หมอลำไทเลย


หมอลำไทเลย

กะจังวะเปิดผ้าม่านกั้ง แจ้งสว่างสีค่ำๆ มาฟังลำไทเลย จักหน่อยหน๋อ คลายเครียด (พูด) โอ้ย จักอีเป็นจังใด๋แน๋ว บ่เคยหน๋อ ฟังเบิ่งพี่น้อง ฟังเบิ่ง

โอ้ย เด้นาง ห่อข้าวแล้วกะซิเดินไปโด่งๆ ไผ่ซิเมียส่งอ้าย ก่อนโม้มโท่งนา ไปบ่หละไปไหว้ญ่านำกัน มาไปเก็บผักหวานดูทางบ้านอ้าย มาเก็บดอกฝ้ายหละไปเฮ็ดผ้าห่ม บ่ต้องกลัวด๋อกโอม มาไปเที่ยวเมืองเลย ไปเที่ยวเมืองเลย มาไปเที่ยวเมืองเลย (พูด) ไปนำอ้ายบ่หละ อ้ายซิพาไปไล่แหย่

เมืองเลย มีหม่องเที่ยวหลาย เชียงคาน ด่านซ้าย งามตาน่าดู งามแฮงนั้นมันแก่งคดคู้ งามแฮงนั้นมันแก่งคดคู้ หยามตะแวนคู้ลู้ มันสีแดงคื้อลื้อ ไผ่ๆเขากะเล่ากะลือ ไผ่ๆเขากะเล่ากะลือ หว่าสีมันนั้นคือ สีหมากพิกวน สีมากพิกวน สีมากพิกวน (พูด)แดงจื้งคื้งเลยหละพี่น้อง

เขามีฮอดมีตาโขน กว๋าพ่อโซ้นแม่โซ้น เคยเห็นแน่บ่ บ่เคยกะไปเบิ่งติหน๋อ บ่เคยกะไปเบิ่งติหน๋อ ม่วนออกกะเดาะ งานผีตาโขน ภูหลวง ภูเรือ กะน่ายล ภูกระดึงนั้นคน แห่งมาเที่ยวกันหลาย ภูกระดึงนั้นคน แห่งมาเที่ยวกันหลาย (พูด) หลายคักพี่น้อง แตกบื้นๆ อยู่ จักพื้นจักหลงปานหมู่พวกเลยหละ

แน้วกินกะมีแต่แซบๆ ซุปบักหมี่ บักแป้ป แซบหลาย แซบหลาย น้องงัวอ๋อใส่ผักอีเลิศ กินแล้วบ่เปิด กินแล้วบ่หน่าย อั้นหนึ่งนั้นแซบหลาย แซบหลาย อั้นหนึ่งนั้นแซบหลาย แซบหลาย จำไว้จำไว้ นั้นคือหมกจอนฟอน หมกจอนฟอน นั้น คือหมกจอนฟอน (พูด)โอ้ย แซบอีหลี พี่น้อง หมกใส่หยวกนี้คักขนาด

มาเดอมาฟ้อนใส่หมอลำ มาเดอมาฟ้อนใส่หมอลำ หมอลำไทเลย นี้บ่เคยจักเถี่ย เบิ่งติเนียะ เอ้าย้อนแยะย้อนแย้ง หละกะแห่งบ่เคยกะมาให้กันลำ กะแห่งบ่เคย กะมาให้กันลำ (พูด) โอ้ย เอาเหล้าขาว มามอมกันด๋อก เมาแล้วกะมาหย้องกันลำ

แน้วกินกะมีแต่แซบๆ ซุปบักหมี่ บักแป้ป แซบหลาย แซบหลาย น้องงัวอ๋อใส่ผักอีเลิศ กินแล้วบ่เปิด กินแล้วบ่หน่าย อั้นหนึ่งนั้นแซบหลาย แซบหลาย อั้นหนึ่งนั้นแซบหลาย แซบหลาย จำไว้จำไว้ นั้นคือหมกจอนฟอน หมกจอนฟอน นั้น คือหมกจอนฟอน (พูด) โอ้ย แซบอีหลี พี่น้อง เว้ามาน้ำหลายไหล หน๋อ

มาเดอมาฟ้อนใส่หมอลำ มาเดอมาฟ้อนใส่หมอลำ หมอลำไทเลย นี้บ่เคยจักเถี่ย เบิ่งติเนียะ เอ้าย้อนแยะย้อนแย้ง หละกะแห่งบ่เคยกะมาให้กันลำ กะแห่งบ่เคย กะมาให้กันลำ (พูด) โอ้ย เกิดจากท้องพ่อ ท้องแม่ นี่มันกะบ่เคยเด้อ สับหน่อไม้ ไล่แหย่ เก็บดอกฝ้าย ขายล๊อตเตอรี่ วะซั่นคือ มาให้กันลำนี่บ่ซะนั้น ด๋อก ฟังแล้วอยากหัวขวัญเจ้าของหว๋า

คำสำคัญ (Tags): #หมอลำไทเลย
หมายเลขบันทึก: 217817เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2008 19:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 18:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

๑. ชื่อศิลปะการแสดง

การแสดงหมอลำไทเลย (แมงตับเต่า)

จัดเก็บในปี ๒๕๔๙ ยังไม่ได้จัดเก็บ

๒. ประเภทของศิลปะการแสดง

ดนตรี การแสดง

ดนตรีและการแสดงในพิธีกรรม เพลงร้องพื้นบ้าน

๓. ความเป็นมา / ความสำคัญของเรื่องที่จะถ่ายทอด

หมอลำไทเลย หรือชาวบ้านเรียกว่า แมงตับเต่า เป็นศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ เฉพาะถิ่นที่หาดูได้ยาก มีสำเนียงการขับร้องที่ไม่เหมือนใคร ลักษณะการแสดงเป็นเรื่องเป็นราว มีดนตรีประกอบ มีท่ารำประกอบ จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าได้รับอิทธิพลมาจากเมืองหลวงพระบาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และในประเทศไทย ที่อำเภอหล่มเก่า หล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ สำหรับ

