เบี้ยวหนี้ 5 พันล้าน ประทังรอเงินภาษี
หนีไม่พ้นความจริงรัฐบาลถังแตก คลังขออนุมัติ ครม.
ยืดเวลาชำระหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน 5,000 ล้าน
ให้แบงก์ออมสิน หลังครบกำหนดวันที่ 26 เม.ย.
เจียดจ่ายพอกันตายในช่วง 2
เดือนค่อยมือเติบอีกครั้ง
หลังภาษีนิติบุคคลไหลเข้าเดือนมิถุนายน
ปากแข็งไม่เบี้ยวหนี้หนองงูเห่าหลายหมื่นล้าน
เงินเดือนข้าราชการก็ยังจ่ายตามปกติ
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่
28 มีนาคมนี้
มีมติอนุมัติให้มีการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ 2549
ครั้งที่ 3
โดยเห็นชอบให้มีการเพิ่มวงเงินในแผนการบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในส่วนราชการ
Roll-over พันธบัตรตราสารหนี้ของรัฐบาลอีกจำนวน 5,000
ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากวงเงินเดิม 260,000 ล้านบาท เป็น
265,000 ล้านบาท และให้มีการปรับวิธีการบริหารหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล
และ
รัฐวิสาหกิจ
ในส่วนของการกู้เงินและค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศของรัฐบาล
รวมทั้งรัฐวิสาหกิจนั้น ครม.
ก็เห็นชอบให้กระทรวงการคลังสามารถพิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน
เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
และการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
"กระทรวงการคลังเห็นว่า ควรจะเจรจายืดหนี้
ตั๋วสัญญาใช้เงินปีงบประมาณ 2543 ครั้งที่ 3
ที่มีกับธนาคารออมสิน รุ่นอายุ 6 ปี วงเงิน 5,000
ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี
ซึ่งครบกำหนดต้องไถ่ถอนคืนในวันที่ 26 เม.ย. 2549 นี้
โดยจะมีการขอตกลงกับธนาคารออมสินเพื่อขยายอายุตั๋วสัญญาใช้เงินออกไป"
นายเฉลิมชัยกล่าว
นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดทำงบประมาณและการปรับแผนปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
2550 หลังการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่
โดยการจัดทำงบประมาณจะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
คณะรัฐมนตรีจึงปรับแผนปฏิทินงบประมาณปี 2550
ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายนนี้
สำนักงบประมาณจะเสนอกรอบวงเงินงบประมาณปี 2550 ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ
จากนั้นส่วนราชการทำข้อเสนอของบประมาณปี 2550
ส่งสำนักงบประมาณภายในวันที่ 7 เมษายน
และสำนักงบประมาณจะร่วมกับส่วนราชการเสนองบประมาณเบื้องต้นในวันที่
8-25 เมษายน โดยคณะรัฐมนตรีจะพิจารณางบประมาณปี 2550
และคาดการณ์รายได้ 3 ปีล่วงหน้า ในวันที่ 18 เมษายน
ก่อนที่จะพิจารณาอนุมัติวันที่ 14 มิถุนายน แล้วทำเป็น พ.ร.บ.
และเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 25 กรกฎาคม 2549
นายเฉลิมชัยกล่าวว่า สภาจะเริ่มพิจารณาร่าง
พ.ร.บ.งบประมาณวาระแรกในวันที่ 9-10 สิงหาคม 2549
และวุฒิสภาพิจารณาวันที่ 16-17 ตุลาคม คาดว่าจะทูลเกล้าฯ
พ.ร.บ.งบประมาณปี 2550 เพื่อประกาศใช้ในวันที่ 24 ตุลาคม 2549
และจะเริ่มใช้งบประมาณปี 2550 ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน
2549
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
การยืดเวลาชำระหนี้ หรือ Rool-Over ตั๋วสัญญาใช้เงินของรัฐบาลจำนวน
5,000 ล้านบาท เพื่อรักษาระดับเงินสดให้เพียงพอกับการเบิกจ่ายงบประมาณ
เนื่องจากระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณสูง
ขณะที่รายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคลต้องนำส่งกระทรวงการคลังในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน
ทำให้เงินคงคลังไม่เพียงพอรองรับธุรกรรมรายจ่าย
ของรัฐบาล
จึงเห็นควรให้ยืดเวลาชำระหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่ธนาคารออมสิน
หรือจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมแทน
"ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตกอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด"
นพ.สุรพงษ์กล่าวย้ำ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ได้กำชับนายทนง พิทยะ รมว.คลัง
ให้ดูแลเงินคงคลังอย่างใกล้ชิด
รวมทั้งตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของส่วนราชการทุกแห่งว่ามีหน่วยงานใดเบิกจ่ายเงินแล้วงนำไปฝากสถาบันการเงินเพื่อหวังรายได้จากดอกเบี้ย
หากตรวจพบผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานนั้นจะต้องรับผิดชอบ
เพราะถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม
เป็นการนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้ในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)
กล่าวว่า ครม.
