรูพืชระบาดทำลายผลผลิต ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องประสบปัญหาขาดทุน ละทิ้งอาชีพการเกษตร หันไปประกอบอาชีพรับจ้างในภาคอุตสาหกรรม การลดต้นทุนการผลิต จึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการดำรงชีพในปัจจุบัน สารกำจัดแมลง สำหรับเกษตรกรแล้วนับว่ายังมีความจำเป็น การเกษตรที่ผ่านมาเกษตรกรนิยมใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตแทบทุกขั้นตอนเนื่องจากได้ผลและมีประสิทธิภาพรวดเร็วและทันใจ แต่ในทางกลับกันสารเคมีโดยเฉพาะสารกำจัดแมลงศัตรูพืช นอกจากกำจัดแมลง เป็นอันตรายกับผู้ผลิตและผู้บริโภคแล้วยังส่งผลกับสิ่งแวดล้อมทำให้เสียความสมดุลทางธรรมชาติ
น้ำหมักชีวภาพเป็นทางเลือกที่เกษตรกรหันมาใช้ทดแทนสารเคมี ด้วยเหตุผลต้นทุนการผลิตต่ำ วัสดุที่ทำหาได้ในท้องถิ่น ที่สำคัญไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง จึงได้คิดลองทำน้ำหมักชีวภาพสูตรเข้มข้นขึ้น มีส่วนผสมง่ายๆดังนี้ครับ
- น้ำมะพร้าว 5 ลิตร
- ยีสต์(สำหรับใส่ขนมปัง) 5 ช้อนโต๊ะ
- กากน้ำตาล 1 แก้ว
วิธีการ
นำส่วนผสมทั้งหมดเทใส่ถังพลาสติกคนให้เข้ากัน ปิดฝาให้มิดชิด หมักทิ้งไว้ 1 คืน จะได้น้ำหมักชีวภาพสูตรเข้มข้นสำหรับกำจัดและไล่แมลง
ได้ทดลองใช้ในแปลงปลูกถั่วฝักยาวของตนเอง ช่วงเดือน พฤษภาคม 2511 โดยฉีดพ่นในอัตราน้ำหมัก 5 ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร สามารถไล่แมลงและกำจัดศัตรูที่สำคัญของถั่ว ได้แก่ หนอนเจาะฝักถั่ว เพลี้ยอ่อนถั่ว ได้ผล โดยใช้น้ำหมักชีวภาพไล่แมลงและใช้น้ำหมักชีวภาพจากปลาราดโคนต้นควบคู่กันไป 1 ฤดูกาลผลิตใช้เพียงครั้งเดียว ทำให้ถั่วเจริญเติบโตได้ดีและผลผลิตสูงขึ้น ควรหมักให้พอดีกับพื้นที่และน้ำหมักที่ได้ควรใช้หมดในครั้งเดียว
ข้อมูลการลงทุน
1. ยีสต์ 1 กิโลกรัม ราคา 120 บาท
2. มะพร้าว ลูกละ 7 บาท
3. กากน้ำตาล กิโลกรัมละ 8 บาท
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
1) ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อสารเคมี
2) ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค
3) เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมไม่เป็นพิษและลดภาวะโลกร้อน
4) เป็นการใช้วัสดุในไร่นาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ผมเห็นว่ายุคนี้ต้องประหยัด ปลอดภัยไว้เป็นอันดับต้นๆคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบอาชีพการเกษตรหรือสำหรับผู้ที่ไม่นิยมสารพิษกำจัดแมลง หากสูตรดังกล่าวเผอิญไปซ้ำกับของใครเข้าต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ หรือท่านใดมีข้อเสนอแนะจะเติมเต็มก็ยินดีครับ
ขออนุญาตนำไปทดลองใช้ เท่าที่ดูวัสดุหาง่าย ราคาไม่แพง ขอบคุณครับ
เรียนมาสายวิทย์ และชอบปลูกต้นไม้ ครับ
อยากทำความเข้าใจว่าน้ำหมักนี้ไปไล่แมลงได้อย่างไร
ใครพอจะให้ความกระจ่างได้บ้าง
เท่าที่ดู ถ้าหมักยีสต์กับน้ำตาลก็จะได้แอลกอฮอล์ (เคยทำเป็นไวน์)
ถึงคุณ supra
ตามที่ผมเข้าใจนะครับ นอกเหนือจากแอลกอฮอล์ที่ได้แล้ว ส่วนหนึ่งจะเป็นเอ็นไซม์ ต่างๆที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการลอกคราบของแมลง ทำให้แมลงลดจำนวนลง และเอ็นไซม์บางชนิดก็เป็นสารไล่ในตัว ลองศึกษาเพิ่มเติมที่นี่นะครับ http://ayutthaya.doae.go.th/Mueang/KM_1.htm http://www.suanlukchan.com/discussion_taisuan.php?suan_chanruean_id=72
เหมาะสมแล้วกัยตำแหน่ง"คุณลิขิตยอดเยี่ยม" ของชาวยโส
อยู่ยโสธรฝากคิดถึงอจ.วิทยา วิทยาลัยเกษตรด้วยนะครับ
เดี๋ยวลองใช้ดูนะคะ
ขอบคุณสำหรับสูตรสมุนไพรนะคะ
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจครับ
ขอบคุณนะค่ะสำหรับสูตรไล่แมลง จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และขอ
อนุญาติบอกเพื่อนต่อนะค่ะ และอยากจะรบกวนถามวิธีการดื่มนำหมัก
ที่เราหมักผลไม้เวลาเราจะนำมาดื่มเราต้องผสมน้ำหรือว่าดื่มเพียว ๆ
เพราะว่าที่บ้านได้หมักผลไม้หลายชนิด สูตร ผลไม้ 3 กิโล
น้ำตาลทรายแดง 1 กิโล ต่อน้ำ 3-5 ลิตร หมักไว้ประมาณ 3-6 เดือน
อยากรบกวนถามว่าเวลาดื่มจะผสมอย่างไร
ขอบคุณค่ะ
สาวบ้านไร่
ขอบคุณนะค่ะสำหรับสูตรไล่แมลง จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และขอ
อนุญาติบอกเพื่อนต่อนะค่ะ และอยากจะรบกวนถามวิธีการดื่มนำหมัก
ที่เราหมักผลไม้เวลาเราจะนำมาดื่มเราต้องผสมน้ำหรือว่าดื่มเพียว ๆ
เพราะว่าที่บ้านได้หมักผลไม้หลายชนิด สูตร ผลไม้ 3 กิโล
น้ำตาลทรายแดง 1 กิโล ต่อน้ำ 3-5 ลิตร หมักไว้ประมาณ 3-6 เดือน
อยากรบกวนถามว่าเวลาดื่มจะผสมอย่างไร
ขอบคุณค่ะ
สาวบ้านไร่
ขอบคุณ สาวบ้านไร่ที่มาแวะให้กำลังใจครับ
ตามที่ศึกษามาและได้อ่านจากผู้รู้มาลองศึกษาข้อมูลนี้ดูครับ
วิธีการดื่ม มาตรฐาน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 แก้ว แต่ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน สามารถเพิ่มหรือลดอัตราส่วนได้
จะนำเอาไปศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพของนักศึกษาได้ไหมคะเนี่ย
ตอบ ครูศรช(ใหนเอ่ย)
ยินดีครับ ร่วมด้วยช่วยกันครับ
สุดยอดครับ ได้ความรู้มากๆขอบคุณนะครับ