จังหวัดเลย ที่มีผู้แสดงอยู่ในขณะนี้อายุมากแล้ว มี ๑ คณะคือที่บ้านน้ำพร ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน

จังหวัดเลย ใกล้จะสูญหายแล้ว

๔. เป้าหมายในการจัดการถ่ายทอด

เยาวชนใน ระดับมัธยมศึกษา ในเขตจังหวัดเลย จำนวน ๕๐ คน และครูผู้ควบคุมได้รับการถ่ายทอดหมอลำไทเลย และสามารถแสดงสาธารณชนได้

สาวยหมอลำ สุดเท่ห์จริง ๆ คะ

ใส่ถุงเท้าสีเขียว สุดยอด

๘.๒ ความรู้พื้นฐานศิลปะการแสดง (เช่น ประวัติความเป็นมา ขนบในการแสดง พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องโอกาสที่ใช้ในการแสดง ขั้นตอนการแสดง วิธีการแสดง ดนตรีประกอบ ฯลฯ)

ประวัติความเป็นมา

หมอลำไทเลย (แมงตับเต่า) เป็นการแสดงที่เป็นเรื่องเป็นราว จากวรรณกรรมท้องถิ่นเหมือนหมอลำหมู่ของชาวอีสานทั่วไป โดยใช้ทำนองขับร้องตามสำเนียงภาษาไทเลย (จังหวัดเลย) ได้รับอิทธิพลมาจากเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว และจากอำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ปัจจุบันยังเหลืออยู่ ๑ คณะได้แก่ บ้านน้ำพร ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

ขนบในการแสดง

หมอลำไทเลย มีขนบในการแสดงก็คือ มีตัวละครทั้งหญิงและชาย มีตัวพระ ตัวนาง ตัวตลก หรือเรียกว่า “เจ๊อะ” แสดงเป็นเรื่องเป็นราวตามวรรณกรรมท้องถิ่น เช่น ท้าวโสวัตร นางแต่งอ่อน นกกระจอกน้อย เป็นต้น มีการขับร้อง การฟ้อน และการเจรจา

พิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การไหว้ครู (ยกอ้อยยอครู)

โอกาสที่ใช้ในการแสดง แสดงในงานทั่วไป เช่น การฟ้อนอีเจ๊อะ ออกแขก การบรรเลงทำนองสับใบในขณะที่ออกและข้าวของตัวละคร การขับร้องตามบทบาท เจรจาตามบทบาท เจรจาตามบทบาท แสดงไปตามเรื่องที่กำหนดจนจบ และลำอำลา

ดนตรีประกอบ

แคน ซอกะบั้ง (ซอกระบอกไม้ไผ่) ระนาดพื้นเมือง กลองตุ้ม แฉ่ง (ฉาบใหญ่)

การแต่งกาย

ตัวพระและตัวนาง จะสวมกระโจมหัว (ชฎาพื้นบ้าน)

ตัวพระ ใส่ผ้าโจงกระเบน เสื้อคอจีนแขนยาว ใส่เครื่องประดับตามเอว คอ แขน

ตัวนาง สวมผ้าซิ่นไทเลย เสื้อแขนกระบอก ใส่ผ้าสไบ

๘.๓ เนื้อหาสาระในการถ่ายทอดและฝึกฝนทักษะ ( เช่น ด้านดนตรี มีเครื่องดนตรี อะไรบ้าง ลักษณะเป็นอย่างไร และวิธีการบรรเลงอย่างไร ฯลฯ)

ดนตรี มีแคน ระนาด กลองตุ้ม แฉง (ฉาบใหญ่) ซอกระบอกไม้ไผ่

เวลาขับร้องหมอลำไปเลย ใช้แคนคลอตามทำนองหมอลำลายใหญ่ หรือลายน้อย

เวลาออกและเข้า ใช้ท่าฟ้อนแมงตับเต่า บรรเลงครบวงด้วย ลายสับใบ

๘.๔ ประวัติครูผู้สอน / วิทยากรท้องถิ่น

๑. นายสุวิทย์ สารเงิน ศิลปินดีเด่นจังหวัดเลย ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ สาขาดนตรีพื้นบ้าน ภูมิลำเนาเดิม บ้านหาดทรายขาว ตำบลหาดทรายขาว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งครูผู้สอน โรงเรียนนาด้วงวิทยา อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย

ความสามารถพิเศษ ขับร้องหมอลำไทเลย หมอลำอีสานทั่วไป แต่งกลอนลำได้ ดนตรีพื้นบ้านอีสาน ฟ้อนรำพื้นบ้าน เป็นผู้สืบทอดหมอลำไทเลยและถ่ายทอดลงสู่เยาวชนมาและได้ รับเชิญเป็นตัวแทนภาคอีสาน ไปแสดงในวันโทรทัศน์และวิทยุเพื่อเด็กสากล ประจำปี ๒๕๕๐ ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ กรุงเทพฯ

๒. นางละมิตร บาตะศรี ครูต้นแบบแห่งชาติ สาขาภาษาไทย ตำแหน่งครูชำนาฯการพิเศษ สาขาภาษไทย ภูมิลำเนา บ้านหาดทรายขาว ตำบลหาดทรายขาว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งครูผู้สอน โรงเรียนบ้านน้ำพร อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นผู้นำเอาศิลปะการแสดงหมอลำไทเลยสู่เยาวชนคนแรก เป็นเลขานุการศูนย์วัฒนธรรมหมอลำไทเลย มีความสามารถในการขับร้องหมอลำไทเลย และหมอลำอีสานทั่วไป ฟ้อนรำพื้นบ้านแต่งกลอนลำ

๓. นายขยาย บาตะศรี ครูชำนาญการ ภูมิลำเนา บ้านห้วยสีดา ตำบลหาดทราบขาว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งครูผู้สอน โรงเรียนบ้านน้ำพร อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นผู้นำเอาศิลปะการแสดงหมอลำไทเลย และหมอลำทั่วไปของอีสาน

