เพลงอีแซวนักเรียน (ตอนที่ 1)
โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1
อำเภอดอนเจดีย์
จังหวัดสุพรรณบุรี 72170
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้งานเพลงไม่สำเร็จ
เมื่อพูดถึงศิลปะการแสดงเพลงอีแซวซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านประเภทหนึ่ง ที่ยังมีให้หาดูได้ในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยเฉพาะในงานประจำปี ที่วัดป่าเลไลยก์ มีงานปีละ 2 ครั้งคือ วันขึ้น 5-9 ค่ำ เดือน 5 และ ขึ้น 5-9 ค่ำ เดือน 12 นอกจากนั้นก็ต้องติดตามชมในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ บนเวทีวัฒนธรรมของจังหวัด แต่เวทีนี้เป็นการจัดการแสดงของนักเรียนแบบหลากหลาย การแสดงพื้นบ้านจึงมีให้ดูแบบไม่สมบูรณ์มากนัก โดยจัดเวลาการแสดงให้ชุดละประมาณ 30 นาที นับว่ามีเวลาน้อยไปกับการที่จะผูกสร้อยร้อยกรองออกมาเป็นการแสดงที่โดดเด่นเห็นได้ชัดเจน
(ภาพการฝึกซ้อมคิวการแสดงเพลงอีแซว ตามบทบาทที่ผู้แสดงได้รับมอบหมาย)
บทบาทของเพลงอีแซวนักเรียนในวันนี้มีมากขึ้น เมื่อสถานศึกษาถูกประเมินในแง่ของการนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ มาจัดการเรียนรู้ หลาย ๆ โรงเรียนจัดการเรียนรู้โดยการฝึกหัดให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติแสดงเพลงพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน รวมไปถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอื่น ๆ ตามศักยภาพของคุณครูและจากการขอความช่วยเหลือ การให้ความร่วมมือจากบุคคลภายนอก จนทำให้เยาวชนได้สัมผัสกับภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักเรียนได้มีความตระหนักในคุณค่าความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมเก่า ๆ ด้วย
(ภาพ ครูและนักเรียนทำหน้าที่ให้จังหวะกลอง ฉิ่ง กรับ ประกอบการร้องเพลงอีแซว)
มีสถานศึกษา ในระดับโรงเรียน วิทยาลัย สถาบัน ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัยหันมาให้ความสนใจในการฟื้นฟูศิลปะการแสดงเพลงพื้นบ้าน การละเล่นเด็กไทย จนไปถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นแขนงต่าง ๆ เพียงแต่รูปแบบในการสืบสาน การฟื้นฟูอาจไปคนละทางกับความอยู่รอดหรือการทำให้กลับมาคงอยู่ได้อย่างถาวร เป็นเพียงการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำในบางสิ่งบางอย่างได้แก่
- จัดทำเอกสาร วารสาร หนังสือ สารานุกรมสำหรับการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
- ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัย เป็นเอกสารทางวิชาการของตนเอง
- จัดทำโครงการสร้างงาน ให้เกิดเป็นผลงานโดยเปิดเวทีให้มีการแสดงพื้นบ้าน
- เพื่อแสดงพลังความคิดความสามารถในการมีส่วนร่วมกับวงการแสดงเพลงพื้นบ้าน
