ผู้นำนักประสาน
ผู้มีบทบาทคนสำคัญในกลุ่มผู้สูงอายุนักปฎิบัตินี้ คือ ลุงสวัสดิ์
ด้วงดำ วัย 75 ปี ผู้นำกลุ่มที่ทำหน้าที่เป็นทั้งคุณเอื้อและคุณประสาน
เริ่มตั้งแต่การเป็นนักหาทุนหากิจกรรมให้ผู้สูงอายุได้มาทำร่วมกันในเรื่องต่าง
ๆ รวมทั้งเรื่องการออกกำลังกาย
ระหว่างดำเนินการซึ่งมีเงื่อนไขของผู้ให้ทุนเป็นอย่างไร
ต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ลุงสวัสดิ์ก็รับหน้าที่ประสานให้กับกลุ่ม
เพราะปัญหาของผู้สูงอายุคือ การต้องบันทึกและการเขียนรายงาน
รวมทั้งการทำบัญชี ที่ผู้สูงอายุไม่ถนัด
กลุ่มพี่เลี้ยงจึงเข้าไปช่วยในส่วนนี้ด้วย
รวมทั้งการช่วยจัดทำ VCD กายบริหารกระจูดที่ผู้สูงอายุเป็นผู้สาธิต
ไว้เป็นสื่อประกอบการออกกำลังกายทั้งในกลุ่มผู้สูงอายุ
และสำหรับผู้สนใจ
โรคหาย สบายใจ ด้วยกายบริหารกระจูด
ท่ากายบริหารกระจูดจึงเป็นความสำเร็จที่ผู้สูงอายุภาคภูมิใจ
ซึ่งผลความสำเร็จของผู้สูงอายุดังกล่าว
นอกจากเกิดประโยชน์ต่อผู้สูงอายุเองที่เมื่อทำกายบริหารแล้วสามารถบรรเทาอาการเข็ดเมื่อย
และโรคของวัยผู้สูงอายุ
ซึ่งผู้สูงอายุยืนยันว่าหลายคนมีอาการดีขึ้น
บางคนจากที่เคยเดินหลังงอพอทำบ่อย ๆ นานเข้าก็ค่อย ๆ
ยืดตัวได้มากขึ้น หรือบางคนแค่จะเดินไปในระยะทางใกล้ ๆ แค่ 10
เมตร 20 เมตร ยังต้องหยุดพักบ่อย ๆ
ก็สามารถเดินรวดเดียวไปถึงเลย
ป้าสุคนธ์
เล่าพร้อมกับทำท่าทางประกอบโดยเหยียดมือออกมาแล้วบอกว่า
เมื่อก่อนตอนที่ป้ายังไม่ได้ออกกำลังกาย มือมันเหยียดไม่ออก
เพราะเส้นยึด
แต่หลังจากออกกำลังายทำท่าคลุกกระจูดที่ต้องกำมือแล้วเหยียดออก ทำบ่อย
ๆ เส้นมันคลายสามารถเหยียดนิ้วแบมือได้ อีกทั้งยังรู้สึกมีกำลังวังชา
เดินเหินกระฉับกระเฉง
ป้าลิ่ม คงเปีย
เล่าว่า เป็นหอบหืดมานาน พอมาออกกำลังกายแล้วก็ดีขึ้นนอนหงายได้
หายใจก็คล่องขึ้น อาการเหนื่อยหอบก็ค่อย ๆ เบาลง
ขยายผลความสำเร็จ
ขณะที่ในระหว่างโครงการนี้ดำเนินอยู่และเกิดผลดังกล่าว
กลุ่มผู้สูงอายุสามารถขยายผลด้วยการถ่ายทอดให้แกนนำในชุมชนกว่า 100 คน
ที่เป็นตัวขยายต่อสร้างกระแสการออกกำลังกายให้กระจายไปยังคนทุกวัยในชุมชน
จนชมรมพิทักษ์ผู้สูงอายุมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเกือบ 300 คน ตั้งแต่อายุ 40
ปีขึ้นไปจนถึงอายุกว่า 80 ปี โดยนัดหมายกันตอนเช้ามืดราวตี 5
ถึง 6 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้สูงอายุตื่นแล้ว
สมาชิกจะมาร่วมออกกำลังกายด้วยท่ากระจูดกับเพลงป่าลั่นกันอย่างคึกคักที่อาคารหอประชุมเก่าของหมู่บ้าน
ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ
ลุงสวัสดิ์ ศรีดำ กล่าวว่า
แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ
กลุ่มที่เคยออกกำลังกายกันอย่างหนาแน่นบางครั้งนับร้อยคน ก็ลดจำนวนลง
เพราะการมาออกกำลังกายไม่มีการบังคับ บางคนเจ็บป่วย ไม่พร้อมก็ไม่มา
จำนวนคนมาร่วมจึงไม่แน่นอน “คนแก่ก็เหมือนทุเรียนสุกคาต้น
เมื่อสุกงอมก็ร่วงหล่นไปเป็นธรรมดา
จำนวนคนที่มาออกกำลังกายหรือสมาชิกกลุ่มจึงไม่แน่นอน”