สวัสดีค่ะ

***แถว ๆ บ้านไม่มี ขอบคุณที่แบ่งปัน

เคยดูเมื่อประมาณ 5 ปี มาแล้ว ที่งานผีตาโขน ด่านซ้ายค่ะ

ยอมรับว่าพึ่งทราบว่า เมืองเลยก็มีหมอลำไทเลย

สุดยอดค่ะ

หมอลำไทเลย (แมงตับเต่า)

การเล่นแมงตับเต่านี้สมมติผู้เล่นเป็นตัวละครตามวรรณกรรมนิทานหรือนิยายธรรมะ แฝงคติธรรมความเชื่อของกลุ่มชนท้องถิ่นบริเวณพื้นที่เขตจังหวัดเลย ก่อนปี พ.ศ.๒๔๗๐ ประชาชนแถบนี้นำการละเล่นแมงตับเต่าไปแสดงตามงานบุญที่วัดและงานบุญแจกข้าว ฯลฯ ผู้แต่งหรือเจ้าของคณะ จะหานักแสดงในหมู่บ้านโดยดูท่วงท่าและลักษณะรูปร่างที่เหมาะจะแสดงเป็นตัวอะไร เช่น พระเอก จะมีผิวพรรณสดใส ขาว พอสมควร ใบหน้าเป็นรูปไข่ ส่วนตัวนางเอกก็มีลักษณะนุ่มนิ่มเนื่องจากในสมัยโบราณพวกผู้หญิงไม่ได้เรียนหนังสือ ชาวบ้านนิยมดูคณะที่มีผู้ชายแสดง เพราะสามารถแสดงตลกและแสดงได้สมบทบาท ทำให้ผู้ชมเกิดความสนุกสนาน ครูผู้ฝึก จะนำเรื่องนิทานเหล่านี้มาเล่าให้เด็กเล็ก ๆ ฟังโดยการอ่านแบบกลอนลำสำเนียงไทเลย เขียนกลอนอ่าน ๑ บท ข้างหน้า ๓ คำ ข้างหลัง ๔ คำ การสัมผัสจะนิยมสัมผัสสระ กฏเกณฑ์ต่าง ๆ ไม่ค่อยบังคับ การเล่นแมงตับเต่าให้สนุกสนานนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากชาวหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ มาเป็นครูสอนแนวทางการออกเสียงและผันอักษร เนื่องจากมีความสัมพันธ์กันทางด้านเครือญาติชาติพันธุ์มาตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณ เรื่องที่นิยมแสดงในพื้นที่จังหวัดเลย ได้แก่เรื่อง ท้าวกาฬะเกด (นางมณีจันทร์) ท้าวโสวัต นางแต่งอ่อน จำปาสี่ต้น ท้าวสุริวงศ์ ท้าวลิ้นทอง การละเล่นแมงตับเต่า ลำเรื่องของชาวไทเลย มีวิธีการเล่นที่แตกต่างจากชาวอิสานทั่วไป เช่น วาดการร้อง เป็นแนวแบบพื้นเมืองเลยเรียกว่า วาดการลำแบบไทเลย ผันอักษรตามเสียงไทเลยส่วนใหญ่มักจะคุ้นหู เฉพาะประชาชนในพื้นที่จังหวัดเลยและชาวลาวฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงที่หาไปแสดงตามงานบุญต่างๆ

การแสดงประเภทนี้มีอยู่น้อย เนื่องจากสาเหตุหนึ่งคือ คนรุ่นใหม่ในจังหวัดเลย หันไปนิยมการแสดงหมอลำเรื่อง ลำหมู่ ลำเพลิน ลำซิ่ง ที่มาจากจังหวัดอื่น มีชื่อเสียงคณะของอีสานไทใต้ ได้รับการพัฒนาด้านต่าง ๆ จนเป็นที่น่าสนใจมากกว่าการดูการเล่นแมงตับเต่าพื้นบ้านเมืองเลย มีบ้างคือ คนรุ่นเก่า ซึ่งเป็นคนเฒ่าคนแก่คณะสุดท้ายในเมืองเลยที่ยังจะพอแสดงได้ก็เป็นผู้สูงอายุ มี 3 คณะคือ คณะบ้านน้ำพรเป็นผู้ชายทั้งหมด อายุเฉลี่ย 65 ปีขึ้นไป แสดงตามแนวประยุกต์ มีการร้องแบบภาษาเมืองเลยและทำนองเพลงจากถิ่นอื่นผสมตามโอกาส

ที่มาของคำ หมอลำไทเลย (แมงตับเต่า)

หมอลำไทเลย เป็นการเล่นที่สมมติผู้แสดงเป็นตัวละครตามเรื่องนิทาน นิยายจากวรรณกรรมใบลานท้องถิ่น นิยมแสดงเรื่องท้าวโสวัต ลิ้นทอง กาฬะเกด (นางมณีจันทร์) สุริวงศ์ จำป่าสี่ต้น สมัยโบราณนิยมใช้ผู้ชายแสดงเนื่องจากออกท่าทางแสดงตลกขบขันได้ดี ส่วนมาก ใช้ผู้ชายเนื่องจากออกท่าทางแสดงตลกขบขันได้ดี ส่วนมากใช้ผู้ชายที่เคยบวชเรียน เพราะอ่านทำนองอ่านหนังสือ(โอ่หนังสือ) แบบไทเลยมาร้องเจรจาโต้ตอบ บทจะสอดแทรกแนวคิด ปรัชญาทางโลกและทางธรรมให้คติสอนใจแกมบันเทิง ประกอบเครื่องดนตรีโบราณ ประกอบด้วยระนาด แคน ซอไม้ไผ่ กลอง ฉิ่ง การบรรเลงเพลงของนักดนตรีประกอบจะอาศัยการฟังว่า ตัวละครตัวใดจะขึ้นเสียงสูงต่ำมากน้อยแค่ไหน นักดนตรีจะเทียบเสียงจากคำสร้อยหรือคำขึ้นต้นที่นิยมร้องคือ แต่นี้ แต่นั้น (คล้ายภาคกลางที่ขึ้นต้นด้วยบทละครว่า บัดนี้ เมื่อนั้น) คำว่าแมงตับเต่าจากการสัมภาษณ์ นายเพียร แก้วดวงดี เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๓๘ ที่บ้านน้ำพร(นายสัมฤทธิ์ สุภามา เป็นผู้สัมภาษณ์) สันนิษฐานว่า

