เกณฑ์การประเมิน
เกณฑ์การประเมินของดัชนีในระบบประกันคุณภาพต่าง ๆ สามารถประมวลไว้เป็น
3 รูปแบบ
ดังนี้
แบบที่ 1 กำหนดค่า Benchmark
ระบบนี้เป็นการกำหนดค่าที่ยอมรับได้ไว้ที่ระดับหนึ่งซึ่งอาจเป็นค่าสูงสุดหรือค่าต่ำสุดก็ได้
(Benchmark)
ทั้งนี้เพื่อใช้เปรียบเทียบผลการดำเนินการว่าได้ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้
หรือมีการพัฒนาอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับค่าสูงสุดที่กำหนดไว้
เช่น
- จำนวนนิสิตที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรในเวลา 4 ปี
- สัดส่วนของอาจารย์ที่มีวุฒิปริญญาเอกต่ออาจารย์ทั้งหมด
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อจำนวนนิสิต
- จำนวนหลักสูตรที่ได้รับการทบทวนปรับปรุงในรอบ 5 ปี
ระบบนี้เหมาะสำหรับการติดตามดูผลการดำเนินงานของดัชนีที่กำหนดให้มีเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ที่ระดับหนึ่ง
หรือเพื่อใช้ติดตามผลการปรับปรุงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าที่ได้ตั้งไว้
กำหนดค่า Benchmark ระบบนี้เป็นการกำหนดค่าที่ยอมรับได้ไว้ที่ระดับหนึ่งซึ่งอาจเป็นค่าสูงสุดหรือค่าต่ำสุดก็ได้ (Benchmark) ทั้งนี้เพื่อใช้เปรียบเทียบผลการดำเนินการว่าได้ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ หรือมีการพัฒนาอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับค่าสูงสุดที่กำหนดไว้ เช่น - จำนวนนิสิตที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรในเวลา 4 ปี - สัดส่วนของอาจารย์ที่มีวุฒิปริญญาเอกต่ออาจารย์ทั้งหมด - ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อจำนวนนิสิต - จำนวนหลักสูตรที่ได้รับการทบทวนปรับปรุงในรอบ 5 ปี ระบบนี้เหมาะสำหรับการติดตามดูผลการดำเนินงานของดัชนีที่กำหนดให้มีเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ที่ระดับหนึ่ง หรือเพื่อใช้ติดตามผลการปรับปรุงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าที่ได้ตั้งไว้
แบบที่ 2 ระบบ Point system
ระบบนี้เป็นการกำหนดระดับคะแนนไว้เป็นแต้มหรือเป็นช่วง
เพื่อกำกับการประเมิน เช่น
ระบบ Point system ระบบนี้เป็นการกำหนดระดับคะแนนไว้เป็นแต้มหรือเป็นช่วง เพื่อกำกับการประเมิน เช่น
คะแนน 1 – 4
1 = ควรปรับปรุง
2 = พอใช้
3 = ดี
4 = ดีมาก
คะแนน A , B , C
A
= Excellent หรือ ดีเยี่ยม
B = Average หรือ พอใช้
C = Poor หรือ ต้องปรับปรุง
การกำหนดระดับคะแนนอาจอาศัยการประมวลผลจากข้อมูลในอดีต
หรือใช้การตกลงภายในกลุ่มผู้ทำการประเมินก็ได้
ทั้งนี้ดัชนีตรวจสอบทั้งหลายที่สถาบันต่างๆได้ดำเนินการอยู่สามารถแปลงมาเป็นดัชนีประเมินโดยอาศัยเกณฑ์การประเมินของระบบ
Point system นี้ได้
แนวทางในการกำหนดเกณฑ์กำกับการให้คะแนนในระดับต่าง ๆ โดยทั่วไปอาจเป็นดังนี้
ระดับคะแนน |
ความหมาย |
1 |
การดำเนินการไม่บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามที่ได้กำหนด มีความด้อยประสิทธิภาพมาก ต้องปรับปรุงแก้ไข |
2 |
การดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายบางส่วน แต่ยังต้องมีการพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
3 |
การดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายครบถ้วน แต่ยังมีโอกาสในการปรับปรุงให้ดีกว่านี้ได้ |
4 |
การดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้อย่างครบถ้วนและดีเยี่ยม |
ในขณะเดียวกันระบบนี้เมื่อใช้กับดัชนีเชิงปริมาณที่ต้องการการประเมินผลหรือการลงความคิดเห็นกำกับดัชนีที่อาจกำหนดเกณฑ์กำกับระดับผลการดำเนินการที่แตกต่างกัน
ได้
ดัชนี
ร้อยละของวิชาที่มีการรายงานผลตรงตามกำหนดเวลา
อาจกำหนดเกณฑ์ไว้ดังนี้
ต่ำกว่า ร้อยละ 80 - ควรปรับปรุง (= 1 คะแนน)
มากกว่าร้อยละ 80 - พอใช้ (= 2 คะแนน)
มากกว่าร้อยละ 90 - ดี (= 3 คะแนน)
เต็ม
100 % - ดีมาก (= 4 คะแนน)
แบบที่ 3 ระบบ Weight adjustment
ระบบนี้จะมีการกำหนดค่าน้ำหนักกำกับดัชนีต่าง ๆ
ทั้งนี้เพื่อเน้นความสำคัญในดัชนีแต่ละตัวแตกต่างกัน เช่น
ดัชนีในองค์ประกอบของการเรียนการสอนอาจประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยอีก 3
ข้อ
ซึ่งสถาบันการศึกษาต้องการเน้นความสำคัญในแต่ละองค์ประกอบต่างกันดังนี้
ระบบ Weight adjustment ระบบนี้จะมีการกำหนดค่าน้ำหนักกำกับดัชนีต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อเน้นความสำคัญในดัชนีแต่ละตัวแตกต่างกัน เช่น ดัชนีในองค์ประกอบของการเรียนการสอนอาจประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยอีก 3 ข้อ ซึ่งสถาบันการศึกษาต้องการเน้นความสำคัญในแต่ละองค์ประกอบต่างกันดังนี้
องค์ประกอบย่อยที่ |
|
น้ำหนัก |
1 |
ร้อยละของวิชาที่มีแผนการสอน |
15 % |
2 |
ร้อยละของนิสิตที่สอบผ่านชั้นปีที่ 1 |
50 % |
3 |
สัดส่วนของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาต่อนิสิตที่รับเข้าในชั้นปีนั้น |
35 % |
ระบบนี้อาจใช้เพื่อกำกับการลงความเห็นในภาพรวมขององค์ประกอบย่อยหรือองค์ประกอบใหญ่ของแต่ละคณะวิชา
โดยใช้ควบคู่ไปกับระบบการให้คะแนนในแบบที่สอง
อย่างไรก็ตามระบบการให้น้ำหนักกับดัชนีย่อยนี้ควรพิจารณาใช้เฉพาะดัชนีที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับความสัมฤทธิผลของดัชนีรวมนั้นๆเท่านั้น
มิเช่นนั้นอาจทำให้ผลการสรุปบิดเบือนไปได้
ตัวอย่างเช่น
คณะวิชาหนึ่งอาจมีผลการดำเนินการตามดัชนีในองค์ประกอบของการเรียนการสอนดังนี้
องค์ประกอบย่อยที่ |
ผลการดำเนินการตามดัชนี |
น้ำหนัก |
1 |
ดีมาก (= 4 คะแนน) |
15 % |
2 |
พอใช้ (= 2 คะแนน) |
50 % |
3 |
ดี (= 3 คะแนน) |
35 % |
สรุปผลการดำเนินการตามดัชนีในองค์ประกอบนี้จะสามารถคำนวณได้ดังนี้
= 4 x 0.15 + 2 x 0.5 + 3 x 0.35
= 2.65
ซึ่งอาจสรุปในภาพรวมขององค์ประกอบนี้ได้ว่าอยู่ในระดับพอใช้จนถึงค่อนข้างดี
เป็นต้น
ข้อแนะนำในการกำหนดเกณฑ์การประเมินสำหรับการประกันคุณภาพภายในของสถาบันการศึกษาต่างๆดังนี้
1.
ทำการสำรวจและรวบรวมเบื้องต้นจากการดำเนินการของคณะวิชาต่างๆเพื่อหาค่า
สูงสุด-ต่ำสุดและค่าเฉลี่ย โดยอาจประมวลข้อมูลแยกตามกลุ่มคณะวิชาเป็น
กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ กลุ่มวิทยาศาสตร์ประยุกต์ กลุ่มสังคมศาสตร์
เป็นต้น
2.
ประมวลความคิดเห็นในแต่ละสาขาเพื่อกำหนดเกณฑ์กำกับดัชนีและกำกับองค์ประกอบของการประเมินผลระบบคุณภาพภายใน
3.
ดำเนินการระบบการประเมินและติดตามปรับปรุงเกณฑ์ต่างๆให้เหมาะสม
ไม่มีความเห็น