ยังได้อนุมัติให้มีการปรับวิธีการบริหารหนี้ต่างประเทศของรัฐบาลและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
โดยให้มีการกำหนดวงเงินรวมในการบริหารจัดการหนี้ต่างประเทศไม่ต้องแยกเป็นวงเงินย่อย
และให้สามารถเลือกแนวทางบริหารหนี้ได้หลายวิธีตามที่กระทรวงการคลังเห็นว่ามีความเหมาะสม
และมีความสอดคล้องกับสภาวะของตลาดในแต่ละช่วง ทั้งนี้
จากเดิม ครม. มีการกำหนดไว้เป็นวงเงินย่อยของแต่ละวิธี
ทำให้ไม่เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เพราะเวลาที่ตลาด
มีการเปลี่ยนแปลง วิธีที่เคยกำหนดไว้อาจจะไม่เหมาะสม
ทำให้ต้องขออนุมัติจาก ครม. หลายรอบ
ผอ.สบน.กล่าวว่า การบริหารหนี้ต่างประเทศดังกล่าว
ไม่ได้มีการปรับวงเงินการบริหารจัดการแต่อย่างใด
โดยยังคงอยู่ที่วงเงินเดิมที่ ครม. เคยอนุมัติเอาไว้แล้วที่
326,347.06 ล้านบาท
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แยกวงเงินตามประเภทของการบริหารจัดการไว้ ได้แก่ 1.
การบริหารหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล วงเงินรวม 132,809.28 ล้านบาท
แยกเป็น Prepayment วงเงิน 42,207.45 ล้านบาท และ Swap
Arrangment วงเงิน 90,601.83 ล้านบาท
ขณะที่การบริหารหนี้ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ
วงเงินรวม 193,537.77 ล้านบาท แยกเป็น Prepayment วงเงิน
7,588.8 ล้านบาท Roll-over วงเงิน
3,588.79 ล้านบาท Refinance วงเงิน 52,088.73 ล้านบาท
และ Swap Arrangment วงเงิน 130,271.38 ล้านบาท
นายวราเทพ รัตนากร รมช.คลัง
กล่าวกรณีมีข่าวว่ารัฐบาลค้างจ่ายเงินผู้รับเหมาก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิหลายหมื่นล้านบาทเนื่องจากเงินคงคลังเหลือไม่เพียงพอว่า
เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
เนื่องจากการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิใช้เงินกู้จากต่างประเทศ
จึงไม่เกี่ยวข้องกับฐานะเงินคงคลังแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้รับเหมาทั่วประเทศส่งงานไป 6 เดือนแล้ว
แต่ยังไม่ได้รับเงิน
ในทางปฏิบัติกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินให้แก่ส่วนราชการ
หรือจ่ายตรงให้ผู้รับจ้างภายในระยะเวลา 3-7 วัน
การกล่าวอ้างเรื่องดังกล่าวจึงเป็นไปไม่ได้
รมช.คลังกล่าวด้วยว่า เงินงบประมาณที่ใช้ในการจัดการเลือกตั้งวันที่ 2
เมษายน จำนวน 2,000 ล้านบาท
หรืออาจจะมากกว่านั้นหากการเลือกตั้งไม่ยุติในคราวเดียว
เงินที่ใช้จัดการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นเงินงบกลางของปีงบประมาณ
2549 และมีเงินรายได้แผ่นดินรองรับไว้แล้ว
ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ปรับแผนการใช้จ่ายเงินให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย
จึงไม่ส่งผลกระทบต่อเงินคงคลังแต่อย่างใด
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังชี้แจงว่า
การขาดกระแสเงินสดรับของรัฐบาลเกิดขึ้นเป็นปกติทุกปี
ยืนยันว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งผลแค่ในส่วนของการเบิกจ่ายงบลงทุน
ส่วนงบประจำอย่างเงินเดือนของข้าราชการยังไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้สั่งให้
กรมบัญชีกลางหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
โดยในเบื้องต้นได้ตรวจสอบว่าหน่วยงานใดที่มีเงินฝากอยู่ในธนาคารเป็นจำนวนมาก
ให้นำเงินส่วนนั้นออกมาใช้ก่อนเพื่อแก้ปัญหาในระยะสั้น
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาในระยะยาวนั้น
ทางกรมบัญชีกลางต้องมาดูว่าหน่วยงานที่เบิกเงินแล้วไปฝาก
ในธนาคารและไม่สามารถดึงกลับมาใช้ก่อนได้
มีข้อขัดข้องทางกฎหมายเรื่องใด หากจำเป็นต้องแก้กฎหมาย
ในส่วนนี้ก็คงต้องทำ เช่น กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
ที่มีเม็ดเงินฝากไว้ที่ธนาคารเป็นจำนวนมาก
แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่
และไม่สามารถใช้เป็นเงินทดรองจ่ายของหน่วยงานอื่นได้
รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ที่ฝากเงินไว้โดยไม่ใช้ประโยชน์
จึงต้องหาทางแก้กฎหมายเพื่อให้สามารถดึงเงินเหล่านี้มาใช้จ่ายได้
ไทยโพสต์ 29
มีนาคม 2549
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized หมายเลขบันทึก: 21706เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2006 11:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น