แมงตับเต่า หมายถึง แมลงชนิดหนึ่งตัวสีดำ มีเขาสั้น ๆ พอมองเห็น อาศัยอยู่ในหนองน้ำทั่วไป ตัวมีลักษณะคล้ายเต่า คือ มีหลังนูน ปีกแข็ง ตัวเล็ก ยาวประมาณ ๑ ๒ เซนติเมตร หัวและขาแข็ง ตัวลื่นจับไม่อยู่ตัวผู้มีหนอกแหลมที่หน้าอกยาวกว่าตัวเมียเล็กน้อย ออกไข่ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม เป็นระเบียบวางเรียงเหมือนเนื้อส้มโอ ตามใบหญ้าต้นไม้เล็ก ๆ ปะปนกับแมงดานา บินได้ในอากาศ เมื่อเดินบนดินจะเดินซิกแซกไปมาอย่างรวดเร็ว ท่วงท่า ดูน่าสนุกจึงนำเอาชื่อแมงตับเต่ามาเรียกการแสดงพื้นบ้านที่ถือเอาความสนุกสนานเป็นเกณฑ์ดังมีบทร้อยกรองแมงตับเต่าของหนุ่ม ร้องกระเซ้าเย้าแหย่ปนหยาบโลนว่า

แมงตับเต่าแมงเม่าขี้หมา จับอยู่ฝาแมงมุมแมงสาบ

จับซ่าบลาบแมงสาบแมงมุม

หรือ

ส้อน (ช้อน คำกิริยา) หลายเทื่อ (ครั้ง) หลายที

ส้อนจนปลิงเข้าหีย้อนแมงตับเต่า

หรือ.

ส้อนร้อยหลบ (ครั้ง) ร้อยเหล่า หลายเทื่อพันที

ส้อนจนปลิงเข้าหีย้อน (เพราะ) แมงตับเต่า

ความสนุกสนานและมีลูเล่นพลิกแพลงของตัวตลกเป็นสเนห์ที่สร้างสรรค์ความงามทางศิลปะแบบโบราณ แมงตับเต่าพื้นบ้านไทเลยที่เข้าถึงประชาชนชาวจังหวัดเลยได้ดี ประกอบด้วย พระเอก นางเอก ตัวกษัตริย์ มเหสี พี่เลี้ยง เสนา ม้า ฯลฯ ตัวละครที่มีการแสดงเป็นแบบแผนด้านการร้องและออกท่าทาง ได้แก่ ตัวกษัตริย์ มเหสี พระเอก นางเอก ตัวละครที่แสดงตลกด้านท่าทางและคำพูด ได้แก่ พี่เลี้ยง เสนา อำมาตย์ ม้า ฯลฯ เรียกว่า ตัวเบ็ดเตล็ด

จากการสัมภาษณ์ทำให้ทราบว่า แมงตับเต่า น่าจะมาจากคำว่า กัสโป ที่แปลว่าเต่า ตามนิทานชาดกพระเจ้าห้าร้อยชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๕ ยุคคือ ยุคที่ ๑ ยุคกุกุสันโท (แปลว่า ไก่) ยุคที่ ๒ ยุคโกนาคมะโน (แปลว่า เห็น) ยุคที่ ๓ ยุคกัสโป (แปลว่า เต่า) ยุคที่ ๔ ยุคโคตะโม (แปลว่า วัว) ยุคที่ ๕ ยุคพระอริยเมตรัยเมตะโม (แปลว่า มนุษย์) ดังปรากฏในคำไหว้ครูการเล่นแมงตับเต่าว่า กุกุสันโท โกนาคะมะโน กัสโป โคตะมะ อริยเมตรัย ให้มากุ้มมาเหลี่ยม ข้าน้อยไหว้

บทร้อยกรองแมงตับเต่า

บทร้อยกรองนิยมแต่งบทจากวรรณกรรม นิทางธรรมะเพื่อนำมาแสดงให้เกิดความสนุกสนานและได้ข้อคิดจากเรื่องนิทานชาดก โดยการออกเสียงผันอักษรตามแนวทางการออกเสียงแบบไทเลย เรียกว่า วาดการลำแบบไทเลย โยพัฒนามาจาก กอนอ่าน กอนเทศน์ และ กอนสวด โดย ๑ บท มี ๒ บาท บาทหนึ่งมี ๗ คำ โดยเขียนติดต่อกันเป็นวรรคเดียวกันหรือจะเขียนแบ่งเป็น ๒ วรรค วรรคหน้า ๓ คำ วรรคหลัง ๔ คำก็ได้ ทั้งนี้อาจมีคำเสริม (คำที่เติมหน้าวรรค) และคำสร้อย (คำที่เติมท้ายวรรค) เพิ่มเข้าไปด้วยก็ได้ การร้องจะพถีพิถันมากในตอนต้นของกลอนอ่านแต่ละตัวละครจะใช้วิธีการทอดเสียงตามเสียงสำเนียงไทเลยแล้วเอื้นคำให้ไพเราะ เรียกว่า เงาเสียง ซึ่งจไพเราะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับแนวทางการทอดเสียงของแต่ละตัวละคร (บุคคล) โดยเทียบเสียงจากแนวการเปล่งเสียง แต่ละคณะแต่ละหมู่บ้านมีวิธีการผันเสียงตามสำเนียงการเว้า (พูด) ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างบทร้องแมงตับเต่า

(แต่นั้น)