นอกจากนี้ยังสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้สูงอายุในหมู่บ้านต่าง ๆ ใน
ต.เคร็ง รวมทั้งกลุ่มผู้สูงอายุในต่างอำเภอและจังหวัด
ซึ่งบางกลุ่มก็ได้นำไปประยุกต์ให้เข้ากับท่าการประกอบอาชีพของตนเองเช่น
ในกลุ่มชาวนา และ กลุ่มชาวสวนยาง
การจัดการความรู้ที่ไม่ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามเมื่อจบโครงการและได้ผลบรรลุความสำเร็จด้วยดี
กลุ่มผู้สูงอายุมีความรู้สึกภาคภูมิใจในความสามารถและศักยภาพของผู้สูงอายุที่ยังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ที่จะคิดและทำสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้มากมาย
แต่เมื่อจุดสูงสุดได้บรรลุเป้าหมาย การเคลื่อนต่อกลับหยุดชะงัก
ทั้งกิจกรรมออกกำลังกายที่ซบเซาเลา กลายเป็นลักษณะของกลุ่มเล็ก
ๆที่กระจายอยู่ตามกลุ่มบ้านต่าง ๆ ในเคร็ง
ที่อาจใช้หน้าบ้านคนใดคนหนึ่งเป็นที่ออกกำลังกายกัน 5-10 คน โดยมี VCD
เป็นคู่มือการออกกำลังกายที่เปิดเมื่อไหร่ทุกคนก็รู้สึกครึกครื้นอยากขยับแข้งขยับขาและก็สามารถไปทำเองได้
ขณะที่ผู้สูงอายุกลุ่มหลักก็ยังไม่มีที่ออกกำลังกายที่ถาวร
เพราะจากที่เคยใช้ลานวัดก็ถูกขอร้องให้มาใช้อาคารประชุมเก่าของหมู่บ้านที่อนุญาติให้ผู้สูงอายุยืมใช้เพราะเห็นว่าการออกกำลังกายยามเช้าของผู้สูงอายุที่วัดอาจจะดูไม่เหมาะสม
จะเห็นว่ากระบวนการจัดการความรู้สร้างนวัตกรรมกายบริหารกระจูดพิชิตโรคของกลุ่มผู้สูงอายุบ้านหัวถนน
เกิดขึ้นจากการแสดงบทบาทคุณเอื้อและคุณอำนวยของทีมพี่เลี้ยงของ
สสส.ในพื้นที่
ซึ่งมองเห็นความตั้งใจและความต้องของผู้สูงอายุกลุ่มนี้
จึงคอยช่วยเหลือ แนะนำ และส่งเสริม
ให้กระบวนการจัดการความรู้ของบรรดาผู้สูงอายุบ้านหัวถนนเป็นไปอย่างมีชีวิตชีวา
เช่น มาช่วยจัดเวที จัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยจดบันทึก
ช่วยเขียนรายงาน เป็นต้น
ด้วยกระบวนการเช่นนี้ในที่สุดได้ก่อให้เกิดความรู้ องค์ความรู้
และวิธีการทำงานที่ ทุกฝ่ายต่างได้ประสบการณ์และบทเรียนไปใช้ต่อ
โดยเฉพาะการทำงานที่ต้องการให้ชุมชนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
กระบวนการจัดการมีความสำคัญมาก
สิ่งที่ควรทบทวนคือทำอย่างไรให้การเรียนรู้ไม่จบแม้โครงการจะจบลงก็ตาม
เพราะสิ่งที่น่าเสียดายสำหรับองค์ความรู้ที่กลุ่มผู้สูงอายุได้ร่วมกันสร้างขึ้นยังไม่ได้ถูกนำไปต่อยอดหรือใช้ประโยชน์อย่างจริงจังในชุมชน
โดยกลุ่มคนอื่น ๆ
ในชุมชนแม้จะรู้สึกภูมิใจและดีใจเมื่อผลงานของผู้สูงอายุได้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างทั้งทางทีวีและการถูกเชิญไปร่วมสาธิตในงานต่าง
ๆ ทั้งในระดับอำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ
แต่ก็ยังมองเป็นเพียงกิจกรรมที่ผู้สูงอายุทำกัน
โดยพวกเขาไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมและไม่คิดที่นำไปทำบ้างโดยอ้างว่าทำอยู่แล้วในการประกอบอาชีพ
เป็นต้น.
ลุงสวัสดิ์ ศรีดำ
ประธานชมรมพิทักษ์ผู้สูงอายุ ต.เคร็ง อ.ชะอวด
จ.นครศรีธรรมราช
โทร.01-2722843
ไม่มีความเห็น