ภาพของการฟื้นฟูที่แท้จริง ภาพของการสืบสานที่กระทำอย่างแท้จริงเพื่อให้ศิลปะการ แสดงแขนงต่าง ๆ ที่พอจะยื้อเอาไว้ได้ให้คงอยู่ต่อไปจริง ๆ นั้น ผมได้สอบถามครูเพลงหลายต่อหลายท่าน จนถึงพี่เกลียว เสร็จกิจ (ขวัญจิต ศรีประจันต์) ก็มีเพียงคำตอบเดียวคือ จะต้องทำการฝึกหัดนักเพลงรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ให้ได้ และเพลงพื้นบ้านที่จะยังคงสภาพอยู่ได้ จะต้องเป็นเพลงที่สามารถนำเอาออกไปรับใช้สังคมได้ สังคมยังมีความต้องการสิ่งนั้น ๆ อยู่ ดังนั้นวิธีการอนุรักษ์ สืบสาน การฟื้นฟูศิลปะการแสดงเพลงพื้นบ้านที่แท้จริงคือ การมุ่งไปที่ฝึกหัดคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ และในการทำงานจะต้องใจจดใจจ่ออยู่กับวงเพลงหรือคณะนั้น ๆ อย่างต่อเนื่องแท้จริง มิเช่นนั้นก็จะไม่ปรากฏผลงานที่เด่นชัดขึ้นมาอย่างยั่งยืนได้ นั่นหมายถึงว่า ก็ไปไม่ถึงเป้าหมายของการคงรักษาไว้ได้นั่นเอง
(ภาพการประชันเพลงพื้นบ้านประกอบทอล์กโชว์ ลดภาวะโลกร้อน โดย อบจ.สุพรรณบุรี)
ปัจจัยที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ มีความเกี่ยวข้องหลายอย่าง ได้แก่
- นักแสดงที่เข้ามาฝึกหัดเพลงพื้นบ้านมิได้เข้ามาด้วยความรักและศรัทธาที่แท้จริง
- ผู้ปกครอง บิดา-มารดาไม่ให้การสนับสนุนบุตร-หลานเข้าร่วมกิจกรรมประเภทนี้
- สถานศึกษามุ่งที่จะทำให้มีให้เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วก็เลิกไป
- ครูผู้ฝึกหัดไม่มีประสบการณ์ที่แท้จริง ไม่สามารถที่จะพัฒนาไปสู่มืออาชีพได้
- ผู้ที่อาสาสมัครเข้ามาร่วมจัดกิจกรรมมุ่งที่จะโชว์ผลงานมากกว่าผลผลิตที่มั่นคงถาวร
- ขาดผู้ให้การสนับสนุนงบประมาณ เวลา สถานที่ โอกาสในการแสดงความสามารถ
- การมองข้ามบุคคลที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง (ปราชญ์ชาวบ้าน)
ผมจะขอนำเอาองค์ประกอบข้างต้นมาเสนอ ตามแนวคิด ประสบการณ์ที่ได้พบเห็นมาด้วยตนเองตลอดเวลาที่ผมอยู่บนเวทีการแสดงเพลงพื้นบ้านนานกว่า 35 ปี และทำวงเพลงพื้นบ้านให้กับโรงเรียนมานานกว่า 17 ปี (ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2535)
นักแสดงที่เข้ามาฝึกหัดเพลงพื้นบ้านมิได้เข้ามาด้วยความรักและศรัทธาที่แท้จริง
เด็ก ๆ หลายคนเข้ามาหาผม โดยการเลือกเรียนวิชาเพิ่มเติม ศิลปะกับภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยที่เขาไม่มีสิ่งใดเป็นข้อบ่งบอกถึงความเป็นพิเศษในตัวตนของเขาเลย เช่น เสียงร้อง ท่ารำ การเคลื่อนไหว ท่วงทีวาจาในการพูด ความกล้าแสดงออก มีเพียงความเฉื่อยชาซุกซนเล่นสนุกมากกว่าการมีสมาธิที่จะเดินทางไปให้ถึงเป้าหมายที่แท้จริง
ผู้ปกครอง บิดา-มารดาไม่ให้การสนับสนุนบุตร-หลานเข้าร่วมกิจกรรมประเภทนี้
ผู้ปกครองจะบอกกับลูก ๆ ของเขาว่า อย่างไปฝึกหัดเลย เพลงอีแซว เพลงพื้นบ้าน เล่นหยาบคาย (ความจริงไม่ใช่) เป็นการนำเสนอภาษาที่ดิ้นได้ สองแง่สองง่าม คิดอย่างไรก็ไปอย่างนั้น ผู้ปกครองไม่ชอบเป็นทุนอยู่แล้ว และอีกอย่างหนึ่งก็จะบอกกับลูกว่า ไม่มีเวลาที่จะไปรับ-ส่งในการฝึกหัดตอนเย็นหลังเลิกเรียนหรือในวันหยุด
สถานศึกษามุ่งที่จะทำให้มีให้เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วก็เลิกไป
ในประเด็นนี้มีความน่าเห็นใจ บางโรงเรียนยังไม่มีความพร้อมในตัวเด็กที่จะเข้ารับการถ่ายทอด ไม่มีครูที่มีประสบการณ์ตรงทางด้านนี้ (หายามาก) จึงทำให้การจัดกิจกรรมต้องทำเพื่อความอยู่รอด เอาตัวรอดไว้ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน
ครูผู้ฝึกหัดไม่มีประสบการณ์ที่แท้จริง ไม่สามารถที่จะพัฒนาไปสู่มืออาชีพได้
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ปลูกฝังได้ยาก การที่บุคคลคนหนึ่งจะสืบค้นหาบุคคลที่ตนเองมีความรักศรัทธาแล้วเข้าไปหาขอเรียนรู้ รับการถ่ายทอดเพลงพื้นบ้านให้เข้ามาอยู่ในตัวตน ติดตามไปดูการแสดงแล้วนำเอามาประยุกต์ผสมผสานกับผลงานของตนเอง เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลากว่าจะประสบความสำเร็จเกิดประสบการณ์ที่มั่นคงได้ต้องหลายสิบปี แต่ในทางลัดคือ การอ่านให้มีความรู้แล้วเป็นครูสอน จึงทำให้ไปไม่ถึงเวทีแห่งอาชีพ จนทำให้มีรายได้
ผู้ที่อาสาสมัครเข้ามาร่วมจัดกิจกรรมมุ่งที่จะโชว์ผลงานมากกว่าผลผลิตที่มั่นคงถาวร
ผลงานมองได้หลายด้าน หลายแง่มุมและสามารถที่จะเลือกนำเสนอเฉพาะแง่มุมดี ๆ ได้ เช่นจัดการแสดงเพลงพื้นบ้าน 10 นาที (ไม่เห็นข้อบกพร่อง) ในเพลง 1 วงมีคนร้องนำเพียงคนเดียวหรือ 2 คน (เล่นได้ไม่กี่นาทีก็หมดเนื้อหา) มุ่งที่จะฝึกหัดเพลงพื้นบ้านให้กับสถานศึกษาหลาย ๆ แห่งเพื่อตีวงกว้างออกไปแล้วขาดการติดตามฝึกแล้วก็จบไปไม่ได้ทำการสานต่อจนประสบความสำเร็จ ส่วนผลผลิตที่มั่นคง เป็นผลงานที่ยอมรับในสายตาของผู้ชมว่าคุ้มค่า เมื่อได้ชมการแสดงและต้องจ่ายเงินด้วยความเต็มใจ
ขาดผู้ให้การสนับสนุนงบประมาณ เวลา สถานที่ โอกาสในการแสดงความสามารถ
สิ่งนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่นับได้ว่ายังขาดกันอยู่มาก ผู้ให้การสนับสนุนเป็นบุคคลหลายฝ่ายที่มีอำนาจสั่งการ มีความสามารถในการให้โอกาส ได้แก่
- สละทรัพย์ส่วนตัวให้รางวัล อุปถัมภ์เครื่องแต่งกาย จัดงบประมาณ ให้การดูแล
- ให้เวลาในการฝึกหัดผู้แสดง ให้เวลาในการฝึกซ้อม ให้เวลาในการพัฒนา
- สถานที่และโอกาส มีเวทีให้เด็ก ๆ ได้แสดงออกตามความสามารถที่เหมาะสม
การมองข้ามบุคคลที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง (ปราชญ์ชาวบ้าน)
เป็นความไม่เข้าใจของคนสอนเพลงที่ไม่สามารถปรับปรุงได้ เพราะว่าถ้าเมื่อใดคุณไม่ยอมที่จะมองหาต้นแบบ แล้วเรียนรู้ฝึกปฏิบัติตามท่านเหล่านั้นก็คงหมดความเป็นจริง ในเมื่อของจริงยังถูกปฏิเสธ แล้วสังคมนี้จะเหลืออะไรให้เห็นเป็นแก่นสาร มีเสียงที่ผ่านมาเข้าหูผมหลายครั้งว่า “ไม่ควรไปนำเอานักเพลงแก่ ๆ มาขึ้นแสดงบนเวทีคนดูเขาเบื่อคนแก่ เขาอยากดูเด็ก ๆ เล่นเพลง” ซึ่งผิดกับผม ที่พยายามเก็บเกี่ยวความรู้จากคุณลุง คุณป้า จากพี่ ๆ คนเก่า ๆ ให้ได้มากที่สุดและเมื่อสบโอกาสผมจะนำพวกเขาเหล่านั้นมาแสดงให้เยาวชนได้เห็นของจริง ๆ (ติดตามตอนที่ 2)
(ภาพการแสดง บนเวทีงานบ้านมั่นคงสามชุก ที่ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี)
(ภาพการแสดงของครูชำเลือง มณีวงษ์ร่วมกับครูเพลงรุ่นเก่าที่ควรแก่การยกย่อง)
ชำเลือง มณีวงษ์ รางวัลชนะเลิศประกวดเพลงอีแซวจังหวัดสุพรรณบุรี ปี พ.ศ. 2525
รางวัลผู้มีผลงานดีเด่นราชมงคลสรรเสริญ (พุ่มพนมมาลา) ปี 2547
โล่รางวัลความดีคู่แผ่นดิน รายการโทรทัศน์ ททบ.5 ปี พ.ศ. 2549
สวัสดี ครับ หน.ลำดวน