หอมเด้หอมดอกมะลิวัลย์ก้านก่อง ยังบ่ปานกลิ่นน้องลมต้องใส่พี่ชาย

เดือนก็หงายหงายแจ้งนอนตะแคงอ้ายจูบ เอามือลูบท้องน้องเย็นจ้อยอร่อยมือ

ใต้สะดือบ่อนเป็นคลื่นนอนกลางคืนเอาขาก่าย อื้อ มาหลายหลายเอามือวางไว้ท้องน้อย

ปานข้อยอยู่สวรรค์นอนาง

ข้อสังเกต

กลอนที่ใช้ร้องเป็นกลอนอ่าน วรรคหนึ่งมี ๘ ๑๔ คำ ส่วนใหญ่นิยม ๙ คน คำสัมผัสจากคำสุดท้ายวรรคที่ ๑ สัมผัส คำที่ ๓ หรือที่ ๔ ของวรรคถัดไป วรรคสุดท้ายจะมีมากกว่า ๙ คำได้ ถือว่าเป็นวรรคจบ การร้องคำขึ้นต้นจะมีคำว่า แต่นี้ และแต่นั้น อ้ายเอย ฯลฯ การร้องจะเอื้อนหลังคำสุดท้ายของวรรคแรกและคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒บางคนจะเล่นลูกคอ ตามคำอื่นก็ได้แล้วแต่จะสะดวก หมู่ บ้านที่ผันอักษรเป็นเพลงได้ไพเราะ คือ บ้านเหว่อ ตำบลทรายขาว อำเภอวังสะพุง บ้านหนองหมากแก้ว บ้านปวนพุ ตำบลปวนพุ กิ่งอำเภอหนองหิน บ้านน้ำพร ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ลีลาการเปล่งสำเนียงการร้องไพเราะคนละแบบ เทคนิคที่สำคัญคือ ถือตามแนวการผันอักษรของไทเลยเป็นหลัก การศึกษาค้นพบว่า ถ้าจะให้บทกลอนไพเราะ คำสุดท้ายแต่ละวรรคควรมีคำสัมผัสวรรคต่อไปเป็นคำที ๑,๒,๓,๔ หรือ ๕ การกำหนดคำสัมผัสขึ้นอยู่กับความหมายของข้อความที่จะร้อง สำเนียงการร้องวรรคที่ ๒ ต้องทอดยาวขึ้นเสียงสูงเล่นลูกคอเรียกว่า ร้องให้มีเงาเสียง เสียงนุ่มนวลไพเราะ เรียกว่า เสียงน้ำนม ดังบทร้องแมงตับเต่าต่อไปนี้

ตัวอย่างคำร้อง

(แต่นี้) นางก็บายเอาซิ่นไหมคำมาเอ้ใหม่ ม้าวใส่แขนแหวนใส่ก้อยกระจอนห้อยใส่หู

สร้อยสังวาลหมู่นี้ตกแต่งแปลงประดับ จับเอาแหวนทองคำมาใส่พระกรงามย่อง

พระนางมองแลหลิงดูสวยงามสง่า คือเทพาฟากฟ้าชายเห็นม่อยละแม่งตาย

พระพาหาขวาซ้ายกำไลคาดทองคำ นำสะไบมาเสลี่ยงพาดไหล่ลงงามย่อง

ตามทำนองเป็นหญิงนี้แปลงทรงให้ถ้วยถี่ กุมรีนาถน้องบ่อหมองเศร้าเก่าศรี

ว่าแต่พอท้อนี้ก็ญ่างย้ายไปสา กัลยานวลนางญ่างไปนอไวฟ้าว

วิธีการแสดงแมงตับเต่า

การเล่นแมงตับเต่าไทเลยบ้านทรายขาวและบ้านหนองหมากแก้ว มีวิธีการแสดงใกล้เคียงกัน ทางด้านการผันอักษรและเปล่งเสียง การเล่นลูกคอและการปะดิษฐ์เงาเสียง เนื่องจากหมู่บ้านอยู่ใกล้กัน ส่วนการเล่นแมงตับเต่าบ้านน้ำพร แตกต่างเฉพาะเสียงในการร้อง มีวิธีผันที่แตกต่างไปจากสองหมู่บ้านที่กล่าวมาโดยรวมแล้วทั้งสามคณะสามหมู่บ้านมีวิธีการแสดงที่เหมือนกันดังนี้คือ เริ่มจากการโหมโรง คระนักดนตรีบรรเลงเพลงประจำคณะ ที่มีอยู่ได้แก่ เพลงระบำ เพลงเชิด ใช้เครื่องดนตรีระนาด ตะโพน และฉิ่ง และตามด้วยเพลงสับใบ (ใช้แคนซอไม้ไผ่และฉิ่ง) บรรเลงสลับกันไป บอกให้ชาวบ้านรู้ว่าจะมีการแสดงแมงตับเต่า เพลงสับใบนี้จะบรรเลงนาน เนื่องจากให้ตัวประกอบในคณะออกมาเต้นและฟ้อนรำประกอบจังหวะ เรียกว่า ระบำเปิดฉาก ระบำเปิดฉากนี้จะมีทำนองสนุกสนานตลกขบขันตามแนวการเล่นแมงตับเต่าที่เน้นความครึกครื้น โดยให้ผู้ชายแต่งตัวเป็นหญิงบ้า ๆ บอ ๆ ทัดดอกจำปาแดงหรือดอกชบาใส่เสื้อกลับหน้ากลับหลัง นุ่งผ้าถุงลายทางตั้งหรือหมี่ข้อนำเอาส่วนเชิงผ้าถุงขึ้นข้างบน ส่วนหัวผ้าถุง (ชาวไทเลยทอผ้าซิ่นแบบมีหัวซิ่นและตีนซิ่น) ลงข้างล่าง กำไลเท้า คาดเข็มขัดเงิน เส้นโต ๆ ออกมาเต้นระบำทำท่าทางแบบคนปัญญาอ่อน แสดงออกทางอารมณ์ สนุกสนาน ทาปากแดง มีน้ำหมากเปรอะปาก จุกยาฝอยไว้ริมฝีปากบน เห็นได้ชัด การแสดงออกของผู้ชายชุดนี้จะแสดงออกทางท่าทางและอารมณ์ประกอบ สมมติเป็นหญิงใบ้ใจดีแฝงความน่ารัก (ทาหน้าขาวเหลือแต่ลูกตา) บางครั้งทำท่าน้ำลายไหลยืดเรียกว่า ฟ้อนก่องข้าวน้อยหรือรำอี่เจ๊อะ ผู้แสดงมีตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปจนถึง ๕ คน สะพายกะติ๊บข้าวเหนียว ออกมาเต้นฟ้อนประกอบดนตรี ทำทอง ปั้นข้าวจี่ติดอ้อนต้อน ปั้นข้าวก่ำติดอ้อนต้อนเคียดให้แม่บ่ยอมไปนอน (ดนตรีซ้ำ ๕ เที่ยว ตามที่ร้องมา) แล้วขึ้นทำนองใหม่ตอนท้ายอาจจะลงด้วยคำอื่นที่สนุกปนตลก

สวัสดีค่ะ

แต่ละที่ล้วนมีเอกลักษณ์ของตัวเองนะคะ

อยู่ที่ว่าเราจะอนุลักษณ์กันมากน้อยแค่ไหน

จะรอไปเที่ยว งานผีตาโขนปีหน้าค่ะ

 

ผมเป็นคนเล่นโปงลางของโรงเรียนนาด้วงวิทยา ครับ พิ่งหัด เเต่ไม่เก่งหลอก อย่ากฟัง ลายหมดลำไทเลยจัง ~_^

ฟังได้ที่ไหม หลอ

วีราพงษ์ หงษ์มาลา

ผมอยุจังหวัดเลยครับ

ผมชอบหมอลำครับ

ผมอยากลองหัดจัง

ผมไปหัดเรียนที่นั้นได้ไหมครับ

แล้วผมจะติดต่อได้ยังไง

อืมๆๆๆ

ขอให้ติดต่อมาที่ผมแล้วกันครับ.

0828561325

สุรเชษฐ์ บุตรโยจันโท

นี้คือบทกลอนที่ทางโรงเรียนนาด้วงวิทยาได้ทำการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ในรายการทีวีไทย

ในวันที่ ๓๐ พ.ค. ๕๓ ที่ผ่านมาครับ

และได้เผยแผ่ไปทั่วโลกแล้วครับ

บทร้องประกอบการแสดงหมอลำไทเลย ( แมงตับเต่า ) เรื่อง จำปาสี่ต้น ( ตอนที่ ๑ )

ปรับปรุงมาจาก ผลงาน นายพิสิษฐ์ สร้อยมี ศิลปินแมงตับเต่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

ปรับปรุงโดย นาย สุวิทย์ สารเงิน ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนนาด้วงวิทยา จ.เลย

บทนำ

( พากย์ ) บัดนี้ขอเชิญชวนอ้ายน้องมาเบิ่งการแสดง แมงตับเต่าหมอลำไทเลย สิเผยวาจาเว้า ซ่อยมาสืบสานเอาไว้วัฒนธรรมของไทย สิได้ก้าวเจริญยิ่ง มีทั้งชายและหญิงมาสนุกหม่วนแม้ง หมอลำนั้นกล่าวจา ฮั้นแน่ว

ฉากนำไหว้ครู ( ยกอ้อยอครู )

( หัวหน้าคณะร้อง )

บัดนี้...ผู้ข้ายอมือไหว้ ประนมกรยังกระหม่อม ไหว้ธรณีนาคน้ำนางน้อยเมขลาผู้เพิ่นเนาอยู่ฟ้าให้มาฮ่วมการแสดง ให้เสียงหองเสียงดีผู้ฟังได้ยินแมง การแสดงลำฟ้อนบทละครแมงตับเต่า ท่านผู้ฟังเมียฮอดบ้านให้ยอย้องว่าดี ทุกๆท่านทั้งพ่อพระอินทราเทวดาเบื้องบนให้ส่งญาณลงมาพี้ ให้เจ้าแยงลงก้ำในวงลำแมงตับเต่า มาเป็นเงาเหลื่อมล้ำ ลำไทเลยนั้นอย่าสุหลง...นั้นท่อน

รายนามผู้แสดงเป็นตัวละคร

พญาจักขืน นายโชคชัย แสงกุดเรือ

ปัดทุมมา ด.ญ. ศิริขวัญ โสมาศรี

เสนา ด.ช. วุฒิชัย ร่องจิก

เทวี น.ส. เบญจมาศ เทพประสิทธ์

หมอโหร ด.ช. ฟานบิน สุจิมงคล

สนม น.ส. พรศิริ โยธา

ฉากที่ ๑

ณ ท้องพระโรงเมืองจักรขิน

( พญาจักรขิน ร้อง )

แต่นั้น จะกล่าวเถิงจักรขินเจ้า พญาเมืองตนประเสริฐ จั่งแม่งงามเลิศล้นเทวีแก้วอยู่นำ แล้วกะมีลูกน้อยนามชื่อประทุมมา.. อายุสิบสี่พรรษา ลูกสาวโสภาเปรียบปานคือแต้ม คองเมืองบ้านมานมนานหลายเหล่า เนาในปราสาทกว้าง คองตุ้มไพร่ประชา...ฮั่นแน่ว

( พญาจักรขิน พูด )

สมมุตตินามตามท้องเรื่อง เฮานี้มีนามชั้นจักรขินพญาใหญ่ เป็นกษัตริย์คองบ้านเมืองนี้อยู๋เย็น มีมเหสีแก้วเทวีเป็นชื่อ ปัดทุมมานาถน้อยลูกสาวโก้กกว่าไผ อายุได้ ๑๔ ปีหลาย เอ้....มือนี้ยังบ่อเห็นมาเฝ้าอยู่ จำเป็นสินั่งรอคอยอยู่นี้สาก่อน

( พากย์ในซุ้ม )

หันมาจาถึงบั้นเทวีนางนาถ มเหสีพระพ่อท่านจัรกขินนั้นด่วนมา พร้อมลูกน้อยสาวงามกว่าหมู่ ปัดทุมมา ได้ย่างมา ...ท่านเอย

( ดนตรีบรรเลงเพลง ๒นาทีก็มีแฮง เทวีลำออกมา ปัดทุมมา ฟ้อนออกมา )

( เทวี ร้อง ) แต่นั้น...พอมาเถิงต่อหน้าตนพญาอวนพี่ เทวีกราบก้มไหว้เสด็จอ้ายพี่พระองค์ จุดประสงค์มื้อนี้มาเฝ้าตามกาล พร้อมนงคราญปัดทุมมาลูกคำแก้ว.....

( เทวี พูด ) เสด็จพี่เทวีไหว้ ( พญาจักรขิน ) ความสุขมีแต่เทวีเอ๋ย

( ปัดทุมมา พูด ) เสด็จพี่ปัดทุมมาไหว้ (พญาจักรขิน ) ไหว้พระเถอะลูก

( พญาจักรขิน ) เอาพ่ออิสอนปัดทุมมา ฟังพ่อเด้อ

( พญาจักรขินร้อง ) บัดนี้เป็นหญิงนี้ธรรมเนียมให้มันค่อง ตีนผมให้หล่ำเกลี้ยง ตีนซิ่นให้หล่ำเพียง เป็นหญิงนี้เฮือนสามน้ำสี่สิ่งดีดีจำไว้นางน้อยจื่อเอา...ฮั่นแน่ว

( ปัดทุมมา ร้องตอบ ) แต่นั้น..ปัดทุมมาน้อยได้ฟังพ่อสั่งสอน...เป็นผู้หญิงให้ฮู้จัก พร้ำเพียรเรียนรู้ แต่งกายได้ให้งดงามพอเบิ่ง ตีนผมให้ล่ำเกลี้ยงตีนซิ่นให้หล่ำเพียง เฮือนสามได้น้ำสีบ่มีหลง...ลูกนี้ปลงใจเอาคำสั่งสอนตนท่าน...นั้นแล้ว

( พญาจักรขิน พูด ) เอาหละเสร็จภารกิจตอนเช้าแล้ว ไปพักผ่อนกันได้ ไปเทวีและปัดทุมมา

( พญาจักรขิน ลำ ) บัดนี้ ว่าแล้วได้ยัวระยาดลีลา เฮามาพากันไปอย่าล่ำไลมันซ้า..

( บรรเลงเพลงสับใบ )

ฉากที่ ๒

( พากย์ ) หลายวันได้หลายเดือนแถมถ่าย เมืองจักรขินหมู่บ้านสำราญได้ผู้สู่คน แต่มือนนี้ยามเช้วองค์พญาตนพ่อ ออกว่าราชการอีกเถื่อน เชิญชมได้ต่อไป..พี่น้องเอย

( พญาจักรขิน ลำ ) แต่นั้น หลายวันได่หลายเดือนพ้นผ่าน คองเมืองบ้านจักรขินกว้างข่วงสำราญ มื้อนี้นั้นออกว่าราชการ..ท้องพระโรงเมืองเฮา สดใสงามโก้..

( พญาจักรขิน พูด ) มิ้อคืนนี้ฝันแปลกประหลาดต่าง บ่ฮู้ว่าสิเกิดเหตุฮ้อนอันใด บ่สบายเจ้า เมียเฮากับลูกอ่อน จำเป็นสิได้เว้าเอิ้นเมียเฮา เทวี ปัดทุมมา มาหาอ้ายเบิ่งดู๋

( เทวี สนม ฟ้อนออกมา ดนตรี เพลงนางนาค)

( เทวี พูด ) สำบายดีเสด็จพี่ น้องไหว้ ( ปัดทุมมา พูด ) เสด็จลูกไหว้

( จักรขิน พูด ) ไหว้พระเถอะ มื้อนี้มาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว อ้ายมีเรื่องสิเว้าสู่ฟัง

( พญาจักรขิน ลำ ) บัดนี้ อันว่าราชการเจ้าจักรขินต้านต่อ ต้านต่อเจ้าสองก้ำพ่ำกัน ฝันว่าสุริโยผ่ายบังเงาบดมืด แสงหล่าเศร้าบดเบื้องบ่อใส ฝันว่าเทโวฟ้า ฝนฮำลงแผ่น เป็นแม่น้ำนอง ท่วมทั่วเมือง ฝันว่าปราสาทปิ้นหักท่าวทะลายลง ในนทีหลวงจุ่มจมลงน้ำ เสสนาข้าชาวประชาพวกไพร เข้ากะลอยบ่ได้จมน้ำท่าวตาย ช้างและม้ามุดมอดในนที ทั้งงัวควายจุ่มลงน้ำบ่เหลือข้างหมูหมาเป็ดไก่ มุดมอดเมี้ยนตายเสี้ยงบ่เหลือ ตนเองเจ้าราชาก็จุ่มจมมเหสีเออกต้นกะจมพร้อมพร้ำกัน..แท้แล้ว

( พญาจักรขิน พูด ) ตามความฝันกะเป็นจั่งสี้หละ เทวีว่าสะใด๋ เอาหมดโหรมาทำนายเบิ่งสิดีบ่

( เทวี พูด ) น้องกะเห็นว่า สมควรให้หมอโหรมาทำนายเบิ่งจั่งชั้นละเสด็จพี่

( พญาจักรขิน พูด ) เสนา ไปตามหมดโหรมาเบิ่งดุ๋ย ( เสนา ตอบ ) โดยขะน้อย

( หมอโหรฟ้อนออกมา ลายสับใบ )

( หมอโหร พูด ) เอิ้นขะน้อยมายังนอ ( พญาจักรขิน พูด ) มื้อคืนนี้ฝันบ่ดี ฝันว่าฟ้ามืดฝนตกหนัก น้ำท่วมเมือง คนและเมืองสัตว์ในเมืองตายเบิด พ่อหมอลองทำนายเบิ่งดุ๋ย

( หมอโหร ลำ ) แต่นั้น พราหมณาเฒ่า หมอโหรจบเพท จับสอต้องกระดานหินเขียนขีดวงวาดไว้กงแก้วล่ำดู ก็แลเห็นแท้ เมืองเฮากว้างใหญ่ มันสิสูญิปุ่นปี้ เมืองบ้านเป่าแปนอันว่าแสนคนซ้ำ เสนาพวกไพร่ มันสิมุดมอดเมี้ยนตายเสี้ยงบ่เหลือ..นั้นแล้ว

( หมอโหร พูด ) โอ้ย..พญาพ่อเอ๋ย เจ้าพ่อฝันร้ายที่สุดเลย ประชาชนพลเมือวสัตว์น้อยใหญ่ในเมือง เจ้าพ่อ เจ้าแม่ กะติตายเบิด หมอโหรเองกะซิตาย ๙เหลือแต่นางน้อยปัดทุมมาคนเดียวจั่งสั้นหละ เจ้าพ่อเอย

( พญาจักรขิน พูด ) ถ้ามันฮ้ายแฮงจั่งชี้ สิมีทางแก้บ่ หมดโหร

( หมดโหร พูด ) แก้ไขบ่ได้เด็ดขาด ก่อนสิเจ้าพ่อเจ้าแม่สิตายให้เอานางน้อยปัดทุมมาเข้าเสี่ยงไว้ในกอง

จั่งสิปลอดภัย พรนางมีบุญบ่ตายดอก เสร็จแล้ว หมอโหรกะสิลาละเด้อ ไปเตรียมโตตายก่อน

( หมอโหรเดินเข้าซุ้ม )

( พญาจักรขิน พูด ) เฮาไปพักผ่อนสาก่อน ไปเทวี ปัดทุมมา

( เทวี ลำ ) แต่นั้น..ว่าแล้วได่ยัวระยาดลีลา เฮามาพากันเดินดุ่งเดินบ่รอช้า

( บรรเลงลายนางนาค ฟ้อนเข้าซุ้ม )

ฉากที่ ๓

( พากย์ ) หลายวันได้ หลายเดือนแถมถ่าย กะบ่อมีเหตุฮ้อนปรระการแท้สิ่งใด๋ หันมาจากเถิงเบื้อเมืองจักรขินอีกต่อ พ่อพญาว่านั้นสิจาเว้าจั่งใด๋ พ้อกับพยาจักรขินอีกเทื่อหนึ่งได้แล้วครับ

( พญาจักรขิน เทวี ฟ้อนออกมาตามจังหวะดนตรี เพลงสับใบ )

( เทวี ลำ ) บัดนี้..หลายวันได้ หลายเดือนแถวถ่าย ก็บ่มีเหตุฮ้อนอันใด๋แท้อย่างใด๋ หรือว่าหมดโหรเฒ่า ทายฝันบ่แหม่น ขอให้เป็นอย่างนี้ ราชาเจ้าสิส่วงใจ..แท้แล้ว

( เทวี พูด ) กะอยากให้เป็นจั่งสั้นหละ สาธุแม้อย่าเป็นคือคำทำนายแหม

( เสนา วิ่งตาตื่นมาท่าตกใจ )

( เสนา พูด ) พ่อพญา แม่พญาเอ๋ย มีฮุ้ใหญ่ นกยักย์ ๒ โต บินมาจับเอาคนไปกอบเกือนเบิดแล้ว อยู่แต่รอบๆ เมืองหลวง อีก ๗ มื้อมันสิมากินใหม่ ขะน้อย

( พญาจักรขิน พูด ) มันเป็นจั่งสั้นแท้แท้บ่อ เสนาเอย

( เสนา พูด ) แท้แท้ขะน้อย สิลาก่อนเด้อ สิไปหาม่องหลบก่อน ยังบ่อยากตาย บ่ได้เมียอยู่ ( เสนาวิ่งไป )

( พญาจักรขิน พูด ) อย่าเว้าไปเสนา ไปบอกลูกปัดทุมมาเดี๋ยวนี้ ( เสนา พูด ) ขะน้อย

( ปัดทุมมา พูด ) เสด็จพ่อมีเรื่องอันใด ( พญาจักรขิน พูด ) จำเป็นต้องเอาลูกไปเสี่ยงไว้ในกองบ่ให้นกฮุ้งยักย์มันเห็น

( เทวี พูด ) อย่าเอาลูกไปไว้ในกองเถอะ ตายไปพร้อมกันพ่อแม่ลูกนี้หละเสด็จพี่

( พญาจักรขิน พูด ) พระบาทท้าวขานตอบเทวีแพงศรีเอยอย่าจาคำนี้ มันสิสูญเสียทิ่มพงศ์พันธ์ เชื้อชาติเกิด ลางเทื่อบุญซ่อยค่ำนางน้อยบ่ตายนั่นเด

( ปัดทุมมาน้อย ลำ ) ปัดทุมมาน้อย ยอมือนบพ่อ กะเลยปากบ่อได้น้ำตาย้อยย่าวลง นางก็ทรงคำเศร้าคะนึงคำพระพ่อ เสียงสะอื้นให้ ปัดทุมมาน้อยส่วนสิตาย..พ่อเอย

( ดนตรี บรรเลงธรณีกรรแสง )

( ปัดทุมมา พูด ) คันพ่อเว้าจั่งสั้น ปัดทุมมากะบ่ขีนดอกพ่อเอย

( พญาจักรขิน พูด ) เสนาไปเอากองใบใหญ่มา เตรียมข้าวปลาอาหารของอยู่ของกินใส่ไว้ในกอง พร้อมกับปัดทุมมา

( ปัดทุมมา พูด ) ปัดทุมมาน้อยยอมือไหว้พ่อแม่ ลูกขอลาไปแล้วในกองนั้นต่อไปลาก่อนเสด็จพ่อ เสด็จแม่

( พญาจักรขิน พูด ) พอเมื่อลูกเข้ากองแล้วอัดแจบให้ดี เฮาไปเตรียมตัวจายพร้ำกันนอเจ้าเอาตนเข้าในวังสาก่อนตอนหน้าพุ้นจั่งมาพ้อพบกัน..พ่อน้องเอย

ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ร่วมแสดงในครั้งนั้นรู้สึกตื่นเต้ยมากในการแสดงในครั้งนั้น

ถึงแม้การแสดงของพวกเราจะจบลงไปแล้วแต่สำหรับพวงการแสดงยังดำเนินต่อไปเพื่อสร้างความสนุกสนานและสืบสานวัฒนธรรมความเป็นไทเลย ( แมงตับเต่า ) เพราะพวกเราอยากให้เป็นมากกว่าวงโปงลางหมอลำไทเลย ขอบคุณหลายๆเด้อ

สุรเชษฐ์ บุตรโยจันโท

ถ้าอยากฟังหมอลำไทเลยของเยาวชนให้มาฟังเมิ่นนาด้วงวิทยาพี่เด้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท